ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.1-2.3
บทที่ 2-2 สามีภรรยาปลอม
2
หลังงานเลี้ยงแต่งงานจบลง ทั้งสองก็ออกเดินทางกลับเมืองหลวงทันที
ก่อนกลับเมืองหลวง ซย่าชิงยวนเพิ่งทราบว่าญาติผู้พี่ถูกคุมขัง คดีที่เขาข่มเหงสาวใช้จนตายก่อนหน้านี้ถูกรื้อขึ้นมา ความผิดต้องโทษหลายประการ ถูกตัดสินให้ตัดศีรษะ เพื่อหลบเลี่ยงหายนะคนสกุลหานจึงยอมจากไปปล่อยให้เรือนร้าง
เมื่อเดินออกมาจากจวนที่ว่างเปล่าก็เห็นคนที่ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้เห็น ท่านป้าห่างๆ ของนาง อดีตนายหญิงของสกุลซย่าแห่งเจียงตู เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเคยเป็นบุตรีภรรยาเอกของสกุลซูจาก ‘สกุลซูแห่งปั้นเฉิง’ เกียรติยศกว้างขวาง คาดไม่ถึงเลยว่าครึ่งหลังของชีวิตจะติดหล่มประสบความลำบาก
แป้งบนใบหน้าของหญิงนางนั้นไม่หนาเท่าเวลาปกติ เพียงแต่ใบหน้าซีดขาว ในมือถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง
ซย่าชิงยวนแค่มองปราดเดียวสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที นั่นคือของที่นางอยากกลับมาเอาโดยตลอด และก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้นางเสี่ยงกลับมาที่จวนสกุลซย่าอีกรอบ…ตราประทับของซย่าเยี่ยน เป็นสิ่งของเพียงหนึ่งเดียวที่นางกำไว้ในมือหลังฟื้นขึ้นมาที่เจียงตู แม้ว่าของสิ่งนี้จะถูกท่านป้ายึดไปหลังนางฟื้นขึ้นได้ไม่นานแล้วไม่ได้คืน แต่นางจดจำความร้อนเย็นและผิวสัมผัสของตราประทับได้มาตลอด จำได้ว่าบนนั้นมีอักษรสลักไว้ว่า ‘อาคันตุกะแห่งตงซาน’ ภายหลังท่านป้าเคยวางแผนหลอกนางว่านางก็แค่ป่วยจนเพ้อไปเอง คิดว่าตนเองคือคุณหนูสกุลซย่า ความจริงแล้วเป็นแค่หญิงสาวเสียสติที่ถูกทิ้งไว้ที่ประตูจวนในคืนหิมะตกเท่านั้น เป็นตนเองที่ใจดีถึงได้รับเอาไว้ไม่ให้หนาวตาย แต่นางกลับไม่สำนึกบุญคุณ ทว่าซย่าชิงยวนไม่เคยโต้เถียงเพราะนางจำตราประทับได้ ขอเพียงสิ่งนั้นเป็นของของนาง นางก็คือซย่าชิงยวน นางก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือไปรับกล่องมาเปิดออกลูบไล้ตราประทับหยกผิวลื่นเย็น ก็พลันรู้สึกแสบที่จมูก
“ตอนแรกข้าไม่คิดจะให้ของสิ่งนี้กับเจ้า” อีกฝ่ายเอ่ยปาก เสียงแหบแห้งราวกับมาจากขุมนรก “แต่ผู้อื่นสั่งมา”
“ผู้ใดเป็นคนสั่งมาหรือ” ซย่าชิงยวนมองไปที่สตรีผู้นั้น
