‘ตอนนี้เพิ่งจะคิดตัดความสัมพันธ์กับข้า ไม่สายเกินไปหรือ’
‘เสี่ยวหมี่ เจ้าเกลียดชังข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ’
‘เช่นนั้นเจ้า…เจ้า…ชอบข้าหรือไม่’
“หรือว่า…เมื่อคืนเขากำลังบอกรักข้า…”
บอกรัก?!
“ช้าก่อน!” นางยกมือปิดปากตนเองอย่างตกตะลึง ไม่รู้ว่าความรู้สึกที่สะท้อนอยู่ในดวงตาคือความตระหนก ความยินดี หรือความลนลานกันแน่ “หรือว่าขะ…เขาชอบข้า”
แต่จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า
นางนิสัยโผงผาง ซ้ำหน้าตาก็ไม่ได้สวยงามละมุนตาแต่อย่างใด ไม่มีชาติตระกูล ไม่มีฐานะ ไม่อ่อนหวาน ไม่ช่างเอาอกเอาใจ แล้วเขาจะมาหลงรักนางได้อย่างไรเล่า
แต่เมื่อหวนคิดถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ทั้งสายตาและการกระทำต่างๆ ของเขาล้วนสื่อความหมายพิเศษ…นางก็ให้หน้าแดงวาบ รู้สึกตาพร่าขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
หมายความว่าที่เขาทำตัวแปลกๆ โมโหฮึดฮัดขึ้นมาง่ายๆ ก็เป็นเพราะ… ‘ไม่อาจได้มาครองดังใจหวัง อกป่วนคลั่งว้าวุ่นกระสับกระส่าย’ อย่างนั้นหรือ
“เขาชอบข้า…” นางพยายามข่มความรู้สึก แต่สุดท้ายก็ยังยิ้มคนเดียวอย่างลืมตัว จากนั้นก็รีบกัดริมฝีปากเอาไว้ด้วยเกรงใครจะได้ยินเข้า “ขะ…เขาดูเหมือนจะชอบข้า”
ช้าก่อน ไม่สิ สองปีมานี้เวลาไปร้านริมทางทีไร เขามักพยายามหาเรื่องจับผิดนางได้ตลอด ทำเอานางลำบากลำบนมิใช่น้อย แล้วเช่นนั้นเขาเกิดความรู้สึกพิเศษต่อนางตั้งแต่เมื่อใดกันเล่า แล้วกลายเป็นบุรุษที่ตกอยู่ในห้วงรัก รู้จักทะนุถนอมอ่อนโยนต่อสตรีตั้งแต่เมื่อใด
อวี้หมี่รู้สึกเหมือนหัวใจเพิ่งจะปลาบปลื้มยินดีจนดีดตัวขึ้นโผบินไปถึงยอดเมฆได้พริบตาเดียวก็ร่วงตกลงมากระแทกพื้นจนแหลกละเอียด
“แม่ทัพใหญ่หลงรักแม่ครัวตัวเล็กๆ อย่างนั้นหรือ” รอยยิ้มบนใบหน้าเลือนหาย ถูกแทนที่ด้วยความหมองหม่น “เรื่องประหลาดแบบนี้แม้แต่ในนิทานยังไม่มีเลย แล้วจะเกิดขึ้นจริงกับข้าได้อย่างไร”
นับแต่โบราณกาล เรื่องราวความรักที่ทำให้ผู้คนริษยา ชื่นชม และพูดถึงกันอย่างอัศจรรย์ใจมีเพียงผู้กล้าครองคู่หญิงงาม ไม่เช่นนั้นก็คุณชายตระกูลมั่งคั่งครองคู่คุณหนูจากตระกูลใหญ่ หากอยากได้ที่บีบคั้นหัวใจหน่อยก็จะเป็นคุณชายผู้มั่นในรักมีใจให้หญิงคณิกาคนดังผู้งามล่มเมือง ไม่เคยเลยสักครั้งที่แม่ครัวจะได้มีบทบาทกับใครเขา
เขาและนางแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ต่อให้ในอดีตครอบครัวนางไม่เคยประสบเหตุร้าย ก็ยังไม่คู่ควรกับตระกูลสูงศักดิ์อย่างเยียนกั๋วกงอยู่ดี
ตอนนี้…ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเข้าไปใหญ่
ต่อให้ระหว่างเขากับนางมีบางสิ่งบางอย่างต่อกัน เมื่ออยู่ต่อหน้าความเป็นจริงบางสิ่งบางอย่างที่ว่าจะเป็นได้แค่ควันธูปที่จางหายไปในชั่วพริบตา
เมล็ดพันธุ์ที่ถูกกำหนดมาให้ไม่สามารถผลิดอก ยังมีความเป็นไปได้หรือความจำเป็นต้องแตกหน่ออ่อนอีกหรือไม่เล่า
“อาหมี่สกุลอวี้ คนเขาดีกับเจ้า อ่อนโยนกับเจ้าแค่หน่อยเดียว เหตุใดเจ้าถึงลืมเสียแล้วว่าตนเองเป็นใคร” โพรงจมูกแสบร้อน นางยิ้มเยาะตนเอง “ทำตัวให้ฉลาดหน่อยเถิด อย่าโง่เง่าเหมือนพวกสตรีในนิทานเลย แค่บุรุษทำตาหวานใส่เข้าหน่อยก็ถึงกับยอมตายแทนได้ น่าขายหน้านัก!”