เทาเทียนห้ามตนเองไม่ให้สำลักและรักษารอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบจิ้งจอกเอาไว้บนใบหน้า “นายท่านอารมณ์ไม่ดี หากเรื่องส่วนตัวส่งอิทธิพลต่อเรื่องงานจนฝึกกองทหารแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าให้กองทัพสกุลเยียนได้ย่อมเป็นเรื่องประเสริฐ กลัวแต่ว่าความขุ่นมัวจะยังไม่จางหายไปจากใจนายท่าน นี่ไม่ใช่เรื่องดีแน่”
“ชิงเกอเอ๋อร์เกิดมาเพิ่งเคยมีใจให้สตรีเป็นครั้งแรก จะอารมณ์ปั่นป่วนเพราะความรักไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติ”
ใบหน้าไร้อารมณ์ของแม่นมเหยียนปรากฏรอยยิ้มบางๆ แห่งความปลาบปลื้ม “ชิงเกอเอ๋อร์เติบใหญ่แล้วจริงๆ หากฮูหยินผู้เฒ่ารู้เข้าจะต้องดีใจมากเป็นแน่”
เห็นทีได้เวลาต้องส่งพิราบสื่อสารไปแจ้งข่าวกับทางจวนเยียนกั๋วกงแล้ว…
“แม่นม…” นี่ไม่ใช่เวลามามัวยินดีว่า ‘ในที่สุดลูกข้าก็เติบใหญ่เสียที’ หรอกกระมัง
“ไม่เป็นไร” แม่นมเหยียนปรายตามองเขา “คนหนุ่มๆ ยังเก็บอารมณ์ไม่เป็นอย่างนี้แหละ”
“ขอรับๆ” เทาเทียนนิ่วหน้าอย่างประหม่า “แต่หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เกิดฝ่ายหญิงไม่เข้าใจแล้วหนีไปก่อน จะทำเช่นไรกันเล่า”
เมื่อถึงเวลานั้นนายท่านจะเสียใจทีหลังก็สายเกินไปแล้ว คนที่ต้องทรมานใจก็จะเป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ภักดีอย่างพวกเขานี่แหละ!
“ก็ถูกของเจ้า” แม่นมเหยียนใคร่ครวญ ก่อนจะพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ไว้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
“แม่นมออกโรงด้วยตนเองเช่นนี้ เชื่อว่าสถานการณ์จะต้องคลี่คลายและจบลงด้วยดีอย่างแน่นอน” นัยน์ตาหงส์ของเทาเทียนเป็นประกายด้วยความยินดีจนเก็บไม่มิด
ขนาดแม่นมเหยียนผู้มีจิตใจแข็งแกร่งเย็นชาดุจเหล็กกล้ามาหลายสิบปีเจอความงามของเจ้าตัวยังถึงกับตาพร่าไปวูบหนึ่ง
“ชายไร้คู่แต่ละคนลอยชายให้ข้าเห็นได้ทุกวัน มันขัดลูกตานัก” หญิงสูงวัยหรี่ตา “หากเจ้ายังไม่อยากแต่งภรรยาเอก จะหาสตรีเอาอกเอาใจเก่งมาแต่งเป็นอนุสักคนก่อนก็ได้ ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งไว้ให้ข้าคอยจับตาดู พวกเจ้าแต่ละคนหนีไม่รอดหรอก”
เทาเทียนสูดหายใจเฮือก ดวงหน้างดงามราวกับปีศาจรีบฉีกยิ้มประจบแทบไม่ทัน “ทำให้แม่นมต้องเหนื่อยใจเสียแล้ว แต่เจ้านายต้องมาก่อน ข้าน้อยไม่รีบร้อน ไม่รีบร้อนแม้แต่นิดเดียว”
“ประโยคนี้ไปพูดให้ฮูหยินผู้เฒ่าฟังเองเถิด” แม่นมเหยียนเหมือนจะยิ้มก็ไม่ใช่ ไม่ยิ้มก็ไม่เชิง “ข้าไม่กล้าตัดสินใจให้หรอก”
เพียงนึกถึง…ยายเฒ่าผู้เมตตาอารี ชอบเป็นแม่สื่อแม่ชักคนนั้น เทาเทียนก็ถึงกับพูดไม่ออก
อีกด้านหนึ่งของจวนแม่ทัพ…
อวี้หมี่นั่งกอดเข่าอยู่บนหลังคาเรือน เหม่อมองภาพเมืองชายแดนตะวันออกที่อยู่นอกกำแพงสูง
ไปตามทิศทางนี้เรื่อยๆ…เรื่อยๆ…ก็เป็นค่ายกองทัพสกุลเยียนแล้วสินะ
เวลานี้เขากำลังทำอะไรอยู่ อาหารสามมื้อในค่ายมีอะไรบ้าง ทหารโรงครัวในนั้นจะทำกับข้าวได้อร่อยสักเท่าไรกันเชียว เขาเลือกกินถึงเพียงนั้น จะกินได้หรือ
คิดมาถึงตรงนี้ทีไร นางเป็นต้องนึกด่าตนเองในใจอีกครั้งว่ากังวลไม่เข้าเรื่อง
กินไม่ได้แล้วอย่างไรเล่า เขาเป็นคนบอกไม่ให้นางทำของกินส่งไปเอง จะให้นางเสนอหน้าเอาอาหารไปที่ค่ายแล้วอ้อนวอนให้เขากินอย่างนั้นหรือ อีกอย่างนางก็ตัดสินใจแล้วนี่นา ว่าหลังจากนี้จะนั่งนับวันไปเรื่อยๆ พอครบกำหนดเมื่อไรจะไปจากจวนแม่ทัพทันที
แล้วเหตุใดตอนนี้ถึงยังมานั่งกระวนกระวายว้าวุ่นใจอยู่อีกเล่า