ชิงเกอเอ๋อร์นี่ก็เหลือเกิน เอาความหงุดหงิดไปลงกับทหารพวกนั้นก็พอแล้ว ไยถึงต้องทำจนแม่หนูนี่เสียขวัญถึงเพียงนี้ด้วยนะ บาปกรรมแท้ๆ!
แม่นมเหยียนลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าตนก็เป็นหนึ่งในตัวการที่ทำให้แม่หนูคนนี้ร้องไห้โฮด้วยความตกใจเช่นกัน
“ไม่ต้องกลัวๆ มีข้าอยู่ทั้งคน ใครกล้าทำอะไรเจ้า ข้าจะตีให้น่าดู”
ยี่สิบกว่าปีมานี้ ทายาทรุ่นหลานของจวนเยียนกั๋วกงไม่มีเด็กผู้หญิงเลยสักคน…แม้แต่เด็กผู้ชายก็มีเพียงเยียนชิงหลางคนเดียวเท่านั้น…ดังนั้นเมื่อได้เห็นว่าจากที่เคยโมโหฮึดฮัด อวี้หมี่ในเวลานี้ดูอิดโรยเปราะบาง จมูกกับตาแดงก่ำอย่างน่าสงสาร หัวใจของแม่นมเหยียนก็ปวดแปลบจนแทบละลาย
“แม่นม…” อวี้หมี่กอดร่างตรงหน้าแน่นอย่างลืมตัว น้ำตาทะลักลงมาเป็นสาย “ฮือๆ”
ร่างของแม่นมเหยียนเหมือนมีกลิ่นอายของท่านแม่กับท่านป้า มีสัมผัสแห่งความสุขอย่างที่นางรับรู้ได้สมัยที่ยังได้รับอ้อมกอดและความรักความทะนุถนอมจากคนในครอบครัว…
ถ้าหาก…นางไม่บ้านแตกสาแหรกขาด ถ้าหากนางกับน้องชายยังมีญาติผู้ใหญ่ นางจะอยู่ใกล้ความใฝ่ฝันของตนเอง…ขึ้นอีกนิดใช่หรือไม่
ไม่เหมือนอย่างตอนนี้ ที่แม้จะถูกทำให้เจ็บปวดชอกช้ำอย่างไรก็ต้องกล้ำกลืนฝืนทน คอยห้ามใจตนเองไม่ให้โหยหา ไม่ให้สัมผัส…สิ่งสวยงามแสนห่างไกลที่ไม่ได้เป็นของนาง
หากนางยังเป็นหลานสาวที่รักของผู้ตรวจการเยี่ยผู้เก่งกาจ นางจะพอมีสิทธิ์ให้ใฝ่ฝันและวาดหวังว่าตนกับท่านแม่ทัพใหญ่จะมีอนาคตร่วมกันหรือไม่
ทว่า…ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว…
ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บปวด หัวใจร้าวรานเสียไม่มีดี นางพลันเกิดความคิดว่า…สู้หนีไปให้ไกลจากทุกสิ่งทุกอย่าง…โดยเฉพาะเยียนชิงหลาง…เสียแต่ตอนนี้จะดีกว่า
“แม่นม ข้า…” เด็กสาวสูดจมูกสะอื้นเบาๆ “ข้าจะกลับบ้านแล้ว แม่นมโปรดรักษาตัวด้วย”
“อะไรนะ จะกลับตอนนี้เลยน่ะหรือ” แม่นมเหยียนนิ่งอึ้ง “ไม่ได้ๆ จะกลับไม่ได้ แค่หนุ่มสาวงอนกันนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย เจ้าถึงกับต้องตัดขาดกันถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“อวี้หมี่คิดดีแล้วเจ้าค่ะ ข้าตั้งใจจะไปจริงๆ แม่นมโปรดขอขมาท่านแม่ทัพใหญ่แทนข้าด้วย ข้าทำงานอีกครึ่งเดือนต่อไปไม่ไหวจริงๆ ข้าขอยอมรับผิด พรุ่งนี้จะให้น้องชายนำเงินค่าปรับมามอบให้” อารมณ์ของนางสงบลงแล้ว ใบหน้ากลมป้อมที่ลายพร้อยไปด้วยน้ำตาฉายแววเด็ดเดี่ยว “ขอบคุณแม่นมกับท่านแม่ทัพใหญ่ที่ช่วยดูแลในช่วงที่ผ่านมา อวี้หมี่ขอลาท่านตรงนี้”
