ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทที่ 2.4-2.6
บทที่ 2-4 สามีภรรยาปลอม
6
บนหอทองล่วงเข้ากลางคืนแล้ว รอบด้านล้วนจุดโคมไฟ เปลวไฟลุกโชติช่วง
ในมุมที่ซย่าชิงยวนนั่งอยู่นางสามารถมองเห็นสันกรามและกระดูกไหปลาร้าที่เชื่อมต่อกันเป็นลายเส้นพู่กันที่ลากขึ้นลงชัดเจนของลู่หย่วนได้พอดี เหมือนดั่งขุนเขาลำน้ำหนักแน่นที่นางเคยคัดลอก แววตาเขาดูถือดี พูดง่ายๆ ก็คือยั่วโมโห
ซย่าชิงยวนเท้าคางนึก เมื่อก่อนลู่หย่วนคงไม่ค่อยถูกคนลงไม้ลงมือเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นคลุกคลีอยู่ในโลกภายนอกมานานเพียงนี้ จะมีสภาพเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร
หานซูนั่งอยู่ในที่สว่าง นางนั่งอยู่ในที่มืด ลู่หย่วนเปลี่ยนมุมโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง บังนางไว้จากสายตาของหานซูได้อย่างน่าอัศจรรย์ นางเพิ่งสังเกตเป็นครั้งแรกว่าไหล่ของลู่หย่วนกว้างจริงๆ
หานซูก็ทำเป็นมองไม่เห็นการกระทำเล็กๆ ของเขา หลังดื่มสุราไปก็โบกมือเรียกบริวารมากระซิบอยู่สองสามคำ จากนั้นก็มีหญิงงามที่รูปโฉมแตกต่างกันไปเดินออกมาจากหลังฉากกั้น ย่อมเป็นคนที่โดดเด่นของหอเทียนเซียง
“ดึกแล้ว ขอให้สาวงามทุกท่าน…ประคองแขกผู้มีเกียรติไปพักผ่อนเถอะ” หานซูเอ่ยขึ้น
หลังหญิงงามเหล่านั้นรับคำก็แยกย้ายไป มีอยู่หลายคนในนั้นที่จับจ้องไม่วางตาเดินมาทางที่นั่งของลู่หย่วน
สัญญาณเตือนในใจของซย่าชิงยวนร้องขึ้น แต่ลู่หย่วนบีบเอวของนางเงียบๆ แล้วส่งสายตาให้นาง
“พระเก้าพันปี คืนนี้ผู้น้อยมีภรรยาคนงามอยู่ข้างกาย พาสาวงามกลับไปด้วยเกรงว่าจะไม่เหมาะ”
หานซูกุมจอกสุราไว้ มองซย่าชิงยวนแล้วก็มองลู่หย่วน สายตานั้นแทบจะเขียนคำว่า ‘ข้าจะดูว่าพวกเจ้าจะเล่นละครตบตาไปถึงเมื่อไร’ ไว้บนใบหน้า
ซย่าชิงยวนลอบด่าทอในใจ อ้อ จิ้งจอกเฒ่า ที่แท้ก็ลองใจนี่เอง
เห็นได้ชัดว่าจุดเริ่มต้นของหายนะในปีนั้นมีหานซูเป็นต้นเหตุ มาวันนี้ลู่หย่วนงมเข็มในมหาสมุทรตามหานางจนเจอ แล้วยังประกาศเสียใหญ่โตว่าแต่งงานกับนาง การกระทำเหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากการเปิดศึกกับหานซู แม้ว่าลู่หย่วนในตอนนี้จะมีฮ่องเต้หนุนหลัง แต่ถ้าหานซูเอาจริงกับเขาขึ้นมา จะบี้เขาให้ตายก็ไม่ต่างอะไรจากบี้มดตัวหนึ่ง
“ต่อให้ผู้น้อยยินยอม…” เขาชะงักไปแล้วพูดต่อ “เกรงว่ายวนเอ๋อร์ก็คงไม่ยินยอม”
คำว่า ‘ยวนเอ๋อร์’ ที่แสดงถึงความสนิทสนมนี้ทำเอาซย่าชิงยวนอึ้งงันจนตอบสนองไม่ทัน รอจนนางตอบสนองได้แล้วก็อดสั่นสะท้านเพราะความเลี่ยนเอียนไม่ได้ นางหันไปมองลู่หย่วนอย่างตกตะลึง
เขาก้มลงมาที่ข้างหูนาง กล่าวถ้อยคำอ่อนหวานรื่นหู “ใช่หรือไม่ ยวนเอ๋อร์” แล้วก็เสริมด้วยเสียงอันเบา “ช่วยคล้อยตามที เบี้ยหวัดเดือนนี้เพิ่มให้เจ้าเป็นสองเท่า”
