ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.1-2.3 – หน้า 7 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.1-2.3

7 of 7หน้าถัดไป

5

 

ซย่าชิงยวนเตรียมใจเอาไว้เต็มที่ หลังลงจากรถม้ามายืนที่หน้าประตูหอเทียนเซียงก็เดินเข้าไปทางประตูหลักโดยสายตาไม่ว่อกแว่กท่ามกลางเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบจากคนที่สัญจรไปมาที่กำลังมุงดูความสนุก ดูไปแล้วเหมือนกับ…มาจับชู้จริงๆ

“ฮูหยินที่เพิ่งแต่งของใต้เท้าลู่ผู้นี้ร้ายกาจเสียจริง ถึงกับมาหาคนถึงที่หอเทียนเซียง”

“ใต้เท้าลู่ก็ไม่เอาไหนเลยจริงๆ เพิ่งแต่งได้สามวันก็ไปเที่ยวหอคณิกาเสียแล้ว ถ้าข้าเป็นฮูหยินล่ะก็จะตัดขาเขาให้ขาดไปเลย”

“ได้ข่าวว่าทั้งสองมีความแค้นระหว่างตระกูล บางทีคนแซ่ลู่อาจจงใจทำให้นางไม่มีทางถอย”

“ความแค้นระหว่างตระกูลคือการแก่งแย่งกันในราชสำนัก มารังแกสตรีเช่นนี้นับเป็นอะไรได้”

“ชู่ อย่าพูดเหลวไหล ตอนนี้สายของคนแซ่หานมีอยู่ทั่วทุกที่ เจ้าระวังศีรษะตนเองเอาไว้เถอะ”

ระหว่างเดินซย่าชิงยวนปาดเหงื่อบนหน้าผาก กัดฟันด่าลู่หย่วนในใจเป็นพันรอบ หอทองอยู่ที่ชั้นบนสุดของหอเทียนเซียง เป็นห้องรับรองแขกที่มีแต่คนสำคัญในราชสำนักเท่านั้นที่จองได้ นางไต่ขึ้นบันไดทีละขั้นอย่างสู้สุดใจ ด้านหลังตามด้วยฝูงคนจอแจที่มาชมความสนุก หอทองอยู่ตรงหน้านี้เอง เสียงเครื่องดนตรีนานาชนิดดังออกมาจากหลังฉากกั้นทองหนาหนัก นางสูดหายใจเข้าลึกๆ กระแอมให้คอโล่ง กำลังจะเอ่ยปากออกไป ฉากทองนั้นพลันเปิดออก

ภาพภายในห้องทำให้นางนึกถึงบทกวีที่เคยอ่านสมัยก่อน

บุปผาล้นห้องสามพันเมามาย

หอทองเป็นหอที่อยู่ในหออีกที สร้างเป็นโถงกว้างขนาดใหญ่กลางอากาศที่สูงเท่าหอสามชั้น ห้องข้างในล้วนตกแต่งทาเคลือบด้วยสีทอง ท่ามกลางม่านโปร่งที่พลิ้วไหว มีหญิงงามแต่งหน้าเต็มที่เดินขวักไขว่ไปมาโดยไร้เสียง รินสุราเติมอาหารให้บรรดาแขกเหรื่ออย่างเป็นระเบียบ บนเพดานกลางโถงใหญ่เป็นซุ้มเพดานไม้ทาสีทอง สลักยื่นออกมาเป็นมังกรทองตัวหนึ่ง ปากมังกรคาบมุก หันหน้าตรงกับที่นั่งประธานที่สุดปลายโถงใหญ่ นางอดรู้สึกหนาวยะเยือกไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าการจัดวางของห้องโถงใหญ่นี้ก็คือพระราชวังขนาดเล็ก บนที่นั่งประธานมีบุคคลสูงศักดิ์สวมอาภรณ์สีม่วง คิ้วยาวเรียวบาง มือถือแส้นักพรต คาดว่าคงเป็นพระเก้าพันปี

“บุตรีสกุลซย่าอย่างนั้นหรือ ไม่เจอกันหลายปี เติบใหญ่เพียงนี้แล้ว” พระเก้าพันปีเปรย น้ำเสียงทุ้มต่ำแหบแห้ง ยามนี้นางค่อยนึกได้ว่าหานซูก็เป็นเช่นเดียวกับแม่ทัพลู่ผู้ล่วงลับ ต่างเคยเป็นสหายเก่าที่ร่วมเป็นร่วมตายตีชิงใต้หล้า เพียงแต่ทุกวันนี้ดาบเลื่องชื่อซุกซ่อนในเขาลึก นายทัพขุนนางลือชาตกตายสิ้นชีวิต มีแค่หานซูที่สงบสุขปลอดภัย เพียงแต่มือย้อมเต็มไปด้วยเลือดของผู้บริสุทธิ์

“เข้ามาอีกหน่อย ให้ข้าได้ยลดูเจ้า”

เมื่อครู่ซย่าชิงยวนมองไปโดยรอบไม่เห็นลู่หย่วน ถ้าเขาไม่อยู่ในงาน…นางไม่กล้าคิดต่อ ดังนั้นจึงรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปในส่วนลึกที่หานซูนั่งอยู่ทีละก้าว

