เมื่อก่อนเขาเป็นเทพผู้คุ้มครองของหยางหวั่น
พี่สาวน้องสาวในจวนแม้จะมีไม่น้อย แต่คนที่เขารักและเอ็นดูที่สุดแต่ไหนแต่ไรก็คือหยางหวั่น
อุปนิสัยของน้องสาวผู้นี้ดีมากมาโดยตลอด สมัยเด็กก็ไม่เคยทะเลาะกับพี่สาวน้องสาวคนอื่นๆ เล่นกับเขาอย่างเงียบๆ ยามกลางวันก็คอยส่งเขาไปเรียนหนังสือยังสำนักศึกษาที่เปิดสอนที่จวน บางครั้งยังเอาขนมอบที่มารดาทำมารอเขาอยู่นอกสำนักศึกษา เมื่อเติบโตขึ้นก็เชื่อฟังคำพูดของเขาอย่างยิ่ง ตอนแรกที่นายท่านผู้เฒ่าหยางจะให้นางหมั้นหมายกับจางลั่วนางไม่เต็มใจนัก แต่หยางหลุนพูดคุยกับนางครู่หนึ่งนางก็ยอมเชื่อฟัง
ครั้งนี้นางหายตัวไปจากอารามหลิงกู่นานครึ่งเดือน แม้แต่มารดาของพวกเขาก็รู้สึกว่าไร้ซึ่งความหวัง มีเพียงหยางหลุนที่มีความคิดว่าอยู่ต้องเห็นคน ตายต้องเห็นศพ เที่ยวค้นหาไปทั่วบริเวณรอบนอกของอารามหลิงกู่ ทว่าเวลานี้พอพบตัวแล้ว นางกลับคล้าย…เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ในใจหยางหลุนอดฉงนสงสัยไม่ได้ อย่างไรก็ตามเวลานี้นางยังมีชีวิตอยู่ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว
หยางหลุนบังคับตนเองให้เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลง “มานี่ เอาเสื้อคลุมไป”
หยางหวั่นเงยหน้าขึ้นมองเขาคราหนึ่ง ยืนนิ่งไม่ได้ขยับ
หยางหลุนไร้หนทาง จำต้องถอดเสื้อคลุมของตนไปคลุมให้นาง “กลับไปกับข้า”
“รอก่อน”
นางถึงกับกล้าขัดขืน เส้นเลือดที่หน้าผากหยางหลุนปูดโปนขึ้นมา พยายามข่มเพลิงโทสะกดเสียงต่ำลง “ท่านแม่อยู่ที่จวนร้องไห้จนตาแทบบอดเพราะเรื่องของเจ้า เจ้ายังจะทำอะไรอีก”
หยางหวั่นหันไปมองทางห้องลงทัณฑ์ “ข้าอยากจะพูดกับเขาสักคำ”
หยางหลุนบีบข้อมือนางแล้วดึงกลับมา “ห้ามไป!”
หยางหวั่นร่างซวนเซ พยายามสุดชีวิตที่จะดิ้นให้หลุด “พูดคำเดียว พูดจบข้าจะตามท่านไป”
หยางหลุนบีบข้อมือของนางจนเกือบจะหักแล้ว “ไม่ได้!”
