การไต่สวนผู้กระทำผิดร้ายแรงเบื้องพระพักตร์ที่ตำหนักไท่เหอครั้งนี้แตกต่างจากการประชุมใหญ่ขุนนางที่แท่นประทับทองคำ ไม่ได้เรียกขุนนางในเมืองหลวงเข้าวัง มีเพียงผู้ช่วยราชเลขาธิการในสภาขุนนางไม่กี่คนและหัวหน้าสามตุลาการเท่านั้นที่เข้าร่วม ในตำหนักที่ด้านหลังบัลลังก์ก็ไม่ได้แขวนม่าน ไทเฮาสวมชุดปกติประทับอยู่ทางขวาขององค์ชายอี้หลาง ส่วนฮองเฮาใบหน้าซีดเซียว แม้จะแต่งตัวอย่างเต็มที่แล้ว แต่ก็ไม่อาจบดบังความเจ็บป่วยบนใบหน้าได้ นางก้มหน้าเงียบอยู่ตลอดเวลา กระทั่งได้ยินเสียงโซ่ตรวนลากพื้นดังมาจากนอกตำหนักจึงเหลือบตาขึ้นมาช้าๆ
เหออี๋เสียนและคนอื่นๆ ถูกควบคุมตัวเข้ามาในตำหนัก หมอบอยู่ใต้เตากำยานหัวมังกร
เหออี๋เสียนไม่สามารถคุกเข่าขึ้นมาได้ องครักษ์เสื้อแพรจึงต้องยกร่างกายส่วนบนของเขาขึ้นมา ฟันของเขาหายไปหลายซี่เนื่องจากการไต่สวนด้วยทัณฑ์ทรมาน หน้าผากบวมช้ำ ชุดนักโทษขาดรุ่งริ่ง แขนห้อยอยู่บนมือขององครักษ์เสื้อแพรอย่างไร้เรี่ยวแรง
พอเห็นไทเฮา เขาเพียงยิ้มอย่างจืดเจื่อนพลางไอหอบออกมา ไม่ได้พูดอะไร กลับเป็นหูเซียงที่อยู่ข้างหลังเขาคลานเข่าไปข้างหน้าหลายก้าว หมอบอยู่ข้างเหออี๋เสียน เอ่ยด้วยน้ำเสียงน่าเวทนา
“ไทเฮา…” พูดจบก็ยกโซ่ตรวนก้มศีรษะลงร้องไห้สะอึกสะอื้น
“พอแล้ว ท่าทางเหมือนอะไร” ไทเฮาตำหนิเขาเบาๆ ยกมือขึ้นแสดงท่าทีให้องครักษ์เสื้อแพรถอยออกไป นางส่ายหน้าแล้วถอนหายใจคราหนึ่ง กล่าวกับไป๋อวี้หยางว่า “เพราะบ่าวไพร่เหล่านี้ไม่ยอมสารภาพ พวกท่านจึงใช้ทัณฑ์ทรมานหรือ”
ไป๋อวี้หยางตอบ “พ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมใช้ทัณฑ์ทรมานตามกฎหมาย”
“พวกเขายอมรับผิดแล้วหรือยัง”
ไป๋อวี้หยางบอก “หูเซียงและคนอื่นๆ สารภาพแล้ว เหออี๋เสียนพลิกคำให้การหลายครั้ง คำพูดของเขาไม่น่าเชื่อถือพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮามองเติ้งอิงคราหนึ่ง “คนผู้นี้เล่า”
“เติ้งอิง…” ไป๋อวี้หยางนิ่งเงียบไปชั่วขณะ “คนผู้นี้ไต่สวนมาสามครั้งล้วนไม่เปลี่ยนคำให้การ ขุนนางสามตุลาการผู้ไต่สวนเห็นว่าคำให้การของเขาเชื่อถือได้จึงไม่ได้ใช้ทัณฑ์ทรมานพ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮาขมวดคิ้ว “พวกเขาทำความผิดร้ายแรง พวกท่านลงโทษพวกเขาตามกฎหมาย นี่ก็ไม่มีอะไร แต่…” ไทเฮาชี้ไปที่เหออี๋เสียน “ในบรรดาพวกเขาเหล่านี้บางคนเคยติดตามปรนนิบัติรับใช้อดีตฮ่องเต้ ดวงวิญญาณของอดีตฮ่องเต้ยังจากไปไม่ไกล ถึงพวกเขาจะมีความผิดถึงตาย แต่ก่อนจะถูกลงโทษ พวกท่านก็ไม่ควรทำให้พวกเขาดูน่าอนาถเกินไปนัก”
ไป๋อวี้หยางกับหยางหลุนสบตากันคราหนึ่ง ต่างไม่ได้เอ่ยวาจา
ตอนฮ่องเต้เจินหนิงอยู่ในอำนาจ แม้ขุนนางวาจา จะยื่นฎีกากล่าวโทษขันทีที่ไปรับตำแหน่งในท้องถิ่น พวกเขาก็จะไม่ได้รับการพิจารณาไต่สวนและตัดสินโดยตุลาการท้องถิ่น ส่วนใหญ่จะให้องครักษ์เสื้อแพรควบคุมตัวเข้าเมืองหลวง มอบให้กองเจิ้นฝู่เหนือไต่สวนความผิด นี่คือสิ่งที่เรียกว่า ‘เรื่องภายในของราชวงศ์’ ในวันประชุมใหญ่ขุนนางที่แท่นประทับทองคำ ขุนนางในเมืองหลวงก็เข้าร่วมประชุมด้วย ภายใต้แรงกดดันของเหล่าขุนนาง ไทเฮาจึงจำต้องเห็นชอบให้โบยขันทีในที่ประชุม แต่นั่นก็เป็นการลงโทษบ่าวไพร่โดยผู้เป็นนายในราชสำนักฝ่ายใน ย่อมแตกต่างจากการไต่สวนด้วยทัณฑ์ทรมานของกรมอาญา
คำถามของหยางหวั่นที่ว่า ‘คดีอาญาและความลับของราชสำนักที่ไม่เปิดเผยให้ใครรู้มีเส้นแบ่งที่ชัดเจนหรือไม่’ ชี้ไปที่จุดสำคัญของเรื่องนี้พอดี
เวลานี้เหล่าขุนนางต่างไม่สะดวกจะพูดจา
หยางหลุนเห็นองค์ชายอี้หลางกำลังมองตนอยู่ จึงพยักหน้าน้อยๆ ให้เขา
องค์ชายอี้หลางยืนขึ้นทันทีแล้วหันไปทางไทเฮา “เสด็จย่า ความผิดที่พวกเขาทำคือทำลายรากฐานของบ้านเมือง ไม่อาจชดเชยได้ด้วยความดีความชอบ ไม่อาจให้ความเมตตาได้”
ไทเฮาฟังแล้วก็ไม่ได้โต้แย้งคำพูดขององค์ชายอี้หลางและไม่ได้ถามอะไรไป๋อวี้หยางอีก นางเอนพิงพนักแล้วเอ่ยขึ้น
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ข้าก็จะไม่พูดมากแล้ว ฮ่องเต้ถามเถิด”