ภายในโถงใหญ่เงียบงันไปชั่วขณะ ฝูงชนต่างหยุดพูดคุยเบาๆ และดื่มสุรา มองดูนางผ่านม่านโปร่งเป็นชั้นๆ

ซย่าชิงยวนยืนคำนับในจุดที่ห่างจากหานซูไม่ไกล เมื่อเงยขึ้นมาก็พบว่าหานซูกำลังยิ้มมองตนเอง

“หน้าตาคล้าย…หลิงจวีมากกว่า” เขาก้มหน้า ผลักจอกสุราที่ตั่งเตี้ยตรงหน้าให้นาง “สุราจอกนี้คารวะให้เจ้า”

ซย่าชิงยวนสั่นสะท้าน นึกถึงเมื่อก่อนที่ท่านป้าเคยพูดถึงเป็นเชิงดูแคลนโดยไม่ได้ตั้งใจว่าชื่อก่อนแต่งงานของมารดานางคือหลิงจวี ก่อนหลิงจวีแต่งงานให้ซย่าเยี่ยนเคยเป็นยอดบุปผา* ที่มีชื่อเสียงของหยางโจว ตอนนั้นแผ่นดินอยู่ในสงครามกลียุค ซย่าเยี่ยนมีชาติกำเนิดจากตระกูลที่โดดเด่นของเจียงจั่ว เร้นกายในหุบเขาลึกเป็นเวลาหลายปี หลิวเสวียนหลี่เชิญเขาไปเป็นกุนซือทหาร ทำงานง่วนอยู่ห้าปี สร้างผลงานความดีมากมายแต่ไม่ตบแต่งภรรยาเลยสักคน เมื่อชื่อเสียงอยู่ในจุดสูงสุดแม่สื่อแม่ชักในเมืองหลวงต่างก็มาเยี่ยมเยียนไม่หยุดหย่อน ทว่าสุดท้ายเขากลับสู่ขอหญิงดีดผีผานางหนึ่งจากเมืองหยางโจว นั่นคือความหลังครั้งเก่าที่ซย่าชิงยวนพยายามไขว่คว้าแต่ไม่อาจจดจำ เมื่อกลับมาเมืองหลวง เรื่องแต่ละอย่างก็ค่อยๆ เผยให้นางเห็นเช่นนี้

“เรียนถามพระเก้าพันปี หลิงจวีคือผู้ใด” ซย่าชิงยวนยิ้มอย่างอ่อนช้อยมองดูพระเก้าพันปี ในดวงตาดูใสซื่อไร้พิษภัยไม่เสแสร้ง แต่รอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา มือนางซ่อนอยู่ในช่องแขนเสื้อ ทว่ากลับอดที่จะสั่นระริกเบาๆ ไม่ได้ นางจะยอมรับต่อหน้าหานซูไม่ได้เด็ดขาดว่านางคือซย่าชิงยวน

“ท่านเสนาบดีโปรดอย่าถือสา ภรรยาข้า…ป่วยหนักเมื่อห้าปีก่อน เรื่องราวก่อนอายุสิบห้าล้วนลืมสิ้น”

ซย่าชิงยวนได้ยินเสียงนั้นก็ตกใจหันมองไปตามเสียง ก่อนจะพบว่าลู่หย่วนนั่งอยู่บนที่นั่งด้านซ้ายของบริวารหานซู ซึ่งเป็นจุดที่เมื่อครู่นางมองไม่เห็นพอดี

หานซูมองนางแล้วค่อยมองเขา จากนั้นก็หัวเราะดังลั่น เสียงหัวเราะสะท้อนก้องอยู่ในโถงใหญ่

“ดี ในเมื่อใต้เท้าลู่ช่วยคลี่คลายให้ฮูหยิน เช่นนั้นจอกนี้เจ้าก็ดื่มปรับแทนนางแล้วกัน”

ซย่าชิงยวนกำลังยืนอยู่กับที่คิดคำนึงว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นเช่นไร ลู่หย่วนก็ยืนขึ้นมารับสุราที่หญิงงามนำมาส่งให้ไปดื่มรวดเดียวหมด แล้วส่งสายตาบอกให้นางเข้ามานั่ง นางเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายก็วิ่งเข้าไปในไม่กี่ก้าว นั่งลงที่ข้างเขา แต่นึกไม่ถึงว่าลู่หย่วนจะคว้าเอวนางไว้แล้วดึงนางเข้ามาแนบข้างตัว มือของเขาเพียงแตะเบาๆ ที่เอวนาง แต่ซย่าชิงยวนหน้าผากผุดเหงื่อชั้นบาง ใจเต้นรัวจนสงสัยว่าลู่หย่วนจะได้ยิน

ทว่าเขาแค่ก้มหน้าดื่มสุราราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มองนางแม้แต่แวบเดียว

 

 

ติดตามตอนต่อไปวันที่ 4 .. 67 

7 of 7หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 5-6

บทที่ 5 สังหารภูต   หลี่เจาเกอกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ นิ้วมือวางบนด้ามกระบี่ ท่ามกลางหมู่ใบไม้แว่วเสียงความเคลื่อนไหวดังแซกซ...

community.jamsai.com