ซย่าชิงยวนถูกยุจนฮึกเหิมในพริบตา ดวงตาทอประกาย ตัวอ่อนปวกเปียกซบลงกับไหล่ของลู่หย่วน ทำราวกับคุณหนูสูงศักดิ์ที่ถูกตามใจจนเคยตัว น้ำเสียงที่พูดเปลี่ยนเป็นตัดพ้อน้อยใจ “ใช่แล้ว พระเก้าพันปี การพรากจากชั่วครู่แล้วพบพานนั้นหอมหวานกว่าวิวาห์ใหม่ ข้าน้อยคิดถึงใต้เท้าลู่จริงๆ จะทนแบ่งใต้เท้าลู่ให้กับผู้อื่นได้อย่างไร” กล่าวจบนางก็ฝังหน้าเข้ากับคอของลู่หย่วนแล้วซุกไซ้ด้วยความใจกล้า
ลู่หย่วนเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนมือที่กุมเอวนางอยู่จะกระชับขึ้น ทำเสียนางตกใจจนเหงื่อซึมหลัง
หานซูมองพวกเขาอย่างนึกสนุกอยู่สักพัก ซย่าชิงยวนแสดงต่อไปไม่ไหวแล้ว เลยแกล้งตายฝังหน้าลงกับไหล่ลู่หย่วน ดูไปกลับคล้ายนกน้อยต้องการที่พักพิง
“ได้ ในเมื่อฮูหยินไม่ยินยอม ผู้แซ่หานก็ไม่พรากรักของผู้อื่น เช่นนั้นให้คนไปส่งใต้เท้าลู่กับฮูหยินกลับจวนแล้วกัน ทว่าอย่างไรหญิงงามเหล่านี้ก็มอบให้ใต้เท้าลู่แล้ว หวังว่าใต้เท้าลู่จะรับไมตรีจากข้าผู้แซ่หาน”
ลู่หย่วนไม่ตอบคำใด เพียงอุ้มซย่าชิงยวนขึ้น ยิ้มและเปลี่ยนบทสนทนา “ฮูหยินเมาแล้ว โปรดอภัยที่ข้าน้อยต้องลากลับก่อน”
หานซูพยักหน้า โบกมือเป็นเชิงส่งแขก
ลู่หย่วนจึงอุ้มนางเดินออกจากโถงใหญ่ไปท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย
เขาอุ้มนางเดินออกจากหอทอง แต่ไม่ได้ปล่อยลงทันที ยังคงเดินลงบันไดที่แกะสลักลวดลายซับซ้อนไปทีละก้าว
ซย่าชิงยวนเร่งเขาเบาๆ “ใต้เท้าลู่ ปล่อยข้าลง”
ใบหน้าด้านข้างของเขาดูงดงามเป็นพิเศษใต้แสงโคมไฟ
ซย่าชิงยวนนึกในใจ ตั้งสติหน่อย กำลังแสดงละครๆ
“เมื่อครู่เจ้าเดินขึ้นหอสิบชั้นมาเองหรือ”
ซย่าชิงยวนมองลงไปข้างล่าง พริบตานั้นความเย็นวาบก็ผุดขึ้นในใจ หอเทียนเซียงนี่สร้างไว้สูงเกินไปแล้ว
เมื่อมองจากตรงนี้ลงไป แขกที่เดินไปมาในชั้นล่างสุดตัวเล็กเท่ามด ซย่าชิงยวนไม่รู้ว่าในตอนแรกตนเดินขึ้นมารวดเดียวได้อย่างไร นางสูดหายใจเข้า เอ่ยอย่างสับสน “ไม่อย่างนั้นจะให้ข้าทำเช่นไรเล่า”
เขาไม่สนใจนางและเดินลงไปข้างล่างต่อ เดินไปหลายขั้นแล้วถึงเอ่ยขึ้นว่า “คืนนี้เจ้ามาหาข้าด้วยเหตุใด”
“มีคนบอกว่าท่านอยู่ที่หอเทียนเซียง ซ้ำพระเก้าพันปีก็อยู่ด้วย ข้าเลยมา” ซย่าชิงยวนกล่าวจบก็เสียใจภายหลัง รู้สึกว่าคำพูดนี้จะทำให้คนเข้าใจผิดเปล่าๆ คิดไปว่านางกับเขามีอะไรบางอย่าง
“มีคนบอกเจ้า เจ้าก็เชื่อหรือ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทั้งหอเทียนเซียงมีแต่สายของคนแซ่หาน” เขาเหมือนจะเคืองขึ้นมาแล้ว
นางก็ชักเคืองเหมือนกัน “แต่ถ้าเกิดเรื่องเล่า ถ้าเกิดท่าน…ถ้าเกิดท่านตาย ข้าก็เสียใจนะ”
กว่าซย่าชิงยวนจะรู้สึกว่าคำพูดนี้ชักจะล้ำเส้นก็ได้พูดออกไปแล้ว
เมื่อนางกล่าวจบ เขาพลันหยุดฝีเท้า แล้วก้มลงจุมพิตนางที่กลางหอเทียนเซียงอันสว่างไสว บนขั้นบันไดที่สลักเสลาอย่างวิจิตร ใต้แสงโคมแดงชาดที่ทุกผู้คนล้วนมองเห็น เขาเพียงแตะที่ริมฝีปาก
ก่อนหน้าที่วัดโบราณใช่จะไม่เคยทำ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน นางบอกไม่ได้ว่าไม่เหมือนกันอย่างไร เพียงแต่ในชั่วเวลานี้นางขยุ้มเสื้อเขาแน่น ใจเต้นอย่างไม่อาจควบคุม นางเห็นขนตายาวของเขากะพริบเบาๆ แววตาเขาดูลนลานไปชั่วขณะ แล้วผละริมฝีปากออกจากนางทันที