เหตุการณ์ที่พลิกผันกะทันหันทำให้แม่นมเหยียนตั้งตัวไม่ติด
“ไม่ได้นะ!” ใบหน้าเหี่ยวย่นเคร่งเครียด “ท่านแม่ทัพใหญ่เชิญเจ้ามาอยู่ในจวนด้วยตนเอง หากจะไป เจ้าก็ต้องอำลาท่านแม่ทัพใหญ่ด้วยตนเองเช่นกัน”
“ข้า…” โพรงจมูกแสบร้อนขึ้นมาอีกแล้ว นางตอบเสียงเครือ “ทำให้ท่านแม่ทัพใหญ่ไม่พอใจ ไปตอนนี้เขามีแต่สบายใจขึ้นด้วยซ้ำ แบบนี้ดีกับทุกฝ่าย”
ขอเพียงต่างคนต่างไปคนละทาง เขากับนางก็จะไม่เกี่ยวข้องกันอีก ความรู้สึกที่ปั่นป่วนว้าวุ่นจะกลับมาอยู่ใต้การควบคุมของนางเหมือนเดิม และหน่ออ่อนแห่งความคิดที่ไม่ควรเกิดก็จะไม่เติบโตขึ้นมาเลื้อยพันหัวใจนางวันแล้ววันเล่าอีก
“ข้อนี้ข้าจัดการให้ไม่ได้” หญิงชราแค่นเสียงหึ “ใครเป็นคนก่อเรื่องก็ต้องสะสางด้วยตนเอง ข้าแก่จนปูนนี้แล้ว ขอดูแลสุขภาพตนเองพอ ไม่อยากยื่นมือเข้าไปก้าวก่ายกับเรื่องของคนหนุ่มคนสาว”
ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด พอถูกแม่นมเหยียนย้อนกลับมาเช่นนั้น อวี้หมี่ก็ถึงกับโต้ตอบไม่ออก
“แต่…”
“ไม่มีแต่ เจ้ากลับเรือนไปก่อน ตราบใดที่ท่านแม่ทัพใหญ่ยังไม่กลับจวน เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” นางร้องสั่ง “ใครก็ได้ คุม…พาแม่นางอวี้ไปส่งที่เรือน! หากยังปล่อยให้นางปีนขึ้นหลังคาอีก ระวังหนังของพวกเจ้าให้ดี”
“ขอรับ!” ผู้เร้นกายปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันหลายคน ทำท่าทำทางราวกับเกิดเหตุร้ายแรง ทว่ากิริยาอาการและน้ำเสียงกลับนอบน้อมจนขนลุก “แม่นางอวี้ เชิญขอรับ!”
“แม่นมเจ้าคะ!” ใบหน้ากลมป้อมซีดเผือดด้วยความร้อนรน
เมื่ออวี้หมี่ถูกคุมตัวกลับเรือนแล้ว สีหน้าของแม่นมเหยียนก็เปลี่ยนไปทันที ขณะกวักมืออย่างร้อนใจ “ใครก็ได้ รีบไปรายงานท่านแม่ทัพใหญ่เดี๋ยวนี้เลย!”
หากชายหนุ่มยังไม่กลับมาอีก เรื่องจะยิ่งลุกลามไปกันใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้นดูซิว่าจะยังมีใครช่วยเกลี้ยกล่อมแม่หนูน้อยให้ยอมกลับมาได้
“ขอรับ บ่าวจะรีบไปทันที” เตาซานรับคำสั่งและวิ่งออกไปทันที
(ติดตามต่อในเล่ม)