บทที่ 1-4 แต่งงานกับพญายม
3
ฤดูใบไม้ผลิรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โหม่งกลองของเมืองเจียงตูดังกึกก้อง
ผู้ที่มาชมความสนุกเบียดเสียดกันที่ข้างทางอย่างเนืองแน่น ว่ากันว่านี่เป็นวันที่ลู่หย่วน…ทายาทกำพร้าของเจิ้นกั๋วกงผู้ล่วงลับลู่ถิงยวนตบแต่งภรรยาเอก
“พวกเจ้าได้ยินกันหรือไม่ เมื่อหลายเดือนก่อนฮ่องเต้เสด็จออกจากวังเป็นครั้งแรกในรอบห้าปี นำทหารไปตำบลค่งหม่าแดนโม่เป่ยด้วยตนเอง ปล่อยใต้เท้าลู่น้อยออกมาจากคุกปิดตาย แต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการองครักษ์อวี่หลิง ได้เลื่อนขั้นอย่างกับขี่เมฆเหินหมอก ระยะนี้นับว่าเป็นบุคคลที่ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิงของราชสำนัก กระแสลมนี้…เกรงว่าแม้แต่พระเก้าพันปีก็ยังหวั่นเกรง!”
ยามพูดถึงพระเก้าพันปี เสียงของคนผ่านทางก็เบาลงเล็กน้อย
“ได้ยินว่าภรรยาที่สู่ขอมานางนี้แซ่ซย่า เหมือนจะมีความเกี่ยวโยงกับขุนนางต้องโทษซย่าเยี่ยนผู้นั้น”
“เหลวไหลทั้งเพ! ตอนนั้นขุนนางต้องโทษซย่าเยี่ยนเป็นคนยื่นฎีกาฟ้องแม่ทัพลู่ องค์เหนือหัวถึงได้พระราชทานโทษประหารแม่ทัพลู่ สองตระกูลมีความแค้นฝังรากหลายชั่วโคตร แล้วถ้าซย่าเยี่ยนนั่นมีบุตรสาวก็น่าจะตายไปนานแล้วด้วย”
“แต่ถ้าข่าวลือเป็นจริงล่ะก็ ตอนนี้สกุลลู่ได้หวนคืนสู่ราชสำนัก คุณชายน้อยท่านนี้มีอำนาจดุจตะวันยามเที่ยง ทั้งยังเดินทางไกลเป็นพันหลี่ดั้นด้นฟันฝ่าอุปสรรคจนตามตัวทายาทกำพร้าสกุลซย่าที่หายไปในปีนั้นจนเจอ แล้วยังแต่งนางเข้าตระกูลอีก…จองเวรจองกรรมกันไม่เลิกเช่นนี้แล้วเมื่อใดจะสิ้นสุด จุ๊ๆๆ”
เวลาเดียวกันนี้เอง หนึ่งในตัวละครหลักของพิธีแต่งงาน…ลู่หย่วนผู้เป็นเจ้าบ่าวยังคงอยู่ในห้องคุมขังที่ใช้สอบสวนคดีอาชญากรรมของคุกใหญ่เมืองเจียงตู บนตัวสวมชุดแต่งงานสีแดงสด ด้านหลังมีเครื่องมือลงทัณฑ์จัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ บนโซ่เหล็กเบื้องหน้ามีชายผู้หนึ่งที่แต่งกายหรูหราดวงตาดำคล้ำถูกล่ามไว้ ลู่หย่วนมือขวาถือถ้วยชา มือซ้ายถือหนังสือเล่มหนึ่ง กดคิ้วลงและเอ่ยว่า “แผนล่อลวงเมื่อคืนในวัดโบราณที่ชานเมืองโดยให้วางยาซย่าชิงยวนเป็นฝีมือเจ้าสินะ”
“ชะ…ใช่”
“เหตุใดถึงปองร้ายนาง ผู้ร่วมสมคบคิดคือใคร” ลู่หย่วนตะล่อมถามอย่างเชี่ยวชาญ “ตอบมาดีๆ ข้าผู้แซ่ลู่จะได้พิจารณา…ลงโทษเจ้าตามกฎหมาย”
“ทะ…ท่านแม่บอกว่าถ้าทำให้น้องสาวถูก…ถูกคนในวัดทำให้แปดเปื้อน แล้วค่อยจับให้ได้ซึ่งหน้า กะ…ก็จะได้กะ…กำจุดอ่อนไว้ในมือเรา ภายหลังเมื่อไปเมืองหลวงก็ไม่ต้องกลัวว่านางจะไม่ไยดีพวกเราอีก” บุรุษผู้นั้นคายผู้ร่วมสมคบคิดออกมาโดยไม่ลังเล
เพล้ง!
