7
“หะ…เหตุใดท่านถึงทำเช่นนี้” ซย่าชิงยวนกำสาบเสื้อลู่หย่วนไว้ไม่ปล่อย
“อย่าว่อกแว่ก มีคนกำลังดูอยู่” เขาตีหน้าขรึม แต่สายตากลับมองไปบนหอ พยักหน้าและแย้มยิ้ม
เมื่อมองตามสายตาเขาไปนางเห็นพระเก้าพันปียืนอยู่ที่ริมขอบราวกั้นหอด้านบน สีหน้าเบิกบานอย่างได้ชมดูความสนุก
“ใต้เท้าลู่ ครั้งหน้าจะแสดงละครช่วยบอกข้าก่อนด้วย ข้าจะได้…” ในใจนางครู่หนึ่งก็โล่งใจ อีกครู่หนึ่งก็ผิดหวัง
“เจ้าจะได้อะไร” เขามองพระเก้าพันปีเดินออกห่างจากราวกั้นไป ค่อยหันกลับมามองนาง รอยยิ้มบนใบหน้ายังไม่จางหาย และส่อแววกรุ้มกริ่มเล็กน้อย
“ข้าจะได้ไม่ออกนอกการแสดง ทำใต้เท้าลู่เหนื่อยเปล่า” นางกลอกตาใส่ลู่หย่วน ดิ้นลงมาจากตัวเขา ใครจะนึกว่านางแค่ลงมายืนก็ซวนเซจนเกือบล้มลง ดีที่เขาตาไวมือไวคว้าแขนดึงนางกลับมาได้ นางคว้าสาบเสื้อเขาอย่างลืมตัว ก่อนจะได้ยินเสียงผ้าขาด ชุดผ้าแพรต่วนสีแดงเข้มที่ลู่หย่วนใส่ในวันนี้ถูกดึงขาดออกเป็นทาง เผยให้เห็นเสื้อตัวในและกระดูกไหปลาร้าวับๆ แวมๆ
ฝูงชนที่มุงดูอยู่โดยรอบต่างทำเสียงจุปาก
หลังได้ยินเสียงลู่หย่วนขบกราม ซย่าชิงยวนก็ปิดตาอย่างสิ้นหวัง “ขะ…ขะ…ข้าไม่ได้ตั้งใจนะ”
แต่สิ่งที่เหนือความคาดคิดนางก็คือต่อจากนั้นตัวนางก็เบาหวิว และถูกอุ้มขึ้นอีกครั้ง
“บังไว้”
ซย่าชิงยวนทำเรื่องน่าอับอาย ย่อมต้องทำตามคำสั่งของอีกฝ่ายแต่โดยดี นางยื่นมือออกไปช่วยปิดสาบเสื้อที่ถูกดึงออกมาของเขา ดูแล้วเหมือนกับกำลังโอบรอบไหล่เขาอย่างเป็นธรรมชาติ
คล้ายว่าลู่หย่วนจะพอใจกับการกระทำของนาง เขาอุ้มนางลงจากหอไป ฝีเท้าเบาราวกับเหาะเหิน จนเมื่อออกจากประตูใหญ่หอเทียนเซียงมาแล้วบนใบหน้าก็ยังไม่มีเหงื่อผุดแม้สักเม็ด ช่างแข็งแรงจนน่าตกใจจริงๆ
“ใต้เท้าลู่ กำลังวังชาท่านไม่เลวเลย” ซย่าชิงยวนแหย่เขาอย่างคนไม่กลัวตาย
รถม้าจอดอยู่นอกประตู บ่าวรับใช้รออยู่ตรงนั้นมานานแล้ว ลู่หย่วนไม่สนใจการเย้าแหย่จากนาง อุ้มนางเข้าไปในรถไม่ว่อกแว่ก หลังปิดม่านรถลงอย่างระมัดระวังแล้วถึงหันมาคิดบัญชีกับนาง ใบหน้ายังคงยิ้มละไม
“เมื่อครู่นี้เจ้าว่าอย่างไรนะ”
“ไม่มีอะไร…แล้วเหตุใดพระเก้าพันปีถึงเชิญท่านไปดื่มที่หอเทียนเซียง คงไม่ใช่แค่จะมอบหญิงงามให้ท่านจริงๆ หรอกกระมัง”
ตอนนี้เขานั่งห่างจากนางราวกับกลัวว่านางจะเอาเปรียบเขา จัดสาบเสื้อที่ยับยู่ยี่ให้เรียบร้อย เริ่มหลับตาสงบสติอารมณ์
“เขาทำไปเพราะอยากเจอเจ้า”
“เจอข้า?”
“เขากักข้าไว้ที่หอเทียนเซียง ดื่มสุราเป็นเวลาสามวันเพราะเดิมพันว่าเจ้าจะต้องมา เขาคงได้ยินข่าวคราว รู้ว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่ จึงตั้งใจสร้างสถานการณ์” ลู่หย่วนมุ่นคิ้วเล็กน้อย แววตาคลายความระวังอย่างยากจะมี ราวกับพยัคฆ์ร้ายหวนคืนรัง
“ยังดีที่เจ้าแสดงได้สมจริง เขาได้เห็นกับตาว่าเจ้าจดจำเรื่องเมื่อก่อนไม่ได้และไม่มีเจตนาจะแก้แค้น บางที…เขาอาจระแวงพวกเราน้อยลง”
เมื่อได้ยินเขาพูดคำว่า ‘พวกเรา’ ซย่าชิงยวนค่อยตระหนักได้ว่าเขาอาจไม่ได้หลับตาลงมาสามวันแล้ว บนตัวมีกลิ่นสุราคละคลุ้ง เป็นสุราเกสรดอกไม้ของหอเทียนเซียง กลิ่นไม่ได้ฉุนมาก แต่ออกฤทธิ์ไล่หลังรุนแรง
“แล้วถ้าข้าไม่ไปเล่า”
“ถ้าเจ้าไม่มา…ก็ไม่มีอะไร เขาจะจัดห้องนอนไว้ให้ข้า เลือกหญิงงามที่ไว้ใจได้จำนวนหนึ่งมาปรนนิบัติข้าเข้านอน” ลู่หย่วนเล่าเรียบๆ พูดจบก็ลอบมองนางปราดหนึ่ง
ในวันนี้วันเดียวใจนางเดี๋ยวโจนขึ้นเดี๋ยวร่วงลง มาตอนนี้ก็หล่นลงไปถึงจุดต่ำสุด หัวเราะเยาะหยันตนเอง “ตอนแรกข้านึกไว้แล้วว่าท่านจะไม่เหมือน แล้วข้าก็ดูไม่ผิดจริงๆ ใต้เท้าลู่เป็นคนที่แตกต่างจากพวกเขา”
“พวกเขาอย่างนั้นหรือ” ลู่หย่วนไม่เข้าใจ
“พวกที่เห็นคนเป็นผักหญ้า รับเบี้ยหวัดเสียเปล่า กินอิ่มหนำสำราญตลอดวัน พูดจาสวยหรูเสแสร้งเมตตา” นางหันไปมองนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์กลางคืนมืดทึบ นอกหอเทียนเซียงมีฝูงชนล้นหลาม
“หนอนชอนไชแว่นแคว้น” ลู่หย่วนยิ้ม ต่อคำพูดที่ซย่าชิงยวนยังกล่าวไม่จบออกมา