“ข้าเข้าใจ” นางพูดพลางก้มหน้าลง “ข้าจะไม่เกลี้ยกล่อมพี่หญิง”
หนิงเฟยก้มหน้ามองนาง กล่าวเสียงเบา “อย่าร้องไห้ หวั่นเอ๋อร์”
“ข้าไม่ได้ร้องไห้”
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่เสียงของนางกลับเจือสะอื้น ชั่วขณะนั้นอารมณ์พลุ่งพล่าน นางจำต้องหันหลังไปแล้วก้มหน้าลงกดหว่างคิ้วของตน
นางรู้สึกไม่ยินยอมพร้อมใจ ปีนี้นางร้องไห้น้อยมากแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าหยางหลุนหรือองค์ชายอี้หลาง นางล้วนยืนอย่างมั่นคงในจุดยืนของตน รักเติ้งอิงอย่างกล้าหาญ ดีต่อเขา ทว่าพออยู่ต่อหน้าหนิงเฟย นางจึงจำต้องรับรู้ถึงแก่นของโศกนาฏกรรมที่ซุกซ่อนอยู่ระหว่างนางกับเติ้งอิง
หนิงเฟยโอบไหล่หยางหวั่น ให้นางซุกหน้าลงกับตักตน “ช่างเถิด ร้องเถิดหวั่นเอ๋อร์ อยู่กับข้าร้องไห้ก็ไม่เป็นไร…”
หยางหวั่นซุกหน้าลงไปที่ขาของหนิงเฟย ยื่นมือไปโอบกอดร่างของหนิงเฟยไว้
หนิงเฟยลูบหลังหยางหวั่นเบาๆ ก้มหน้าลงกล่าวเสียงเบา “เจ้ากับผู้บัญชาการเติ้ง เป็นอย่างไรบ้าง”
หยางหวั่นพูดทั้งน้ำตา “ไม่นับว่าดีมาก แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่”
หนิงเฟยปัดเส้นผมที่เปียกชื้นบนหน้าผากหยางหวั่น “เจ้ากล้าหาญเช่นนี้เสมอมา”
“ไม่ใช่” หยางหวั่นหันหน้าไปทางอื่น หลับตาพลางบอกว่า “พี่หญิง ท่านรู้หรือไม่ ข้าต่างหากที่เป็นคนที่หวาดกลัวมากที่สุดคนนั้น”
หนิงเฟยฟังคำพูดประโยคนี้แล้วก็นิ่งเงียบไปนาน ในที่สุดก็ก้มตัวลงช้าๆ เอาหน้าผากของตนแนบกับใบหน้าของหยางหวั่นแล้วพูดเบาๆ
“ข้ารู้ ข้ายังรู้ว่าหลายปีมานี้เจ้าไม่อนุญาตให้ตนเองหวาดกลัว เจ้ากดข่มความหวาดกลัวในใจเอาไว้ ปกป้องคนมากมายอย่างกล้าหาญ รวมถึงข้าด้วย”
“ข้าไม่ได้ปกป้องพี่หญิงให้ดี”
หนิงเฟยลูบไล้ใบหน้าของหยางหวั่นพลางส่ายหน้า “เป็นเจ้าที่บอกข้าว่าต้องมีสักวันที่เราจะสามารถเดินออกไปจากที่แห่งนี้ได้ ข้าเฝ้ารอมาตลอด เจ้าดูเถิด ข้าไม่ใช่รอจนเจ้ามาแล้วหรือ”
หยางหวั่นรู้สึกเศร้าใจอย่างยิ่ง
“พี่หญิง”
“หืม?”
“ท่านอยากออกจากวังหรือไม่”
“อยาก…”
หนิงเฟยเงยหน้าขึ้น มองออกไปนอกหน้าต่าง ข้างนอกคล้ายเห็นต้นไม้ดอกไม้เป็นช่อๆ ในควันสีขาว ปิดบังอำพรางและขับเน้นซึ่งกันและกันอยู่หลังม่านหิมะที่สะอาดตา
“ข้าหวังว่าจะลบนาม ฐานะ และอดีตของข้าออกไปทั้งหมด จากนั้น…” นางกล้ำกลืนความขมขื่นลงไป “จากนั้นค่อยเอาชื่อของตนเองกับชื่อของเขามาผูกโยงไว้ด้วยกันอย่างสะอาดหมดจด”
“ข้าจะพาพี่หญิงออกไป”
“อะไรนะ…”
“ข้าจะพาท่านออกไปจากที่นี่” หยางหวั่นนั่งตัวตรง มองหนิงเฟยแล้วบอกว่า “ไม่เป็นพระชายาและไม่เป็นไทเฮา เพียงเป็นคนที่พี่หญิงอยากเป็น ท่านสามารถเซ่นไหว้เขา สามารถรำลึกถึงเขาได้อย่างเปิดเผย”
“หวั่นเอ๋อร์…”
“พี่หญิง ข้าไม่รู้ว่าเรื่องที่ข้าทำไปถูกต้องหรือไม่ ข้าไม่ได้โอหังอวดดีเพียงนั้น ข้าไม่กล้าตัดสินใจแทนใคร ข้าเพียงหวังว่าตนเองจะสามารถกลายร่างเป็นสะพาน ไม่ใช่เพื่อให้คนข้าม แต่เพื่อเป็นทางหนีทีไล่ที่อยู่ข้างหลังพวกท่านเท่านั้น พี่หญิง แม้ข้าจะตกอยู่ในความสิ้นหวัง แต่ขณะที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ก็ต้องนำความหวังมาสู่ผู้คน”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 29 ส.ค. 68