บทที่ 1.1 นกกระเรียนบาดเจ็บกับดอกฝูหรง
รัชศกเจินหนิงปีที่สิบสอง ช่วงหนาวที่สุดของฤดูหนาว
ปีนี้หิมะตกช้ากว่าปีที่แล้วไปเกือบเดือน ความหนาวเย็นในใต้หล้าหลอมรวมกับลมหนาวและความแห้งแล้ง ทำให้หนาวยะเยือกจนผู้คนยกหัวไหล่งอแผ่นหลัง ณ หนานไห่จื่อ ลานล่าสัตว์ของราชวงศ์ที่ครอบคลุมพื้นที่เกือบสามแสนหมู่ ซึ่งอยู่ด้านนอกกำแพงวังทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองหลวง ชาวไร่ชาวนาทั้งหมดที่นั่นต่างกำลังเฝ้ารอคอยหิมะแรกของปีนี้
เติ้งอิงพิงอยู่ที่ผนังหิน เบื้องหน้าเป็นคนน่าสงสารกลุ่มใหญ่ที่สวมเสื้อผ้าเนื้อบางเช่นเดียวกับเขา
คนเหล่านั้นรวมตัวกันเป็นกลุ่มสามถึงห้าคนซุกตัวอยู่ตามมุมต่างๆ จ้องมองเติ้งอิงอยู่เงียบๆ ส่วนใหญ่อารมณ์ความรู้สึกบนใบหน้าออกจะซับซ้อน เติ้งอิงขยับขาที่สวมเครื่องพันธนาการไปข้างหลังสองสามชุ่นขากางเกงผ้าเนื้อหยาบก็คลายลงมา พอจะปกปิดบาดแผลที่เกิดจากการเสียดสีที่ข้อเท้าของเขาไปได้บ้าง เขาเพียงขมวดคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไร
บุรุษผู้หนึ่งเหยียดขาที่ขดงอของเขาออกแล้วยืนขึ้น ฉีกผ้าชิ้นหนึ่งออกมาจากเสื้อผ้าของตนท่ามกลางสายตาทุกคน ยื่นให้เติ้งอิงอย่างไม่ค่อยมั่นใจแล้วพูดกับเขาอย่างขลาดกลัว
“ท่านใช้มัน…พันข้อเท้าของท่านเถิด”
เติ้งอิงก้มหน้ามองผ้าขาดสีเทาขาวผืนนั้น ทันใดนั้นก็รู้สึกราวกับว่าได้ร่วมชะตากรรมกับคนเหล่านี้
สถานที่ที่พวกเขาอยู่คือห้องยุ้งฉางของหนานไห่จื่อ ปกติจะใช้เก็บธัญพืชและเนื้อสัตว์ที่เตรียมจะส่งเข้าวังหลวง แต่ตอนนี้ในห้องแทบจะว่างเปล่า มีเนื้อแห้งเพียงไม่กี่ชิ้นแขวนอยู่บนขื่อคานอย่างโดดเดี่ยว
การเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงไม่ค่อยได้ผลดีนัก ดังนั้นหลังผลัดเปลี่ยนฤดู สำนักกิจการฝ่ายในจึงเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้ให้เป็นค่ายกักกันชั่วคราว
ผู้คนที่อาศัยอยู่ในห้องยุ้งฉางล้วนเป็นบุรุษผู้ถูกตอนซึ่งไม่มีที่พำนักอาศัยแน่นอน
ในช่วงต้นรัชศกเจินหนิง ราชสำนักห้ามมิให้บุรุษกระทำการตอนโดยพลการ และยังกำหนดบทลงโทษรุนแรงต่อบุรุษที่หลบหนีการเกณฑ์แรงงานและหลบหนีภาษีที่นา ภาษีต่างๆ จากวังหลวง แต่ภายหลังเนื่องจากทายาทของราชวงศ์เพิ่มมากขึ้น การงานของทั้งยี่สิบสี่ที่ทำการ เริ่มซับซ้อนยุ่งยาก ความต้องการขันทีก็มีมากขึ้นทุกที ด้วยเหตุนี้คำสั่งห้ามในช่วงต้นรัชศกนั้นเวลานี้จึงกลายเป็นหนังสือคำสั่งที่ว่างเปล่าไปเสียแล้ว
คนที่หนานไห่จื่อใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ทั้งยังถูกตอน บางคนมีอายุมากแล้ว แต่บางคนยังเป็นเด็กอายุสิบสองสิบสามปี ยามกลางวันทำงานใช้แรงงาน ยามกลางคืนก็นอนแออัดกันอยู่ในห้องยุ้งฉางตามมีตามเกิด ทุกคนต่างรอคอยด้วยความหวังว่าจะมีคนของสำนักกิจการฝ่ายในและยี่สิบสี่ที่ทำการงานมาคัดเลือกตัว
เติ้งอิงเป็น ‘บุรุษ’ เพียงหนึ่งเดียวในหมู่คนเหล่านี้
ไม่รู้ว่าคนที่จัดการจงใจหรือไม่ ให้มดแมลง ห้อมล้อมนกกระเรียนที่บาดเจ็บ ถือเป็นความอัปยศอดสูที่โหดร้ายที่สุดก่อนการลงทัณฑ์
“อันนี้ไม่…ว้าย!”
โคมกันลมที่หน้าประตูส่องสะท้อนเงาร่างคนอย่างชัดเจนจนเห็นไรขนอ่อนบางๆ
เติ้งอิงเงยหน้าขึ้น หยางหวั่นลอดเข้ามาทางซอกประตูพร้อมกับสมุนไพรหอบใหญ่ในอ้อมแขน ยังพูดไม่ทันจบก็ล้มลงตรงหน้าเขา
บนพื้นมีแต่หญ้าแห้งและรำข้าวสาลี เมื่อเสียดสีกับผิวหนังก็ได้เลือดทันที