บทที่ 1.3 นกกระเรียนบาดเจ็บกับดอกฝูหรง
หลังจากหิมะตกในยามค่ำคืน วันถัดมาที่หนานไห่จื่อก็ปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวโพลน
ผู้ดูแลเอามือป้องตาพลางเปิดประตูห้องยุ้งฉาง เหล่าผู้ถูกตอนอั้นหนักเบาจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่นานแล้ว ต่างเบียดเสียดกันออกมา
ผู้ดูแลอ้าปากหาวยังไม่ทันหุบก็ถูกคนที่รีบร้อนเหล่านี้ผลักจนล้มลงไปในกองหิมะอย่างแรง จมูกกระแทกจนเลือดออก เขาลุกพรวดขึ้นมานั่งพลางกดจมูกแล้วตวาดด่าทอ
“บัดซบ! พวกเจ้าจะรีบไปเกิดใหม่หรือ”
พอพูดจบกำลังจะลุกขึ้นยืน มือกลับสัมผัสอะไรบางอย่างในหิมะ เขาทนต่อแสงอันเจิดจ้าของหิมะหยิบขึ้นมาดูก็เห็นว่าเป็นจี้หยกฝูหรง
“นี่…พวกคนยากไร้เหล่านี้ยังมีทรัพย์สินส่วนตัวซ่อนอยู่อีกหรือ…”
พอพูดจบก็รีบเอามือปิดปาก ค้อมกายแล้วมองสำรวจไปรอบๆ ฉวยจังหวะที่รอบด้านกำลังวุ่นวายไม่มีใครเห็นรีบซ่อนจี้หยกไว้ในแขนเสื้อ
แต่ใครจะคิดว่ายังไม่ทันซ่อนดีก็ได้ยินคนถามมาจากด้านหลังว่า “นั่งทำอะไรอยู่”
“ไม่ได้ทำอะไร…”
คนถามคือขันทีน้อยภายใต้บังคับบัญชาของหลี่ซั่น เห็นเขาดูลับๆ ล่อๆ ก็ยกเท้าเตะเขาสองทีจากทางด้านหลังอย่างไม่เกรงใจแล้วเชิดหน้าเอ่ยขึ้น
“รีบลุกขึ้นไปพาคนออกมา วันนี้คนของสำนักกิจการฝ่ายในจะมาแต่เช้า”
ผู้ดูแลลุกขึ้นยืนแล้วปัดๆ หิมะบนร่าง ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ขันทีน้อยแล้วเอ่ยถาม “จะเอาตัวไปตอนนี้เลยหรือ จางหูจื่อผู้นั้นกลับมาที่หนานไห่จื่อแล้วหรือยัง”
ขันทีน้อยปิดปากปิดจมูกแล้วหลบไปข้างหลังก้าวหนึ่ง “ไม่ระมัดระวังเอาเสียเลย ถอยออกไปห่างๆ”
ผู้ดูแลเอามือลูบหน้าแล้วขยับยืนห่างออกไป เอามือวางไว้ที่ข้างลำตัว
เมื่อเขายืนดีแล้วขันทีน้อยผู้นั้นก็เอามือลง ตอบคำถามเมื่อครู่ของเขาอย่างไม่รีบร้อน “ได้ยินว่าเมื่อคืนถูกขันทีหลี่จับตัวกลับมาจากอารามที่ด้านนอกแล้ว ทั้งยังทำให้เขาสร่างเมาในคืนนั้นเลย”
ผู้ดูแลฟังจบก็ร้องออกมาด้วยความดีใจ “อ้อ…ดียิ่ง ข้าจะพาคนออกมาเดี๋ยวนี้ ส่งมอบงานนี้แล้วคืนนี้พวกเราจะได้ฉลองปีใหม่กัน”
พอพูดจบกำลังจะเดินเข้าไปข้างในก็ถูกเรียกจากทางด้านหลังอีกครั้ง
“กลับมาก่อน ในแขนเสื้อของเจ้าซ่อนอะไรไว้”
“นี่…”
“เอามา”
ผู้ดูแลมองมือที่แบออกมาของขันทีน้อย ชั่วขณะนั้นไม่มีหนทางอื่น จำต้องเอาจี้หยกฝูหรงชิ้นนั้นประคองส่งให้พลางแย้มยิ้มบอก
“ข้าเก็บได้”
ขันทีน้อยวางจี้หยกลงบนมือแล้วพิจารณาดูอย่างละเอียด พอเห็นอีกฝ่ายยังยืนอยู่ก็เอ่ยเสียงต่ำ “ยังจะยืนอยู่เพื่ออันใด ไปพาคนมา!”
ผู้ดูแลเห็นอีกฝ่ายไล่ตนก็รู้ว่าต้องเสียของให้คนอื่นเสียแล้ว ถึงแม้จะไม่พอใจ แต่ก็ทำได้เพียงรับคำอย่างไม่ค่อยยินยอมนัก หันกายไปบ่นพึมพำแล้วไปเอาตัวคนมา
เมื่อถูกคนแย่งของไป เวลานี้เขาจึงอารมณ์ไม่ดีและยิ่งปฏิบัติต่อเติ้งอิงด้วยความหงุดหงิด
เพื่อจะเข้ารับโทษทัณฑ์ราชสำนัก เติ้งอิงถูกงดอาหารและน้ำมาสามวันแล้ว เขาเดินช้าๆ พยายามรักษาท่าทางขณะเดินเอาไว้อย่างเต็มที่