เขาถอดเสื้อคลุมออกแล้วโยนไปบนเก้าอี้ที่มีเท้าแขนและพนักพิงหลังทรงกลม เรียกคนให้ยกน้ำชามา
“นี่เป็นปริศนาอะไรระหว่างพวกสตรี”
เซียวเหวินก้มลงเก็บเสื้อของหยางหลุนมาแขวนไว้บนราวไม้ที่อยู่ด้านใน เดินออกมาพร้อมบอกว่า “ไม่นับว่าเป็นปริศนา ข้าฟังคำพูดนั้นก็รู้สึกว่าพวกเขาคงคิดว่าหวั่นเอ๋อร์ของเราไม่อาจเป็นภรรยาเอกของจางลั่วได้ แต่ก็ไม่สะดวกจะพูดตามตรง ถึงได้มาโดยไม่มีสาเหตุแล้วกล่าวคำพูดจอมปลอมพวกนั้น”
หยางหลุนฟังจบก็ตบโต๊ะด้วยความโมโห “คนสารเลวพวกนี้!”
เซียวเหวินมองถ้วยชาบนโต๊ะที่สั่นสะเทือน หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดให้สะอาด จากนั้นก็จับมือของหยางหลุนขึ้นมาช่วยเช็ดให้เขา
“ท่านโกรธก็ส่วนโกรธ แต่การกระทำต้องอดกลั้นไว้สักหน่อย ทางด้านท่านแม่ข้ายังไม่ได้บอกให้ทราบ”
“มีอะไรไม่อาจบอกให้ทราบกัน” หยางหลุนดึงมือออกมาจากผ้าเช็ดหน้าของเซียวเหวิน พูดอย่างรำคาญว่า “พอแล้ว ไม่ต้องทำแล้ว”
เซียวเหวินรู้ว่าเขาไม่พอใจ จึงไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงที่ไม่ดีของเขา นางเก็บผ้าเช็ดหน้าพลางยืนขึ้น “ข้าเป็นคนเลอะเลือน คิดว่ารอท่านกลับมาค่อยปรึกษาหาหนทางกัน ข้ารู้ว่าท่านอยู่ที่กรมมีงานยุ่ง ต้นปีงานก็มาก แต่สกุลจางวางท่าใหญ่โตเช่นนั้น ที่เจียงซื่อมาพูดคุยกับข้าในฐานะสะใภ้คนโตก็เป็นเพียงการหยั่งเชิงเท่านั้น เรื่องนี้ล้วนไม่ใช่สิ่งที่พวกสตรีจะมาเจรจากันเองได้”
คำพูดนี้พูดได้อย่างแจ่มแจ้งยิ่ง หยางหลุนเงยหน้าขึ้นครุ่นคิดเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง
“จางลั่วยังอยู่ที่เจ้อเจียง เรื่องนี้อาจไม่ใช่ความคิดของเขา รอเขากลับมาจากทางใต้ ข้าจะไปพบเขาที่นอกราชสำนัก เจ้ากับท่านแม่อย่าเพิ่งร้อนใจ เรื่องนี้ก็ไม่ใช่มีเพียงจวนเราที่เป็นเช่นนี้” หยางหลุนพูดจบก็จับมือเซียวเหวิน “นั่งเถิด”
เซียวเหวินนั่งลงข้างกายเขา “ท่านมีหนทางข้าก็วางใจแล้ว จริงด้วย ข้ายังไม่ได้ถาม เหตุใดหวั่นเอ๋อร์ถึงเป็นเช่นนี้ไปได้”
หยางหลุนยกมือขึ้นตบหัวเข่าตนเองแรงๆ สองที ลมหายใจติดขัดขึ้นมาทันใด
เพียงหายตัวไปสิบกว่าวัน สกุลจางก็เริ่มสงสัยในความบริสุทธิ์ผุดผ่องของหยางหวั่นแล้ว ถ้าเรื่องที่นางอยู่กับเติ้งอิงที่หนานไห่จื่อแพร่งพรายออกไป เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรไปพบหน้าจางลั่วอย่างไรแล้ว
“บาดแผลเป็นเพราะตกลงมาจากเนินเขา”
“อะไรนะ! หวั่นเอ๋อร์ตกลงมาจากเนินเขา” เซียวเหวินสูดลมหายใจเข้าทีหนึ่ง “มิน่าเล่าข้าเห็นนางมีแต่บาดแผล ขอบคุณฟ้าขอบคุณดินที่นางไม่เป็นอะไรมาก แต่เหตุใดนางถึงไม่กลับมาเล่า”
หยางหลุนโบกมือ “วันนี้ข้าไม่พูดเพราะไม่อยากทำให้ท่านแม่เสียใจ หาไม่แล้วข้าต้องตีนางสักยก”
“ท่านจะไม่สนใจไม่ดูแลนางแล้วหรือ”
“ไม่สนใจไม่ดูแลอะไรเล่า” เสียงของหยางหลุนพลันสูงขึ้น “ครั้งนี้ไม่ว่าสกุลจางจะเคลื่อนไหวหรือไม่นางก็ทำความผิดใหญ่หลวง ท่านแม่ปกป้องนางก็แล้วไปเถิด แต่เจ้ากับข้าไม่อาจให้ท้ายนางเด็ดขาด”
เซียวเหวินเห็นเขาโกรธไม่น้อยจึงผ่อนน้ำเสียงลง “ท่านจะทำอะไร”
หยางหลุนมองถ้วยชาข้างมือตนพลางเอ่ยเสียงสูง “ข้าจะรู้ได้อย่างไร!”
(ติดตามต่อได้ในรูปแบบฉบับเต็มวันที่ 8 เดือนกรกฎาคม 2568)