ไม่เพียงเพราะเติ้งอิง แต่เป็นเพราะหยางหวั่นด้วย
สตรีในใต้หล้านี้ล้วนได้รับการอบรมสั่งสอนเรื่องคุณธรรมสตรี เห็นบุรุษเป็นท้องฟ้า มารดาเป็นเช่นนี้ ภรรยาของตนก็เป็นเช่นนี้
แต่หยางหวั่นไม่ได้อยู่ในกลุ่มเดียวกับสตรีเหล่านี้ อาจเพราะคนที่นางพึงใจเป็นเพียงบ่าวไพร่คนหนึ่ง ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องคลานอยู่ใต้ ‘ท้องฟ้า’
คนที่ซื่อตรงจิตใจกว้างขวางผู้นั้นถูกบดขยี้เป็นฝุ่นดิน นับแต่นั้นก็รวบรวมทุกย่างก้าวที่หยางหวั่นเดินมาเก็บรักษาไว้ในอก
ยามอยู่ข้างกายเติ้งอิง หยางหวั่นดูเหมือนชื่อเสียงฉาวโฉ่ แต่นางกลับไม่เคยถูกเหยียดหยามแม้แต่น้อย
เมื่อครู่นี้เขาบอกว่าหยางหวั่นมองเห็นทะลุปรุโปร่งเกินไป
และอาจไม่ใช่เพราะนางใช้ชีวิตอย่างอิสรเสรีเกินไป
คนที่นางรักไม่ทำหน้าที่เป็นผู้ไต่สวนนาง ดังนั้นทุกคำที่นางพูด ทุกเรื่องที่นางทำล้วนเป็นไปตามกฎเกณฑ์ภายในใจนางเท่านั้น
หยางหลุนรู้สึกว่าเรื่องนี้กล่าวไปแล้วสำหรับสตรีผู้หนึ่งนับว่าอันตรายยิ่ง เขาไม่เห็นด้วยนัก แต่เขาก็ไม่อาจไม่ยอมรับ เขามองเห็นสิ่งหนึ่งในตัวหยางหวั่นซึ่งหยางสวี่กับเซียวเหวินไม่เคยมี นั่นคืออุปนิสัยที่อยู่ระหว่างปัญญาชนกับสตรี
“เจ้าไม่ถามก็แล้วไปเถิด” หยางหลุนก้มหน้ามองไปที่ห่อของบนพื้น จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่อง “วันไต่สวนเบื้องพระพักตร์ เจ้ากับเหออี๋เสียนจะถูกพาตัวเข้าไปราชสำนักฝ่ายในด้วยกัน การไต่สวนในศาลสามครั้งก่อนหน้านี้เจ้ากับเขาเคยเผชิญหน้าแล้วยันข้อเท็จจริงกันหรือไม่”
เติ้งอิงเงยหน้าบอก “นับไม่ได้ว่าเป็นการยันข้อเท็จจริงกัน ขอเพียงขุนนางผู้ไต่สวนไม่ถาม ข้าก็ไม่มีคำให้การอื่นใด ตอนนี้คดีนี้มีปมปัญหาเพียงข้อเดียวที่ยังไม่คลี่คลาย…ข้าถูกสำนักกิจการฝ่ายในบงการให้ปลอมแปลงพระราชโองการก่อนสวรรคตหรือไม่ ทว่าปมปัญหานี้ไม่ได้ส่งผลต่อการกำหนดโทษมากนัก เป็นเพียงการแยกแยะว่าข้ากับเหออี๋เสียนใครมีความผิดมากกว่ากันเท่านั้น แต่สุดท้ายก็น่าจะหนีความตายไม่พ้นทั้งสองคน”
หยางหลุนบอกว่า “ตอนฝ่าบาททรงสอบสวนเจ้ากับเหออี๋เสียน ข้าจะโต้แย้งตรวจสอบประเด็นนี้เบื้องพระพักตร์ไทเฮาและฮองเฮา ดูว่าจะสามารถบีบคั้นท่าทีที่แท้จริงของไทเฮาที่มีต่อเรื่องการปลอมแปลงพระราชโองการก่อนสวรรคตออกมาได้หรือไม่ เมื่อครู่เจ้าถามข้าว่ามั่นใจหรือไม่ ถ้าเป็นตัวข้าเองที่คิดถึงวิธีนี้ออกมาได้ ข้าอาจไม่มั่นใจสักเท่าใด แต่นี่เป็นหยางหวั่นชี้ให้ข้าเห็น ความมั่นใจของข้ากลับมีไม่น้อย ถ้าสำเร็จแล้วนี่คือบุญคุณที่ช่วยชีวิต หลังจากเจ้าออกไปแล้วก็ไปขอบคุณนางเสีย” พอเขาพูดจบก็หยิบห่อของที่วางอยู่บนพื้นขึ้นมายื่นให้เติ้งอิง “เอาไปกิน”
เติ้งอิงไม่ได้ยื่นมือมารับ กล่าวเสียงเบา “ไม่ต้องเอาของมาให้ข้า อาหารที่ข้ากินอยู่ก็ไม่เลว”
“เป็นผิงกั่วกับส้ม”
“ยิ่งไม่จำเป็น”
หยางหลุนยักไหล่ เก็บห่อของกลับมา “เจ้าบอกไม่ต้องการใช่หรือไม่”
“ใช่ ไม่ต้องการ”
“หยางหวั่นซื้อมาให้เจ้า” พูดจบหยางหลุนก็หันกายจะเดินออกไปนอกประตูห้องคุมขัง
“จื่อซี” เสียงโซ่ตรวนเสียดสีกับพื้นดังมาจากด้านหลังหยางหลุน จากนั้นเสียงที่เรียกเขาก็ดังสูงขึ้นหลายส่วน “จื่อซี รอก่อน”
หยางหลุนหยุดฝีเท้า ตอนหันหน้ากลับไปเติ้งอิงก็เดินมาถึงหน้าประตูห้องคุมขังแล้ว ผู้คุมเข้ามาปิดประตูห้องคุมขัง เขาจึงถูกขวางอยู่ข้างหลัง สีหน้าดูกระสับกระส่ายยิ่ง
“ท่านอย่าเอากลับไป…”
หยางหลุนหันกายเดินกลับไปเบื้องหน้าเติ้งอิง “ผิงกั่วกับส้ม ให้เจ้ากินทุกวัน นางบอกว่าช่วยเสริมอะไรหมินๆ สักอย่าง กินแล้วผมจะไม่ร่วง”