หยางหลุนรีบกางแขนบังลมให้นาง “หมอหลวงก็ดูแลรักษาไม่หายหรือ”
หยางหวั่นสั่นศีรษะ “ข้าไม่ได้กินยาที่หมอหลวงจัดให้เหล่านั้น”
“เพราะเหตุใด”
“ข้าไม่อาจทิ้งจุดอ่อนใดๆ ของตนเองไว้ ข้าจะต้องมีชีวิตออกจากวังให้จงได้” นางพูดพลางหยิบยาในอ้อมแขนออกมา “ไทเฮาทรงอนุญาตให้ข้าไปรับพี่หญิงออกจากอุทยานกล้วยแล้ว ยาขับความเย็นเหล่านี้เตรียมไว้ให้พี่หญิง ข้าได้ทูลไทเฮาแล้ว หลังจากรับพี่หญิงออกจากอุทยานกล้วย ข้าก็จะออกจากวัง จากนั้น…” นางเงียบไปครู่หนึ่ง “เรื่องที่ข้าจะทำอาจทำให้ท่านอับอาย ข้าหวังว่า…ท่านจะไม่สนใจข้า ไม่ต้องยืนอยู่ข้างข้า และไม่ต้องช่วยข้า”
“เจ้า…”
“ท่านพี่” หยางหวั่นตัดบทเขา “ข้าเบิกบานใจมากจริงๆ ท่านอย่าด่าว่าข้าอีก อย่าตำหนิเติ้งอิงอีก ท่านก้าวมาหาพวกเราก้าวใหญ่ก้าวนี้ กล่าวไปแล้วสำหรับพวกเรานับเป็นบุญคุณอย่างยิ่ง ก้าวนี้ก้าวเดียวก็เพียงพอแล้ว เวลานี้…ขอให้ท่านถอยกลับไป ถอยไปยืนอยู่ในจุดที่สภาขุนนางควรอยู่ ทิ้งหนทางที่เหลือไว้ให้ข้าเป็นคนเดินเถิด”
“เจ้าจะเดินอย่างไร เจ้าเป็นสตรีผู้หนึ่ง คิดจะไล่ตามไปถึงลานประหาร ตายอยู่ด้วยกันกับเขาหรือ”
“ข้าไม่ทำเรื่องไร้ประโยชน์เหล่านั้น แต่เส้นทางหลังจากนี้ของเขามีเพียงข้าที่จะจับจูงเขาเดินต่อไปได้” นางพูดพลางเอามือทัดเส้นผมที่ถูกลมพัดจนยุ่ง “เขาเป็นคนของข้า เขาฟังเพียงคำพูดของข้า เพียงยอมรับเหตุผลของข้า แม้ข้าจะไม่มีเหตุผลอะไร ได้แต่บังคับเขาให้กินยากินผลไม้ บำรุงรักษาร่างกายให้ดี แต่เขาได้ตัดสินใจที่จะติดตามข้าแล้ว เขาก็ได้แต่ต้องมีชีวิตอยู่เช่นนี้ ท่านพี่ ‘กฎหมายต้าหมิง’ กล่าวไปแล้วสำหรับเขาเป็นโครงไม้ที่ว่างเปล่าโครงหนึ่ง แต่ข้าผู้นี้เป็นความจริง ข้าจะควบคุมเขาไปทั้งชีวิต”
รัชศกเจินหนิงปีที่สิบสี่ ต้นเดือนสิบสอง พระศพอดีตฮ่องเต้ถูกเคลื่อนไปยังสุสาน องค์ชายอี้หลางกับเหล่าขุนนางต่างออกจากเมืองไปส่งพระศพ
เดิมทีการก่อสร้างสุสานของอดีตฮ่องเต้ยังไม่แล้วเสร็จ ทว่าพอพระราชโองการก่อนสวรรคตของสภาขุนนางออกมา กรมโยธาก็ตัดลดกฎระเบียบเดิมของสุสานลงทันที สิ่งปลูกสร้างบนพื้นดินหยุดดำเนินการทั้งหมด
