เป็นเช่นที่นางพูด จู่ๆ นางก็มาปรากฏตัวที่หนานไห่จื่อเป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้ว ไม่มีใครรู้ว่านางเป็นใคร ตอนแรกผู้คนเห็นลายปักบนเสื้อผ้าแพรของนางดูประณีตงดงามล้ำค่าก็คาดคะเนว่านางมีความเป็นมาที่ไม่ธรรมดา คนส่วนใหญ่จึงไม่กล้าพูดคุยกับนาง เกรงว่าจะเป็นการหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว พอนางอยู่ที่หนานไห่จื่อหลบซ้ายซ่อนขวา อดทนต่อความยากลำบากมาสิบกว่าวัน คลุกคลีอยู่กับพวกชาวไร่ชาวนาในหนานไห่จื่อที่ทำงานอยู่ทุกวัน เสื้อผ้าบนร่างนางก็มองไม่ออกถึงเนื้อผ้าเดิม ขาดกะรุ่งกะริ่งห้อยปะปนอยู่กับเส้นผมที่แผ่สยาย ท่าทางดูไม่ต่างจากคนทุกข์ยากลำบากที่หนานไห่จื่อ ผู้ถูกตอนเหล่านี้จึงปล่อยวางความระแวดระวังที่มีต่อนางลง
นอกจากนี้พวกเขายังค่อยๆ พบว่าความสนใจของสตรีผู้นี้ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนอยู่ที่บุรุษผู้ซึ่งได้รับโทษหนักผู้นั้น
เพียงแต่น่าเสียดายที่เติ้งอิงไม่อนุญาตให้นางเข้าใกล้
ไม่ใช่ภรรยาไม่ใช่อนุ แต่กลับกระตือรือร้นที่จะแสดงมิตรไมตรีต่อนักโทษที่กำลังจะไร้บุตรหลานผู้หนึ่ง
นักโทษผู้นั้นก็เฉยเมยเกินไป ทำให้สตรีผู้นี้ดูน่าสงสารยิ่ง
ระหว่างที่มีคนกำลังทอดถอนใจแทนนางก็มีเสียงฝีเท้าจากด้านนอกตรงมาที่หน้าประตู หยางหวั่นได้ยินเสียงแล้วก็รีบเก็บสมุดและหลบไปซ่อนตัวที่หลังกองฟางกองหนึ่ง
หลี่ซั่นกับขันทีหลายคนเดินเข้ามาในห้องยุ้งฉาง เดินพลางพูดเรื่องที่สนทนาค้างกันอยู่จากข้างนอกต่อ
“ยังต้องงดน้ำงดอาหารเขาอีกกี่วัน”
ขันทีที่อยู่ด้านหลังผู้หนึ่งกล่าวตอบ “อีกสองวันขอรับ”
หลี่ซั่นยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าเติ้งอิง มองเขาอย่างรังเกียจคราหนึ่ง “เอาล่ะ งดอีกวันหนึ่งก็ให้ไปรับโทษเสีย” พอพูดจบก็กดต้นคอ “รีบจัดการให้เรียบร้อยโดยเร็วแล้วมอบคนให้สำนักกิจการฝ่ายในก่อนสิ้นปี เราจะได้ไม่ต้องปวดศีรษะ อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ ในใจมีเรื่องดุจก้อนน้ำแข็งซุกอยู่ก้อนหนึ่ง มากน้อยย่อมไม่สบายใจ เจ้าไปบอกจางหูจื่อ เตรียมมีดให้พร้อม นี่เป็นงานของสำนักกิจการฝ่ายใน บอกเขาว่าสองวันนี้รักษาสติให้ปลอดโปร่งเข้าไว้ อย่าดื่มสุรา”
คนตอบมีสีหน้าลำบากใจ “ตอนนี้จางหูจื่อกำลังอยู่ในอารามข้างนอก ก่อนหน้านี้ข้าเห็นเขาหาคนปรนนิบัติขัดแผ่นหลังในหนานไห่จื่ออยู่เลย”
“ถุย!” หลี่ซั่นถ่มน้ำลาย “จะโอ้อวดข้าว่าส่วนล่างของเขามีของดีอยู่หรือ! รีบไปบอกเขาให้กลับมาเตรียมมีด!”
ประโยคนี้ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ล้วนสะเทือนใจยกเว้นเติ้งอิง
หลี่ซั่นไม่พอใจนัก เขาจึงเปลี่ยนเรื่องพูด “ยังมีโซ่ตรวนอยู่บนร่างของเขา พวกเราไม่อาจทำอะไรได้ พรุ่งนี้เช้าเจ้าไปขอข้อคิดเห็นที่กรมอาญา ดูว่าจะทำอย่างไร ให้เขาสวมโซ่ตรวนนี้ไปรับโทษหรือจะปลดออก”
คนตอบสีหน้าบึ้งตึง “ท่านหลี่ ยังต้องขอข้อคิดเห็นจากกรมอาญาด้วยหรือ”
“อืม” หลี่ซั่นตอบอย่างรำคาญ มองไปที่เติ้งอิงพลางแค่นเสียงเยาะหยันออกมาทางจมูก “ครอบครัวราชเลขาธิการเติ้งถูกประหารหมดแล้ว เหลือแค่คนผู้นี้เท่านั้น เรื่องของเขาซับซ้อนยิ่ง”
หลี่ซั่นพูดประโยคนี้จบก็พบว่าเติ้งอิงกำลังมองตนอยู่ จึงอดชะงักไปครู่หนึ่งไม่ได้ ชั่วขณะนั้นถึงกับยากจะบอกได้ชัดเจนถึงความรู้สึกที่ถูกดวงตาคู่นั้นจับจ้องอยู่