อีกฝ่ายแค่นเสียง ในดวงตามีความขุ่นแค้นแรงกล้า นางมองเพียงแวบเดียว ความหนาวเย็นก็ปะทะขั้วหัวใจ
“เจ้าตายไปก็ไม่มีทางรู้” สตรีผู้นั้นขยับมุมปากยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นเมื่ออยู่บนใบหน้าที่ขาวซีดของนางแล้วดูผิดแผกอย่างยิ่ง “ซย่าเยี่ยนทำลายสกุลซย่าแห่งเจียงจั่ว แล้วสวรรค์ก็ส่งเจ้าให้มาอยู่ในมือ เดิมข้าคิดจะทำลายเจ้า จึงจะถือว่าไม่ได้ทำผิดต่อบรรพบุรุษ ใครจะนึกว่าเจ้าจะอำมหิตเพียงนี้ กลับให้ร้ายบุตรชายข้าจนตาย”
“เขาทำตัวเขาเอง ต้องรับผลกรรมจากความผิดที่เขาก่อ” ซย่าชิงยวนมองสตรีผู้นั้นตรงๆ ไม่ขยับแม้แต่ครึ่งก้าว
“หึ! เพราะฉะนั้นต่อให้ข้าตายไป ก็จะไม่มีทางบอกเจ้าว่าใครเป็นคนช่วยเจ้าไว้ในตอนแรก ให้เจ้าถูกผู้อื่นหลอกลวงไปชั่วชีวิต ใช้ชีวิตเหมือนเป็นเรื่องชวนหัว ไม่ว่าไต่เต้าสูงเพียงใดก็เป็นได้แค่หุ่นเชิดชักใย ได้แต่ตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น!” สตรีผู้นั้นริมฝีปากสั่นระริก ดวงตาทอประกายสิ้นหวังแต่ก็ได้ใจ
หลังซย่าชิงยวนฟังสตรีผู้นั้นตวาดก็ก้มลงยิ้ม “คำพูดนี้ของหานฮูหยินหมายถึงตัวท่านเองต่างหาก”
จากนั้นนางก็ก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าอีกฝ่าย เอ่ยเสียงเบาทว่าชัดถ้อยชัดคำ “สถานะของตัวข้า ข้าจะสืบทราบให้กระจ่างเอง หานฮูหยินไม่ต้องเปลืองแรง คำพูดของฮูหยินจะไม่มีทางเป็นจริงแม้แต่คำเดียว”
นางพูดจบก็ออกจากจวนไปโดยไม่หันกลับ ที่ด้านหลังแว่วเสียงกรีดร้องสุดปอดของสตรีผู้นั้น แล้วนางก็ไม่ได้ยินอีกต่อไป
รถม้าขององครักษ์อวี่หลิงจอดอยู่นอกประตู นางลังเลครู่หนึ่งแล้วก็เลิกม่านรถกระโจนขึ้นไป แต่นึกไม่ถึงว่าลู่หย่วนจะนั่งอยู่ในรถ ซย่าชิงยวนตกใจ ยืนไม่มั่นเกือบถลาเข้าไปในอ้อมกอดเขา
ตั้งแต่เกิดเรื่องที่วัดโบราณ ขอเพียงนางเห็นลู่หย่วนก็มักจะเกิดความคิดที่ไม่อยู่กับร่องกับรอย แต่เขาในตอนนี้ไม่ใช่คนผ่านทางที่บังเอิญมาเจอกันอีกแล้ว ถ้าเผลอก้าวพลาด คนที่จะล้มแล้วลุกไม่ขึ้นก็คือนาง
ซย่าชิงยวนใจลุ่มๆ ดอนๆ เป็นฝ่ายดึงมือกลับมาก่อน
แต่ลู่หย่วนรั้งแขนนางไว้ ก่อนจะคลี่ยิ้มมองนาง “เจ้ากอดข้าแต่เช้าเลย” ก่อนจะเอ่ยต่ออย่างจริงจังว่า “เมื่อครู่…หานฮูหยินสร้างความลำบากให้เจ้าหรือไม่”
ซย่าชิงยวนส่ายหน้าพลางยิ้ม “ก็แค่คุยเรื่องในบ้านทั่วไป”
เขาร้องอ้อ ปล่อยนางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วจัดแขนเสื้อตนเอง