เสียงถ้วยชาแตกกระจาย บุรุษผู้นั้นตกใจสะดุ้งโหยง ปัสสาวะรดกางเกง
ลู่หย่วนเงยหน้ามองเขา สายตานั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนตนเองได้ตายไปแล้ว
“ระ…เรียนใต้เท้า ข้าน้อยกับซย่าชิงยวนไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหายอะไร ละ…แล้วก็ไม่ใช่ครอบครัวจริงของนางแพศยานั่น ที่ทำไปเมื่อคืนนี้เป็นคำสั่งของท่านแม่ทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องต่ำช้าอะไร ใต้เท้าโปรดไต่สวนให้กระจ่างด้วย”
ลู่หย่วนปล่อยมือออกจากถ้วยชา แผ่นกระเบื้องร่วงลงพื้นเคร้งคร้าง มือเต็มไปด้วยแผลมีเลือด จากนั้นเขาก็วางหนังสือ เดินเข้ามาหาบุรุษผู้นั้นช้าๆ “เจ้าได้แตะต้องนางหรือไม่”
ขณะนั้นอีกฝ่ายไม่เข้าใจว่าลู่หย่วนกำลังพูดเรื่องอะไร จึงได้แต่ส่ายหน้า
“ข้าหมายถึงคุณชายจากตระกูลใหญ่ผู้มีชื่อเสียงของเจียงตู จอมเสเพลที่เที่ยวหอคณิกาตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสิบห้าปี เจ้าเคยแตะต้องซย่าชิงยวนหรือไม่” ลู่หย่วนก้มหน้า เสียงอยู่ที่ข้างหูอีกฝ่ายนี่เอง น้ำเสียงยังคงราบเรียบ
อีกฝ่ายเดิมก็ตัวสั่นเทิ้มราวกระชอนร่อนแกลบอยู่แล้ว พลันตระหนักถึงความเป็นไปได้ที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อน ทันใดนั้นก็หัวเราะอย่างเสียสติ เงยหน้าชำเลืองมองลู่หย่วน
“ใต้เท้าลู่ เจ้าชมชอบนางจริงๆ หรือ ขนาดคนชั่วอย่างข้ายังรู้เลย โทษข้อหาเป็นกบฏของซย่าเยี่ยนในตอนนั้นพระเก้าพันปีเป็นคนไต่สวน ถ้าเจ้าไม่ได้แต่งนางแพศยานั่นเพื่อแก้แค้นล่ะก็ พระเก้าพันปีรู้เข้าจะปล่อยเจ้าไปหรือ” เขาหัวเราะเยาะอีกที “ใต้เท้าลู่ สตรีตายไปแล้วยังหาใหม่ได้ หมวกขุนนางถ้าทำหาย อาจหมายถึงต้องเสียศีรษะไปนะ”
ลู่หย่วนค้อมตัว โบกมือโดยหน้าไม่เปลี่ยนสี ตบเขาไปหนึ่งฉาด
เสียงดังกังวานนี้ปลุกคนที่คุกเข่าอยู่ให้แตกตื่นผวา
“ข้าถามเจ้าว่าเคยแตะต้องนางหรือไม่” ลู่หย่วนกระชากใบหน้าอีกฝ่ายเข้ามา ใช้มือที่เปื้อนเลือดเช็ดเสื้อของเขา ขยับเข้าไปเอ่ยเบาๆ ที่ข้างหู “ในสวนข้างหลังจวนมีศพสตรีอยู่สามศพ เป็นเด็กหญิงที่ถูกเจ้าทำร้ายจนตาย ศพถูกมอบให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ก่อนจะสนใจความเป็นตายของข้า มิสู้สนใจตัวเจ้าเองก่อนดีกว่า”
อีกฝ่ายใบหน้าไร้สีเลือดในทันใด
“นอกจากวิญญาณแค้นทั้งสามแล้ว ถ้าเจ้ายังเคยแตะต้องนางอีกแม้แต่นิ้วเดียวล่ะก็…”
ลู่หย่วนหยิบหนังสือขึ้นมา หมุนตัวเดินออกไปแล้วปิดประตูห้องคุมขัง กุญแจเหล็กลั่นดังกริ๊ก
“ข้าจะให้เจ้าได้รู้ว่าการตายทั้งเป็นในนรกขุมที่สิบแปดที่แท้แล้วรสชาติเป็นอย่างไร”
เสียงฝีเท้าลู่หย่วนค่อยๆ ห่างออกไป บุรุษผู้นั้นนั่งแน่นิ่งราวกับเป็นอัมพาตอยู่บนพื้น แววตาไร้ซึ่งความหวัง
ในความมืดภายใต้ชุดแต่งงานสีแดงสดของลู่หย่วน แผลที่มือยังคงมีเลือดไหลอาบชายแขนเสื้อให้เป็นสีแดง ขับย้อมให้ใบหน้าที่งดงามของเขาดูบ้าคลั่งและชั่วร้ายยิ่งขึ้น เหมือนอย่างขุนนางผู้พิพากษา และคล้ายกับอสูรร้าย