ผู้สูงวัยกดเสียงลงต่ำ ขยับตัวเข้าซอกมุมไปอีกเล็กน้อย “ขะ…ขโมยของของขันทีหลี่มาหรือ”
“อืม ข้าเองก็รู้ว่าทำเช่นนี้ไม่ถูก…” นางพูดอย่างร้อนตัวขึ้นมาพลางมองไปที่เติ้งอิงโดยไม่รู้ตัว “วันหน้าท่านก็ช่วยใช้คืนแทนข้า…”
ผู้สูงวัยแววตาตื่นตระหนก ถามหยางหวั่นอย่างไม่สบายใจ “แม่นาง ขโมยของของขันทีหลี่เช่นนี้ เจ้าไม่กลัวถูกโบยหรือ”
หยางหวั่นถอนสายตากลับมาอย่างขัดเขิน “ไม่เป็นไร ข้าหลบหนีได้เร็ว”
เพิ่งจะพูดจบก็มีเสียงหญ้าแห้งถูกเหยียบย่ำดังมาจากพื้นโคลนที่หน้าประตู
หยางหวั่นรีบขดตัวไปนั่งยองๆ ที่ข้างกายเติ้งอิง ส่วนเติ้งอิงเบี่ยงไหล่ไปด้านข้างแล้วเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
คนเจ็ดแปดคนสวมเสื้อคลุมสักหลาดไม่มีแขนถือโคมกันลมเดินฝ่าหิมะเข้ามา คนที่อยู่หน้าสุดคือหลี่ซั่น ขันทีผู้ควบคุมกองงานควบคุมสวน
หิมะตกติดต่อกันมาหลายวันแล้ว อากาศแห้งและหนาวมาก แม้แต่คนที่ดูแลตนเองอย่างพิถีพิถันก็ยังมือแตกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลี่ซั่นถอดปลอกอุ่นมือออก รับขี้ผึ้งทามือมาจากคนด้านข้างแล้วควักออกมาก้อนหนึ่ง ทาไปพลางถามผู้ดูแลที่หน้าประตูไปพลาง
“เหตุใดถึงไม่ใส่กุญแจประตู”
ผู้ดูแลรีบบอก “ท่านหลี่ ต้องเหลือประตูไว้ให้พวกเขาออกไปปลดทุกข์ในยามค่ำคืน หาไม่ที่นี่จะมีกลิ่นไม่ดีขอรับ”
หลี่ซั่นนวดข้อมือ “คนผู้นั้นเล่า”
“คนผู้นั้นหรือ งดอาหารและน้ำเขามาสองวัน เวลานี้ไม่มีเรี่ยวแรงแล้วขอรับ น่ากลัวว่ากระทั่งขยับตัวก็ยังยาก”
หลี่ซั่นฟังจบก็พยักหน้าน้อยๆ “เขาได้พูดอะไรหรือไม่”
“ไม่ได้พูดขอรับ หลังจากกรมอาญาคุมตัวคนผู้นี้มาก็อยู่ในความดูแลของเรา จนถึงวันนี้ยังไม่เคยได้ยินเขาเปิดปากพูดสักครา ขันทีหลี่กลัวว่าเขาจะคิดสั้นหรือ”
หลี่ซั่นหัวเราะออกมา “ถ้าคิดสั้นก็ยิ่งดี ท่านบรรพชนจะได้ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้” เมื่อเขาพูดจบก็เขี่ยขี้ผึ้งที่ติดอยู่ในซอกเล็บออกพลางบอกอีกว่า “พวกเจ้าคิดว่าเขาเหมือนคนคิดจะฆ่าตัวตายหรือ ถ้าคิดจะฆ่าตัวตาย ตอนมาก็คงจะอดอาหารฆ่าตัวตายเช่นเดียวกับพวกเจียงหมิงและกัวติ่งไปแล้ว”
หยางหวั่นที่อยู่ข้างกายเติ้งอิงฟังคำพูดประโยคนี้จบก็อดไม่ได้ที่จะหันไปถามเขา “ท่านไม่เคยอดอาหารหรือ”
คำตอบที่นางได้ย่อมเป็นความนิ่งเงียบเช่นเดิม
แต่หยางหวั่นกลับไม่หมดกำลังใจ นางนั่งอยู่ข้างเติ้งอิงได้ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หยิบสมุดเล่มเล็กออกมาจากอกเสื้อแล้วเก็บก้านหญ้าแห้งก้านหนึ่งบนพื้น จิ้มปลายคางตนเองด้วยท่าทางจริงจังแล้วพูดขึ้น
“กลุ่มคนที่เรียบเรียง ‘ประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง’ มีเจตนาร้ายต่อท่านมากจริงๆ พวกเขาเขียนว่าขณะที่ท่านอยู่ที่หนานไห่จื่อได้อดอาหารอย่างต่อเนื่อง ภายหลังก็กระดิกหางขออาหาร จะต้องวิพากษ์วิจารณ์ท่านอย่างเสียหายให้ได้จึงจะพอใจ” พอพูดจบก็กัดก้านหญ้าแห้งเบาๆ “อืม…เช่นนั้นตรงนี้ก็ควรต้องแก้ไข”
เติ้งอิงก้มหน้าลงมองสมุดที่กางอยู่บนหัวเข่าของหยางหวั่นคราหนึ่ง ในนั้นมีตัวอักษรที่เขาอ่านไม่ออกเขียนไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
สิบกว่าวันมานี้สตรีผู้นี้จะขีดเขียนอะไรลงไปบนนั้นอยู่เสมอ