ทั้งสองนั่งหันเข้าหากันตัวตรงแหน็ว ดูคล้ายคู่ครองที่ให้เกียรติกัน
รถม้าขับเคลื่อนออกจากเจียงตูแล้ว ซย่าชิงยวนครุ่นคิดเป็นคำรบที่สาม ในที่สุดก็เอ่ยปาก “ใต้เท้าลู่ ข้ากับท่านแต่งงานกัน สายของคนแซ่หานที่เมืองหลวงจะสร้างความลำบากให้ท่านหรือไม่ ต่อให้ฐานะของข้ายังไม่กระจ่าง แต่อย่างไรก็ยังแซ่ซย่า”
ลู่หย่วนเลิกคิ้วมองนาง “กลัวข้าลำบากเพราะเจ้าหรือ”
นางแย้มยิ้มตามมารยาท “ข้ากลัวว่าเพิ่งจะแต่งงานก็กลายเป็นหญิงม่าย”
เขาเอนหลังพิงตัวรถ เลิกม่านขึ้นมองทิวทัศน์ภายนอก “เจ้าเป็นทายาทขุนนางต้องโทษ ข้าก็เป็นทายาทขุนนางต้องโทษ ถึงไม่แต่งกับเจ้า สายของคนแซ่หานก็ไม่มีทางปล่อยข้าไป ข้าทำเช่นนี้ก็เพื่อแผนการที่ข้าวางไว้เอง คุณหนูซย่าไม่จำเป็นต้องคิดมาก”
ซย่าชิงยวนพยักหน้าเหมือนวางใจแล้ว จากนั้นก็นึกอะไรขึ้นได้ นางอยากจะพูดแต่ก็ยั้งไว้
ลู่หย่วนมองนางเที่ยวหนึ่ง “ยังอยากถามอะไรอีกหรือ”
“ไปเมืองหลวงแล้ว ท่านกับข้าต้องอยู่ที่เดียวกันหรือไม่”
ลู่หย่วนยืดตัวขึ้นมา ซย่าชิงยวนรีบหันศีรษะทำเป็นมองออกไปนอกหน้าต่างทันที “เจ้าอยากอยู่ที่เดียวกันกับข้าหรือ” น้ำเสียงซุกซนอันคุ้นเคยดังขึ้นที่ข้างหูนาง
“มะ…มะ…ไม่ใช่สักหน่อย!” ซย่าชิงยวนลนลานโบกมือ
ลู่หย่วนเลิกกล่าวล้อเล่น เพียงตอบคำเรียบๆ “เจ้ากับข้าไม่จำเป็นต้องอยู่อาศัยที่เดียวกัน ข้ามักจะทำคดีอยู่ที่หน่วยองครักษ์อวี่หลิง ไม่ค่อยได้กลับจวน”
นางฟังแล้วก็ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้ผิดหวัง จึงเพียงพยักหน้าและพึมพำกับตนเองว่า “เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน…ลดเรื่องยุ่งยากไปได้หลายอย่าง”
ลู่หย่วนเท้าคาง ชักสนใจใคร่รู้ “เรื่องยุ่งยากอันใด”
ซย่าชิงยวนยิ้มกล่าว “จะได้ไม่ต้องคอยระวังป้องกันใต้เท้าลู่มาทำตัวมากตัณหาอีก จากนี้ไปท่านกับข้าต่างคนต่างอยู่ สะสางหนี้เก่าหมดสิ้นแล้วก็ไม่มีใครติดค้างใคร”
ลู่หย่วนยิ้มตอบตามมารยาทบ้าง “เรื่องสืบหาเบาะแสก็มอบให้เจ้าจัดการแล้วกัน” คิดแล้วเขาก็เสริมขึ้นอีกว่า “เรื่องในเมืองหลวงอาจยุ่งยากกว่าที่เจ้านึกไว้เสียอีก ทำตามที่เจ้าเคยว่าไว้นั่นล่ะ ข้าจะจัดสรรเบี้ยหวัดรายเดือนจากบัญชีให้เจ้าเป็นระยะ”
ซย่าชิงยวนยิ้มแฉ่งขึ้นมาทันที “ขอแค่ใต้เท้าลู่ให้เงิน เรื่องที่เหลือให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง!”