นอกจากจะฝันสลายไม่ได้ขี่ม้า อวี้หมี่ยังถูกหมอสูงวัยที่ไม่รู้ว่าได้รับคำสั่งให้มาซ้ำเติมนางหรือมีฝีมือแพทย์เลิศล้ำจริงจับตรวจชีพจร รมยา ฝังเข็มครบชุดทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไร ก่อนไปยังทำท่าสลักสำคัญเขียนใบสั่งยาทิ้งไว้ให้ บอกว่าแต่ละเดือนให้กินติดต่อกันจนครบสามเทียบ ถึงจะรักษาโรคเลือดพร่องที่สะสมอยู่ในร่างกายมานานหลายปีให้ดีขึ้นได้
นับจากวันนั้น นางจึงถูกบังคับให้ดื่มยาขมแสนขมจนแทบขาดใจติดต่อกันสามวัน
การบังคับขู่เข็ญที่ต้องเผชิญทำให้อวี้หมี่โมโหจนแทบปีนกำแพงหรือพังประตูหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าการคุ้มกันในจวนแม่ทัพพิทักษ์บูรพาเข้มข้นแน่นหนาราวกับสร้างขึ้นจากทองแดงหรือไม่ก็เหล็ก อย่าว่าแต่องครักษ์ยอดฝีมือที่แฝงตัวตามจุดต่างๆ เลย แค่นิ้วเรียวยาวนิ้วเดียวของเจี้ยนหลันก็ดีดนางจากชายแดนตะวันออกกระเด็นไปสุดขอบชายแดนตะวันตกได้แล้ว…
นางจึงทำได้แค่ยอมรับชะตากรรมดื่มยาในส่วนของเดือนนี้ให้หมดอย่างขมขื่น
ทว่าภาษิตกล่าวไว้ดีนัก มนุษย์ดินก็ยังเป็นดินอยู่สามส่วน* สิ่งที่อวี้หมี่ทำเพื่อเอาคืนก็คือปิดประกาศแผ่นใหญ่ไว้หน้าประตูเรือนว่า
‘แม่ครัวป่วย ขอปิดเตาไฟหยุดงานสามวัน คนหิวโปรดดูแลตนเอง’
คำว่า ‘หิว’ แต่ละขีดเขียนบิดเบี้ยวยึกยือจนมองเผินๆ เหมือนคำว่า ‘โหด’
คำข่มขู่และวิธีเอาคืนแบบเด็กๆ ที่เต็มไปด้วยความแง่งอนนี้ ตอนได้ฟังบ่าวไพร่รายงาน เยียนชิงหลางตอบด้วยสีหน้าเฉยชาว่า “เข้าใจแล้ว” ก่อนจะปิดประตูห้องเงียบๆ
จากนั้นเสียงหัวเราะดังกังวานก็กึกก้องขึ้นจากข้างใน ทำเอาพวกองครักษ์หน้าประตูตกอกตกใจว่าตนหูแว่วไปเอง ไม่เช่นนั้นท่านแม่ทัพใหญ่ก็คงถูกผีเข้า เอ่อ…อย่างแรกน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่า!
ในคืนที่สามที่อวี้หมี่เก็บตัวอยู่แต่ในเรือนเพราะป่วยนั้น…
“เฮ้อ…เบื่อจะตายอยู่แล้ว…” เด็กสาวร่างกลมเล็กที่ยังผูกผ้าคาดหัวเพื่อแสดงว่าตนเป็นคนป่วยกลิ้งตัวไปมาจนถึงปลายเตียง แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
ไม่ได้จับมีดไม่ได้จับตะหลิวมาสามวัน แค่นั่งๆ นอนๆ อยู่ในห้องก็มีคนเอาอาหารมาประเคนให้ถึงที่ วิธีพักฟื้นร่างกาย…หรือขุนหมู…เช่นนี้น่ะทำนางเบื่อจนแทบตายอยู่แล้ว อีกทั้งพอต้องมาอยู่ว่างๆ ทั้งวัน เวลาก็ผ่านไปเชื่องช้าราวกับเต่าคลาน ช่างทรมานเหลือเกิน
“ข้านี่มีดวงเกิดมาเหนื่อยจริงๆ อยู่ว่างเป็นไม่ได้” นางถอนใจอีกเฮือก
ยามนั้นเองเสียงเคาะประตูเบาๆ สองครั้งพลันดังขึ้นหน้าห้อง
“ใคร” นางสะดุ้งโหยง รีบลุกพรวดขึ้นมานั่งด้วยสีหน้าหวาดระแวง “ขะ…ข้ากินยาของวันนี้ไปแล้วนะ ไม่ต้องเอามาให้แล้ว!”
“ข้าเอง” เสียงทุ้มห้าวที่คุ้นเคยดีดังขึ้น
อวี้หมี่ชะงัก ก่อนจะกระโดดขึ้นมาอย่างลิงโลด ทว่าพอจะเปิดประตูก็พลันผงะไป แล้วยกมือเท้าเอวทำหน้าไม่สบอารมณ์ตะโกนไปว่า “ข้าน้อยป่วยอยู่ ท่านแม่ทัพใหญ่โปรดรีบกลับไปโดยเร็วดีกว่า เกิดติดโรคจากข้าน้อยจนร่างกายเป็นอะไรขึ้นมา ข้าน้อยมีแต่ต้องตายไถ่โทษสถานเดียวเท่านั้น”
ตะโกนได้ปาวๆ เช่นนี้ยังจะบอกว่าป่วยอีก…
“เปิดประตู” เยียนชิงหลางซ่อนยิ้มตรงมุมปาก พูดเสียงเคร่งขรึม “ข้ามาเยี่ยมไข้เจ้า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่ไม่ต้อง” ก็ใครกันเล่าที่ทำให้นางโดนบังคับให้ดื่มยาขมๆ ทั้งยังถูกเข็มมากมายจิ้มตามตัว
“ข้าเอาของอร่อยมาให้”
“ไม่กินเจ้าค่ะ ข้าน้อยกินยาจนอิ่มแล้ว เชิญท่านแม่ทัพใหญ่กินตามสบาย” นางยังคงงัดข้อใส่
เพิ่งจะมาทำดีด้วยเอาตอนนี้หรือ หึ สายเกินไปแล้ว!
“อย่างนั้นหรือ” เสียงทุ้มห้าวด้านนอกกลายเป็นเสียงพึมพำกับตนเอง “ดูท่าคงต้องสั่งให้คนเอาโจ๊กธัญพืชห้าสีที่เสี่ยวเหลียงเคี่ยวให้ไปคืนเสียแล้ว…”
ประตูห้องเปิดออก ใบหน้ากลมป้อมที่แดงเรื่อด้วยความตื่นเต้นโผล่ออกมาจากข้างใน
“เสี่ยวเหลียงเคี่ยวโจ๊กมาให้ข้าหรือ อยู่ที่ใดๆ”
สีหน้าของนางดีขึ้นมากแล้วจริงๆ ปื้นเขียวจางๆ ใต้ขอบตาก็เลือนหาย เยียนชิงหลางเห็นแล้วนึกพอใจอยู่เงียบๆ