เติ้งอิงมองใบหน้าที่ดูตื่นตระหนกของนางแล้วขยับตัวนั่งหลังตรง
หยางหวั่นเห็นเขาเคลื่อนไหวก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ก่อนจะถามอย่างเป็นไปเอง “ท่านจะทำอะไร”
เติ้งอิงไอออกมาทีหนึ่ง ฟังดูคล้ายจงใจ
ทว่าหลังจากอาศัยสิ่งนี้ขัดจังหวะการพูดของหยางหวั่นแล้วเขากลับไม่มีอาการตอบสนองอื่นใด ทั้งยังสำรวมการกระทำของตนที่ดูเป็นการ ‘ล่วงเกิน’ ไว้ไม่มองหยางหวั่นอีก เพียงก้มลงหยิบสมุนไพรบนพื้นขึ้นมา วางไว้บนหัวเข่าแล้วม้วนเล่น
หลังจากจางจั่นชุนเกษียณ เติ้งอิงก็เป็นจุดสูงสุดของงานด้านการก่อสร้างในช่วงต้นราชวงศ์หมิงแล้ว ดังนั้นแม้แต่การถักหญ้าในมือก็ทำได้อย่างประณีตคล่องแคล่ว
หยางหวั่นรู้สึกว่ามือของเติ้งอิงไม่นับว่าชวนมอง เนื่องจากสัมผัสไม้อิฐกระเบื้องมานาน มือจึงดูหยาบกร้าน แต่ดีที่ข้อต่อกระดูกชัดเจน เส้นเลือดเส้นเอ็นมีขนาดที่พอเหมาะพอดี ไม่ถึงกับน่าเกลียด แต่ก็แตกต่างจากบุรุษทั่วไปตรงที่บนหลังมือมีรอยแผลเก่าเล็กๆ สีแดงจางๆ รอยหนึ่ง ลักษณะคล้ายจันทร์เสี้ยว
นางมองเขาเอาสมุนไพรที่ตนหอบมามาสานเป็นหมอนหญ้าใบหนึ่งแล้วก็พบว่าเมื่อครู่ตนเองคิดมากเกินไปแล้ว ดูจากที่อยู่ด้วยกันมาหลายวันนี้เติ้งอิงเป็นบุรุษที่มีคุณธรรม เป็นนางเองที่มีความคิดไม่บริสุทธิ์ เป็นอันธพาลหญิงที่เอาแต่คิดจะแตะเนื้อต้องตัวเขา เมื่อคิดเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าเมื่อครู่ตนเองออกจะไร้เหตุผลไปสักหน่อย จึงยกมือขึ้นเกาศีรษะด้วยความขวยเขิน
ก่อนหน้านี้เติ้งอิงอยู่ในคุกต้องความเย็นเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ไม่ได้รักษาตัว ตอนนี้ยังคงไออยู่บ้าง
เขายกมือขึ้นมากดหน้าอก เห็นได้ชัดว่ากำลังฝืนทน
หยางหวั่นคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เห็นเขาขยับตัวไปนั่งอยู่บนพื้นที่ไม่มีหญ้าแห้งรอง ยื่นมือเอาหมอนหญ้ามาวางไว้ข้างกายตน จากนั้นก็ยืดหลังตรงเอามือกุมหัวเข่าอีกครั้ง มองมาที่นางเงียบๆ
หยางหวั่นไปนั่งยองๆ ลงข้างกายเติ้งอิง มองหมอนหญ้าใบนั้นแล้วพูดว่า “ให้…ข้าหรือ”
เติ้งอิงพยักหน้า
“เช่นนั้นขาของท่านจะทำอย่างไร”
เติ้งอิงก้มลงมองบาดแผลบนข้อเท้าที่แทบจะเห็นกระดูกของตน ลูกกระเดือกขยับเคลื่อนขึ้นลงเล็กน้อย
ตั้งแต่เข้าคุกจนถึงวันนี้เขาไม่ยอมเปิดปากพูดมาโดยตลอด ประการแรกกลัวจะชักนำเภทภัยมาสู่ผู้อื่น ประการที่สองเขาต้องการความเงียบสงบเพื่อทำความเข้าใจกับความจริงที่ว่าบิดาและคนทั้งตระกูลถูกลงโทษประหารชีวิต เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าเขาก็ยอมรับว่าตนตกอยู่ในสภาพเช่นที่หลี่ซั่นกล่าวไว้ เป็นหนูขาหักข้ามถนน ทุกคนร้องไล่ตี ดังนั้นเวลานี้เขาจึงไม่คุ้นเคยกับการมีคนมาซักถามสารทุกข์สุกดิบนัก
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ข้าจะไม่แตะต้องตัวท่าน แค่จะช่วยทุบสมุนไพรที่เหลืออยู่ให้แหลก ท่านพอกเอง”
หยางหวั่นพูดจบก็ม้วนแขนเสื้อขึ้น
เติ้งอิงมองจี้หยกที่นางใช้ทุบยาชิ้นนั้นคราหนึ่ง นั่นเป็นหยกฝูหรง เนื้อดีชั้นหนึ่ง คนธรรมดาทั่วไปเป็นไปไม่ได้ที่จะมี แต่นางกลับมีผูกอยู่ที่เอวสองชิ้น
“รับไป” นางเห็นเติ้งอิงไม่รับก็เอื้อมไปปลดผ้าผูกผมที่ด้านหลังศีรษะออกมา “เอาสิ่งนี้พันไว้”
เติ้งอิงยังคงไม่ขยับ