“ใช่ ข้าไม่มีเงิน”
หยางหวั่นก้มหน้าลงหยิบเงินครึ่งพวงออกมาจากในแขนเสื้อ
“เท่านี้พอหรือไม่”
“พอแล้วๆ”
หยางหวั่นจูงมือเติ้งอิง “ท่านดู ท่านอยากได้ห่อใด”
เติ้งอิงก้มหน้าบอก “ห่อใดก็ได้”
“ได้” หยางหวั่นค้อมกายลงไปหยิบขึ้นมาสองห่อแล้วยื่นส่งให้ถึงมือเติ้งอิง “ถือให้ดี ข้าจะจ่ายเงิน”
เจ้าของแผงมองคนทั้งสอง ยิ้มแต่ไม่ได้พูด
“ไป เติ้งอิง พวกเรากลับกันเถิด” หยางหวั่นพูดจบก็รับเกาลัดมาจากมือเติ้งอิง
“หวั่นหวั่น เจ้าแกะกินไปเถิด ข้าจะเป็นคนถือ”
“ท่านถือไว้มือไม่เจ็บหรือ” นางกล่าวจบก็หันหลังไป “ท่านเดินตามข้ามาเถิด”
“ไปที่ใดหรือ”
“กลับเรือน”
เติ้งอิงหยุดเดิน “ใกล้จะถึงเวลาห้ามเข้าวังแล้ว”
หยางหวั่นหอบห่อเกาลัดไว้แล้วหันกายมามองเติ้งอิงแล้วบอกว่า “มีเรื่องหนึ่ง ข้าลืมบอกท่านไป”
“อะไรหรือ”
“ข้าออกจากวังแล้ว”
“ออกจากวังหรือ”
“ใช่”
“เจ้ากลับจวนสกุลหยางแล้วหรือ”
หยางหวั่นยิ้มพลางสั่นศีรษะ “ในเมื่อพวกเราเคยให้คำมั่นสัญญากันไว้ เพราะเหตุใดข้ายังต้องกลับไปจวนสกุลหยางเล่า เรือนนอกวังของท่านตอนนี้ถูกปิดตายอยู่ ข้าจึงไปอยู่ที่ร้านชิงปอก่วนชั่วคราว อืม…ทว่า…ระยะนี้ร่างกายข้าไม่ค่อยดี หลายเรื่องดูแลไม่ทั่วถึง อีกทั้งในร้านยังมีผู้คนอยู่มาก ถ้าจะพักฟื้นอาจเสียงดังไปสักหน่อย ข้าต้องกลับไปบอกพวกเขาสักคำว่าอย่ารบกวนท่าน”
เติ้งอิงมองหยางหวั่น “เจ้าเป็นอะไร”
“ก็เหมือนกับเมื่อก่อน” หยางหวั่นบอก “ป่วยแล้วไม่กินยา ถ่วงเวลาไปมาก็เป็นหนักแล้ว”
“ข้า…” เติ้งอิงลำคอตีบตันหายใจไม่ออก “เพราะอะไรเจ้าถึงไม่กินยา”
หยางหวั่นเงยหน้าขึ้นยิ้ม “วางใจได้ ข้าไม่เหมือนท่าน ข้าไม่ได้ป่วยเพราะลงโทษตนเอง ข้าเพียงแต่ไม่อยากทิ้งความผิดอะไรไว้ก่อนออกจากวัง ฝ่าบาทดีต่อข้าเกินไป ข้าย่อมมีความผิด” นางกล่าวจบก็หยุดไปชั่วขณะ จากนั้นก็กดเสียงลงต่ำเล็กน้อย “ท่านก็เช่นกัน”
“อืม”
“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้ กลับเรือนไปกับข้าเถิด คืนนี้ไม่กินบะหมี่ที่ข้าต้มแล้ว อวิ๋นชิงลงครัวทำหม้อไฟ หัวหน้าเฉินก็อยู่ที่นั่น ทั้งยังหิ้วกระต่ายมาตัวหนึ่ง อ้วนท้วนเชียว ท่านกลับไปอาบน้ำก่อน อาบน้ำเสร็จก็กินได้พอดี”
เติ้งอิงถาม “ซ่งจั่งปินสบายดีหรือ”
“ซ่งจั่งปินอะไร ท่านยังคิดว่านางอยู่ในวังหรือ เวลานี้นางช่วยข้าดูแลจัดการโรงพิมพ์ที่อยู่ด้านหลังร้านชิงปอก่วน ไม่ต้องพูดถึงว่าทำให้ข้าเบาใจมากเพียงใด” นางพูดพลางยิ้มจนคิ้วและนัยน์ตาโค้ง “เติ้งเสี่ยวอิง ท่านว่าข้าร้ายกาจหรือไม่ ข้าสามารถซื้อของกินให้ท่าน รักษาอาการป่วยให้ท่าน ทั้งยังทำให้ทุกคนมีงานทำ มีเนื้อกิน”
เติ้งอิงอมยิ้มพลางพยักหน้า “ใช่ หวั่นหวั่น เจ้าดีมากจริงๆ”
“เช่นนั้นประเดี๋ยวท่านต้องกินเนื้อกระต่ายให้มากหน่อย”
“เกาลัดไม่กินแล้วหรือ”
“ใครบอกไม่กินเล่า ต้องกินด้วย”
เติ้งอิงก้มหน้าหัวเราะออกมา “หวั่นหวั่น ข้ากินมากมายเพียงนั้นไม่ไหว”
หยางหวั่นนิ่งอึ้ง “ข้าก็เหลือเกิน พอดีใจขึ้นมาก็ทำอะไรวุ่นวายไปหมด” นางกล่าวจบก็เอาเส้นผมทัดหู “กินไม่ไหวพรุ่งนี้ก็ค่อยกินอีก ไม่ต้องกลัว วันเวลายังอีกยาวนาน”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 2 ก.ย. 68