ตอนเคลื่อนพระศพฮ่องเต้เจินหนิง งานก่อสร้างใต้พื้นดินเสร็จสิ้นไปเกือบเก้าส่วนแล้ว เดิมทีกรมโยธาเสนอแนะให้ตั้งพระศพของอดีตฮ่องเต้ไว้ในอารามหลวงที่ภูเขาปี่จย้าชั่วคราวก่อน รอสร้างหอคอยเหนือประตูใหญ่ ห้องโถงเซ่นไหว้ ห้องปีกทั้งซ้ายขวาและแท่นวางรูปปั้นเทพเจ้าเสร็จแล้วค่อยนำอดีตฮ่องเต้ลงฝัง แต่ไป๋อวี้หยางคัดค้านคำเสนอแนะของกรมโยธา
ไม่มีการขัดขวางของสำนักกิจการฝ่ายใน สภาขุนนางกำหนดกฎระเบียบพิธีในการส่งพระศพได้อย่างรวดเร็ว สั่งการให้ทำทุกอย่างอย่างเรียบง่าย ไม่เพิ่มภาระให้ราษฎร
ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้เจินหนิงผู้ที่ชอบสวมใส่อาภรณ์งามหรู แสวงหาความสุขมาตลอดชีวิต สุดท้ายกลับถูกบังคับให้เป็นฮ่องเต้ที่มีพระราชพิธีศพเรียบง่ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรต้าหมิงเช่นนี้
ปลายปีหิมะตกหนักปกคลุมถนน หยางหวั่นป่วยหนักมากขึ้น องค์ชายอี้หลางจึงให้นางพักรักษาตัวอยู่ในตำหนักหยั่งซิน ไม่ต้องตามเสด็จ
ในวังมีแต่ความเงียบเหงา ไทเฮากลับมีรับสั่งก่อนออกจากวังให้หยางหวั่นนำคนจากกองงานพิธีการไปรับหนิงเฟยกลับตำหนักในช่วงที่เหล่าขุนนางไปส่งพระศพ
เวลานี้พิธีใหญ่ของราชสำนักฝ่ายในยังไม่ได้กำหนดลงมา กองงานพิธีการมีความลังเลอย่างมากต่อพิธีรับหนิงเฟยกลับตำหนัก ไทเฮามีรับสั่งให้กองงานพิธีการรับกลับมา ทว่าอยู่ในช่วงบ้านเมืองกำลังไว้ทุกข์ จะเรียกใช้ทหารนำหน้าขบวนเสด็จได้อย่างไร ความจริงแล้วเจตนาของไทเฮาชัดเจนยิ่ง…หนิงเฟยเป็นสตรีฟั่นเฟือน แม้จะเป็นเพราะใคร่ครวญถึงความรู้สึกขององค์ชายอี้หลาง รับนางกลับตำหนักชั่วคราว แต่หลังจากนั้นก็ไม่อาจให้นางเข้าร่วมพิธีใหญ่ของราชสำนักฝ่ายใน
เพราะเรื่องนี้เจียงหมิ่นจึงมาพบหยางหวั่นด้วยตนเอง นางกล่าวอย่างขออภัย “เกรงว่าหนิงเฟยต้องไม่ได้รับความเป็นธรรมแล้ว”
หยางหวั่นกลับไม่ได้พูดอะไร เพียงตอบว่า “บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ ทำเช่นนี้ก็สมควรแล้ว สามารถรับพระชายากลับมาได้ก็พอแล้ว”
เจียงหมิ่นเห็นหยางหวั่นไม่ลำบากใจก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ จึงเอ่ยปลอบโยน “กองงานพิธีการกำหนดไว้ว่าเป็นวันที่ยี่สิบสี่ แม้ไม่อาจเรียกใช้ทหารนำหน้าขบวนเสด็จ แต่คนยังนับว่าครบครัน”
หยางหวั่นทำได้เพียงกล่าวขอบคุณเจียงหมิ่น