เยียนชิงหลางมองเด็กสาวตาไม่กะพริบ ใบหน้าคมคายเผือดสีเล็กน้อยจากการรอคอย ดวงตากลมโตของนางฉายแววงุนงง พรึงเพริด ทำอะไรไม่ถูก คล้ายกับเขากำลังทำให้นางลำบากใจ และทั้งหมดนี้เป็นเพราะเขาตื่นเต้นไปเองฝ่ายเดียว!
ในอกเจ็บระบมจนแทบทนไม่ไหว แม่ทัพหนุ่มดึงบังเหียนพลางหนีบเข่าเข้ากับท้องม้าโดยแรง!
“ท่านแม่ทัพใหญ่!” นางหวีดเรียกด้วยความตระหนก
“ไม่เป็นไร” เขาบอกเสียงเย็น “กลับจวน!”
อาชาตัวพ่วงพีควบตะบึงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว อวี้หมี่หลับตาปี๋จับอานม้าไว้แน่นด้วยความหวาดกลัว ข้อสงสัยและความกระวนกระวายที่มีถูกพัดกระเจิดกระเจิงไปหมด
ท่านแม่ทัพใหญ่…เป็นอะไรของเขากันนะ
เช้าวันรุ่งขึ้น อวี้หมี่เพิ่งจะก้าวออกจากเรือนเพื่อเดินไปโรงครัวเล็กก็ได้รู้จากเจี้ยนหลันเสียก่อนว่าท่านแม่ทัพใหญ่ไปค่ายทหารแล้ว เนื่องจากระยะนี้ยุ่งอยู่กับการซ้อมรบ ไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะกลับมาที่จวนแม่ทัพ
ข่าวที่ได้ยินไม่ทำให้นางถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่อย่างใด ตรงกันข้าม หัวใจกลับหนักอึ้งขึ้นทันที
เขาจะต้องโกรธอย่างแน่นอน ซ้ำครั้งนี้ยังโกรธจริงอีกด้วย
ดวงตากลมโตหมองลงอย่างรวดเร็ว นางกัดริมฝีปากอย่างไม่สบายใจ “แม่นางเจี้ยนหลัน แล้วอาหารแต่ละมื้อของท่านแม่ทัพใหญ่ในระยะนี้ก็ยังให้ข้าทำส่งไปที่ค่ายเหมือนเดิมใช่หรือไม่”
อวี้หมี่ไม่ทันรู้ตัวว่าน้ำเสียงมีความกระตือรือร้นและความคาดหวังแฝงอยู่นิดๆ
“ไม่จำเป็น” ทว่าสาวใช้สังเกตเห็น แล้วตอบเสียงเรียบโดยไม่แม้แต่จะเลิกคิ้ว “ท่านแม่ทัพใหญ่สั่งไว้ว่าช่วงนี้จะกินนอนร่วมกับไพร่พลในค่าย ดังนั้นแม่นางอวี้ไม่ต้องลำบาก”
เด็กสาวหน้าซีดเผือด กลีบปากขยับเล็กน้อย ทว่าพูดอะไรไม่ออก
“เชิญแม่นางอวี้กลับเข้าเรือนไปพักผ่อนเถิด อีกเดี๋ยวบ่าวจะยกอาหารเช้ามาให้” เจี้ยนหลันย่อตัวคำนับ ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปเมื่อพูดจบ
“เดี๋ยว แม่นางเจี้ยนหลัน…”
เจี้ยนหลันได้ยินชัดเจน ทว่าทำเป็นหูทวนลมเดินต่อไปเรื่อยๆ
นางรู้ว่าไม่ควรเสียมารยาทเช่นนี้ ทว่าเมื่อเช้านางเห็นร่างสูงใหญ่ของเจ้านายยืนเอามือไพล่หลังเงียบๆ ตรงหน้าต่าง ทอดตามองไปข้างนอกด้วยสีหน้าหม่นหมอง บุคลิกห้าวหาญองอาจสมชายชาตรีเหมือนหายวับไปจนหมด ถูกแทนที่ด้วยความอ้างว้างเดียวดายที่ไม่อาจบรรยายด้วยคำพูด
ท่านแม่ทัพใหญ่ผู้แกร่งกล้าเกรียงไกร บุคคลอันเป็นที่เคารพเลื่อมใสของกองทัพสกุลเยียนและชาวบ้านแถบชายแดนตะวันออก เหตุใดกลับดูหมองเศร้าได้ถึงเพียงนี้
นอกจากจะตกใจแล้ว เจี้ยนหลันยังเจ็บปวดเกินทนรับและโมโหอย่างบอกไม่ถูก
คนที่ทำให้เจ้านายนางเป็นกังวล เดี๋ยวทุกข์เดี๋ยวสุข กระวนกระวายผิดวิสัยได้ บนแผ่นดินนี้มีเพียงแม่นางอวี้หมี่แห่งร้านขายอาหารริมทางชายแดนตะวันออกเพียงคนเดียว!
ความรู้สึกที่นายท่านมีต่อนางในช่วงที่ผ่านมา…ไม่สิ ในช่วงสองปีมานี้ นางไม่รับรู้แม้แต่นิดเดียวเลยเชียวหรือ
หรือเพราะรู้ว่านายท่านมีใจให้ ถึงได้แกล้งทำเป็นเล่นตัวไม่รับรู้เพื่อทรมานนายท่านเล่น
คนเรายิ่งหน้าซื่อเท่าไร จิตใจก็ยิ่งเจ้าเล่ห์น่าชังเท่านั้นจริงๆ ด้วย
รอบตัวของเจี้ยนหลันที่เดินจากไปกรุ่นไปด้วยไอโทสะอย่างปิดไม่มิด อวี้หมี่มองตามด้วยความว้าวุ่นใจ
“แม้แต่เจี้ยนหลันก็พลอยโกรธข้าอีกคน” นางทิ้งตัวลงนั่งบนธรณีประตูสูง พลางใช้มือยันประตูอย่างอ่อนแรง
เพราะเหตุใดกันนะ เพราะนางทำให้ท่านแม่ทัพใหญ่โกรธ ทุกคนในจวนเลยไม่คิดจะดีกับนางอีกต่อไปอย่างนั้นหรือ
แต่จะให้นางอธิบายกับคนอื่นอย่างไรเล่า ว่าท่านแม่ทัพใหญ่ถามคำถามสองข้อที่ทำให้นางตั้งตัวไม่ติดและไม่รู้ว่าควรตอบกลับไปอย่างไรดี พอไม่ได้รับคำตอบ เขาเลยหลบหน้าไปอยู่ที่ค่ายด้วยความโมโห
นางจ้องมองแสงอรุณที่ค่อยๆ เรืองรองขึ้นตรงขอบฟ้า ในอกปั่นป่วนยุ่งเหยิงจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี สมองเอาแต่คิดถึงประโยคที่เขารบเร้าถามเมื่อคืนซ้ำแล้วซ้ำเล่า…