หยางหวั่นยื่นมือไปจนเมื่อยแล้ว นางค้อมกายเอามือวางลงบนพื้นแล้วเงยหน้ามองเขา “ความจริงแล้วท่านเป็นคนดีมาก ในสภาพความเป็นอยู่เช่นนี้ยังทำหมอนให้ข้าใบหนึ่ง ข้าเองก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร ท่านไม่อยากพูดกับข้าก็แล้วไปเถิด แต่อย่าทำให้ตนเองต้องลำบาก ท่านคงไม่อยากให้วันหน้าตนเองเดินไม่ได้กระมัง”
เขายังคงใช้ความนิ่งเงียบปฏิเสธ
แต่สำหรับหยางหวั่นแล้วเรื่องนี้จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะว่าเล็กก็ไม่เล็ก
ในประวัติศาสตร์โรคที่ขาของเขาเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ แต่ถึงหยางหวั่นจะรู้ ทั้งยังพยายามช่วยเขาเปลี่ยนชะตากรรมเล็กน้อย แต่ก็ทำไม่ได้ ทว่านางกลับไม่เสียใจ เพียงใช้แขนเสื้อเช็ดมือของตนให้แห้ง ล้มเลิกการโน้มน้าวเติ้งอิงอย่างใจเย็น
คนในห้องยุ้งฉางเห็นเติ้งอิงกับหยางหวั่นไม่ได้มีพฤติกรรมเช่นที่พวกเขาคิดภาพเอาไว้ก็ค่อยๆ หมดความอดทน อากาศหนาวคนจึงง่วงนอนง่าย ครู่เดียวต่างก็นอนลงขดตัวเป็นก้อน
หยางหวั่นนั่งอยู่ตรงข้ามเติ้งอิง รอจนเติ้งอิงหลับตาลงจึงขดตัวลงข้างกายเขาแล้วนอนหนุนหมอนหญ้าอย่างระมัดระวัง
ยามนี้ในห้องยุ้งฉางเหลือเพียงเสียงกรนกับเสียงพลิกกายเป็นครั้งคราว หยางหวั่นนอนนิ่ง หยิบสมุดในแขนเสื้อออกมา พลิกเปิดไปทางหน้าต่างซึ่งเป็นจุดเดียวที่มีแสงโคมส่องสว่างเล็กน้อย งอนิ้วแตะที่ใต้คางตนเองพลางพึมพำเสียงเบา
“พรุ่งนี้เป็นวันที่สิบสามเดือนหนึ่งรัชศกเจินหนิงปีที่สิบสอง…ในบันทึก ‘ประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง’ คือเดือนสาม ดูไปแล้วเวลามีความคลาดเคลื่อนอยู่บ้าง…”
พอพูดไปพูดมาก็เริ่มง่วง นางพลิกกายไปทางผนังหิน กอดเข่านอนขดตัวเป็นก้อนเหมือนกับคนอื่นๆ
“เติ้งอิง ได้ยินว่าก่อนหน้านี้ท่านยังไม่เคยแต่งภรรยา แล้วท่าน…มีสตรีของตนเองหรือไม่”
เติ้งอิงที่นอนอยู่ด้านหลังหยางหวั่นสั่นศีรษะ
หยางหวั่นคล้ายมองเห็นอย่างไรอย่างนั้น นางพูดอย่างเลอะเลือนว่า “ถ้าร่างนี้เป็นของข้าเองล่ะก็…”
แล้วอย่างไรเล่า ความจริงแล้วจะทำอย่างไรได้เล่า
แม้นางจะเป็นผู้วิจัย แต่นางยังไม่ได้เสียสติพอที่จะใช้ร่างของตนตรวจสอบทัศนคติเรื่องเพศของผู้เป็นหัวข้อวิจัย นี่เป็นจรรยาบรรณทางวิชาการ ดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรอีก เพียงเม้มปากและหลับตาลง
เติ้งอิงไม่เข้าใจคำพูดประโยคนี้ทั้งหมด หลังจากรออยู่ครู่หนึ่งแล้วไม่ได้ยินนางพูดอะไรจึงค่อยๆ หลับตาลง
ใครจะคาดคิดว่าหลังจากนางหลับสนิทก็พึมพำออกมาประโยคหนึ่ง “อย่างไรเสีย…ชั่วชีวิตนี้ของหยางหวั่นก็มีชีวิตอยู่เพื่อเติ้งอิง…”
ที่มาพร้อมกับคำพูดประโยคนี้ยังมีหิมะที่ตกหนักเป็นครั้งแรกในปีที่สิบสองของรัชศกเจินหนิง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 1 ก.ค. 68