หยางสวี่ตบหลังมือหยางหวั่นแล้วพยักหน้า “ก็จริง” พอพูดจบนางก็เดินเข้ามาหาเติ้งอิงหลายก้าว “ไม่ว่าผู้บัญชาการเติ้งจะปฏิบัติต่อข้าเช่นไร ท่านก็เป็นผู้มีพระคุณของข้ากับฝ่าบาท หากไม่ใช่เพราะท่าน เกรงว่าข้ากับอี้หลางคงไม่มีวันได้เห็นท้องฟ้าเห็นตะวัน ข้ารู้ว่าท่านไม่ยอมรับของกำนัลจากข้า ดังนั้นหวั่นเอ๋อร์จะทำรองเท้าให้ท่าน ข้าเห็นนางทำได้ไม่ดีจึงช่วยนางทำ นี่เป็นการขอบคุณในบุญคุณส่วนหนึ่งของท่าน หวังว่าท่านจะรับไว้”
เติ้งอิงก้มหน้าบอก “ข้าจะนำสิ่งของที่ทำด้วยมือของท่านมาเหยียบไว้ใต้ฝ่าเท้าได้อย่างไร”
“แล้วถ้า…” หยางสวี่ชะงักไปเล็กน้อย “แล้วถ้าท่านเห็นข้าเป็นพี่สาวเช่นเดียวกันกับหวั่นเอ๋อร์เล่า” นางกล่าวจบก็มองไปที่เติ้งอิง “ท่านเป็นคนที่ออกจากบ้านมาตั้งแต่เด็ก ติดตามท่านอาจารย์จางเติบโตมา เมื่อก่อนน่าจะดูแลตนเองมาโดยตลอด ได้ยินว่าท่านก็เคยมีพี่สาวอยู่คนหนึ่ง นางแต่งไปอยู่สกุลซ่ง ภายหลังสกุลซ่งย้ายไปรับตำแหน่งขุนนางที่หลิ่งหนาน นางก็ตามไปด้วย ด้วยเหตุนี้จึงรอดพ้นจากความตายไปได้ แต่ก็ยากที่จะได้พบหน้าท่านอีก”
“ขอรับ…”
หยางสวี่มองเท้าของเติ้งอิง “สกุลหยางเราในรุ่นนี้มีคนไม่มาก หยางหลุนเป็นพี่ชายของข้ากับหวั่นเอ๋อร์ ถัดจากเราก็มีน้องชายเพียงคนเดียวคือหยางจิง น่าเสียดายที่ต้องแยกจากกันตั้งแต่เด็ก นานปียากจะได้พบหน้ากันสักครั้ง หลังจากข้าเข้าวังก็ไม่เคยเย็บปักอะไรให้คนในครอบครัว นี่นับเป็นครั้งแรก…” นางพูดพลางหัวเราะ “ถ้าผู้บัญชาการเติ้งไม่ยินดีจะเห็นของสิ่งนี้เป็นการขอบคุณจากข้าก็ถือว่าเป็นน้ำใจเล็กน้อยเถิด”
พอกล่าวจบก็ไม่รอคำตอบจากเติ้งอิงอีก หันไปกล่าวกับหยางหวั่นต่อ
“เข็มด้ายที่เจ้าต้องการเอามาให้เจ้าแล้ว เจ้าเก็บไว้ก่อน อย่าเพิ่งทำอะไร รอวันใดอวิ๋นชิงว่างแล้วค่อยให้มาสอนเจ้าด้วยกัน”
หยางหวั่นหัวไหล่ลู่ลง “ได้…ข้าจะเรียน”
หยางสวี่อมยิ้มพยักหน้าน้อยๆ “ข้าจะไปห้องครัวดูอวิ๋นชิง”
หยางหวั่นมองเงาด้านหลังของหยางสวี่แล้วพิงแขนเติ้งอิงเบาๆ “มีพี่สาวคนหนึ่งก็ดีมากกระมัง”
เติ้งอิงหันหน้ามาบอก “หลังจากข้าเป็นขุนนางที่มีความผิด สำมะโนครัวของครอบครัวก็ถูกลบทิ้งไปแล้ว ข้าไม่มีครอบครัว”
“ข้ารู้” หยางหวั่นคล้องแขนเขา หลับตาแล้วเอ่ยว่า “ท่านอยากอยู่ร่วมกับพวกเราเช่นไรก็ได้ทั้งนั้น”
ลมจากระเบียงประตูพัดโชยมาเบาๆ พัดเสื้อกระโปรงเนื้อนุ่มของหยางหวั่นปลิวไสว นางแต่งตัวเช่นหญิงชาวบ้าน มวยผมของนางคลายออก พอลมพัดมาก็ปลิวจนยุ่งเหยิง นางเอื้อมมือไปจับไว้ นิ้วมือปัดผ่านแก้ม เผยความงามเปี่ยมเสน่ห์ที่เจือด้วยความซีดเซียวออกมาให้เห็นรางๆ
“นั่งสักครู่เถิด”
“ได้”
เติ้งอิงนั่งลงเหยียดขาออกไป ยกมือขึ้นประคองหยางหวั่นให้นั่งลงด้วย
หยางหวั่นยื่นเท้าตนเองออกไปวางอยู่ข้างเท้าของเติ้งอิง รองเท้าอ่อนนุ่มสองคู่วางอยู่ข้างกัน แสงโคมไฟด้านหลังประตูแผ่ปกคลุมแผ่นหลังของคนทั้งสองดูอบอุ่นยิ่ง ควันไฟในลานกว้างค่อยๆ ลอยขึ้น น้ำแกงเนื้อต้มเดือด ในสายลมเริ่มมีกลิ่นหอมของน้ำมันและไขมันปะปนมา