สหายสนิทในสมัยก่อนของเขาต่างปิดปากเงียบไม่พูดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ส่วนผู้ที่เป็นศัตรูกับสกุลเติ้งต่างก็แทบอยากจะเหยียบเขาซ้ำ
นับตั้งแต่ถูกคุมขังจนถูกพาตัวมาที่หนานไห่จื่อ เวลาก็ผ่านไปกว่าหนึ่งเดือนแล้ว พอคิดดูแล้วก็มีเพียงหยางหลุนเท่านั้นที่ลอบมอบเงินแท่งหนึ่งให้หลี่ซั่น ขอให้อีกฝ่ายช่วยดูแลเขาบ้าง
หลังจากหลี่ซั่นกล่าวคำพูดเหล่านี้จบในใจก็นึกถึงเงินแท่งนั้นแล้วมองบาดแผลทั่วร่างเติ้งอิง รู้สึกว่าเขาก็น่าสงสารไม่น้อย จึงกระแอมกระไอไปสองสามที อ้าปากคิดจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อคลี่คลายบรรยากาศ แต่ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นว่ามีสมุนไพรกองใหญ่กองอยู่ข้างเท้าของเติ้งอิง เมื่อพิจารณาดูอย่างละเอียดก็รู้สึกคุ้นตายิ่ง ทันใดนั้นเพลิงโทสะพลันลุกโชนขึ้น
“หืม?” หลี่ซั่นยกชายเสื้อคลุมยาวนั่งยองๆ ลงไปหยิบขึ้นมาดูกำหนึ่ง “หนูถูกตอนตัวใดไปขนมากัน”
ขันทีในห้องยุ้งฉางต่างก้มหน้าตัวสั่นเทาไม่กล้าพูดจา หลายคนที่นั่งอยู่ใกล้เติ้งอิงกลัวหลี่ซั่นจะจับจ้องตนก็ค่อยๆ ขยับไปนั่งที่อื่น
หลี่ซั่นกวาดตามองคนที่มีสีหน้าหวาดหวั่นเหล่านี้คราหนึ่ง โยนสมุนไพรในมือทิ้งแล้วยืนขึ้น ปัดมือพลางมองเติ้งอิง ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจู่ๆ ก็หัวเราะเสียงดังออกมา
“ดูเหมือนข้าจะพูดผิดไปแล้ว ไม่ใช่ไม่มีใครกล้าสงสารเจ้า” เขาพูดพลางใช้เท้าเขี่ยสมุนไพรกองนั้น “ถึงกับกล้าขโมยสมุนไพรในลานเล็กของข้ามารักษาบาดแผลให้เจ้า” ทางหนึ่งพูด ทางหนึ่งก็หันกายไปชี้เหล่าผู้ถูกตอนในห้องยุ้งฉาง “ในหมู่พวกเจ้ามีคนที่ไม่กลัวตาย ข้าหลี่ซั่นนับถือพวกเจ้าที่ขวัญกล้าอย่างยิ่ง วันนี้จะไม่สืบสาวราวเรื่องสมุนไพรเหล่านี้ แต่ถ้ายังมีครั้งหน้าแล้วข้ารู้เข้าก็อย่าได้คิดที่จะออกไปจากหนานไห่จื่อแห่งนี้” เขาไม่สืบสาวราวเรื่องต่อจริงๆ เพียงปัดมือแล้วกล่าวกับผู้ดูแลว่า “เฝ้าดูให้ดี”
พูดจบก็พาคนสาวเท้าก้าวยาวเดินออกไป
หยางหวั่นรอจนเสียงฝีเท้าห่างไปไกลแล้วจึงมุดออกมาจากด้านหลังกองฟาง เกาะอยู่ที่ขอบผนังพลางตรวจสอบอย่างรอบคอบระมัดระวัง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงใส่กุญแจประตูที่อยู่ด้านหลังนาง หยางหวั่นหน้าเสีย ตบคอตนเองอย่างอับจนปัญญาแล้วลงนั่งขัดสมาธิ
“เฮ้อ คืนนี้ออกไปไม่ได้แล้ว”
ไม่คิดว่าพอนางพูดประโยคนี้จบสายตาของคนรอบข้างที่มองนางกับเติ้งอิงพลันเปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้น
หยางหวั่นหันกลับมาและมองคนในห้องยุ้งฉางด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะก้มลงมองเติ้งอิง พลันนึกไปถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลี่ซั่นแล้วก็ได้สติกลับมาทันที
เวลานี้ในห้องนี้คุมขังคนอยู่สามจำพวกคือบุรุษหนึ่งคน สตรีหนึ่งคน ทั้งยังมีผู้ถูกตอนอีกกลุ่มหนึ่ง
แน่นอน ตามคำพูดของหลี่ซั่น บุรุษผู้นี้พอผ่านคืนนี้ไปก็จะไม่ใช่บุรุษอีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นคืนนี้ก็ควรจะมีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อยหรือไม่
ถ้าหยางหวั่นเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ผู้หนึ่ง คิดว่าเวลานี้นางคงจะนั่งลงแล้วแยกใคร่ครวญสภาพแวดล้อมในยามนี้อย่างละเอียดลึกซึ้งทั้งในระดับวรรณกรรมและสังคมวิทยา ทว่าขณะนี้นางถูกสายตาของคนรอบข้างจ้องมองจนรู้สึกร้อนรนเล็กน้อย ร่างกายของนางในตอนนี้เป็นใครนางก็ยังไม่รู้ และไม่รู้ว่าเจ้าของร่างนี้ชมชอบใครอยู่หรือไม่ แม้หยางหวั่นจะเห็นว่าตนเองเป็นเพียงจิตวิญญาณที่มาจากศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด จุดประสงค์ของการเดินทางข้ามกาลเวลามาคือเพื่อสังเกตการณ์ประวัติศาสตร์และบันทึกประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเติ้งอิง แต่ในเมื่อเดินทางข้ามกาลเวลามาอยู่ในร่างคนอื่น ดูเหมือนว่านางต้องรับผิดชอบปกป้องดูแลร่างที่ช่วยประคับประคองจิตวิญญาณของนางร่างนี้ด้วย
ครั้นแล้วนางก็กลับมามีท่าทีเป็นปกติ แต่ในสมองเต็มไปด้วยความคิดมากมาย ทันใดนั้นก็อดที่จะยกมือขึ้นมาทาบอกด้วยความตกใจไม่ได้ ลืมไปว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือบุรุษที่ไม่อนุญาตให้นางแตะต้องเนื้อตัวผู้หนึ่ง