“เขาไม่ใช่สหายสนิทของท่านหรือ”
หยางหลุนชะงักฝีเท้า คนก็ราวกับเป็นใบ้ไปทันที
ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ที่พอเห็นคนตกบ่อก็เอาหินโยนซ้ำ ตั้งแต่เติ้งอี๋ถูกประหารทั้งครอบครัวจนถึงวันนี้ หยางหลุนไม่กล้าที่จะคิดอย่างจริงจังเกี่ยวกับสถานการณ์ในเวลานี้ของเติ้งอิง ด้านหนึ่งก็เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นผู้ต้องสงสัย อีกด้านหนึ่งก็เป็นความละอายใจส่วนตัว เติ้งอิงไม่มีความผิด โทษทัณฑ์ที่อีกฝ่ายได้รับนั้นโหดร้ายเกินไป เรื่องเหล่านี้เขากระจ่างแจ้งแก่ใจดี แต่สิ่งที่ทำได้กลับมีเพียงยัดเงินแท่งหนึ่งให้หลี่ซั่น กระทั่งให้ด้วยสาเหตุใดก็ยังไม่กล้าพูดด้วยซ้ำ
มิตรภาพในการคบหาต้องอาศัยขันทีคาดเดา หยางหลุนรู้สึกว่าเขาเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าคนที่เห็นคนตกบ่อก็เอาหินโยนซ้ำเหล่านั้นสักเท่าใด
ตอนนี้เขาอยู่บนพื้นหิมะห่างจากเติ้งอิงเพียงประตูกั้น ทันใดนั้นก็ต้องตกใจที่ถูกหยางหวั่นถามเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอับอายและโกรธเคืองจนยากจะทนไหว นิ่งอึ้งพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
หยางหวั่นมองแววตาของเขาที่ค่อยๆ อ่อนลง จึงกดเสียงต่ำเอ่ยว่า “ข้าไม่เข้าไป จะพูดกับเขาอยู่นอกหน้าต่าง เช่นนี้คงได้กระมัง”
หยางหลุนไม่ได้ตอบนาง
หยางหวั่นถือว่าเขาอนุญาตแล้ว จึงฉวยโอกาสที่เขายังนิ่งงันอยู่ออกแรงดิ้นจนหลุดจากมือเขา กระชับเสื้อคลุมหันกายวิ่งไปที่ห้องลงทัณฑ์
ประตูห้องลงทัณฑ์ถูกหลี่ซั่นปิดไปแล้ว หยางหวั่นจำต้องเข้าไปใกล้หน้าต่าง เขย่งเท้าเกาะขอบหน้าต่างที่อยู่ข้างเตียงที่เติ้งอิงนอนอยู่
“เติ้งอิง” นางร้องเรียกเข้าไปด้านใน
เติ้งอิงเงยหน้าขึ้น บนกระดาษกรุหน้าต่างมีเพียงเงารางๆ เงาหนึ่ง
“เมื่อครู่คำพูดที่หยางหลุน…เอ่อ…พี่ชายของข้าพูดอยู่ข้างนอกท่านได้ยินหรือไม่”
ความจริงแล้วคำพูดส่วนใหญ่เขาได้ยิน แต่ยังคงกล่าวกับหยางหวั่นว่า “ไม่ได้ยิน”
หยางหวั่นเขย่งเท้าให้สูงขึ้นอีกหน่อย “ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับท่าน ทว่าท่านอย่าลืมสิ่งที่ข้าพูดไว้ เป็นราชสำนักที่ต้องอับอายเมื่อเผชิญหน้ากับท่าน ท่านไม่ได้ผิดต่อผู้ใด”
เติ้งอิงพยายามเงยหน้าตอบรับนาง “ได้”
หยางหวั่นก้มลงไปยกก้อนหินสองก้อนมารองใต้ฝ่าเท้า เหยียบขึ้นไปเกาะขอบหน้าต่าง “มือของท่านยกขึ้นมาได้หรือไม่”
เติ้งอิงมองมือของตน รู้สึกชาเล็กน้อย ร่องรอยที่ถูกมัดในช่วงก่อนหน้านี้ก็ยังคงอยู่
เขาลองกำมือ ความรู้สึกชาไร้กำลังแผ่ลามไปทั้งแขน ทว่าประสาทสัมผัสกลับมาแล้ว
เติ้งอิงทำตามคำพูดหยางหวั่น ค่อยๆ เอื้อมมือขึ้นเกาะไปตามผนัง จากนั้นก็ยื่นมือไปที่ขอบหน้าต่าง
นิ้วมืองดงามนิ้วหนึ่งยื่นเข้ามาจากช่องกระดาษที่ถูกเขาเลิกขึ้นแล้วเกี่ยวกับนิ้วชี้ของเขาเบาๆ เติ้งอิงตกตะลึง คิดจะดึงมือกลับมา แต่หยางหวั่นกลับออกแรงดึงนิ้วเขาไว้เบาๆ
“เติ้งอิง ข้าจะไปแล้ว แต่ข้าจะมาหาท่านอีก ข้ายังมีคำถามบางอย่างอยากจะถามท่าน เกี่ยวก้อยกันเถิด ครั้งหน้าเมื่อพบข้าท่านอย่าเปลี่ยนเป็นใบ้ไปอีกเข้าใจหรือไม่”
ดูเอาเถิด
เมื่อประสบภัยพิบัติ ส่วนใหญ่ความปรารถนาของคนจะสมหวังโดยไม่ได้คาดคิด
ความปรารถนาของเขาก่อนถูกลงทัณฑ์กลายเป็นจริงแล้ว คนที่มีร่างกายอบอุ่นกว่าเขาปรากฏตัวแล้ว
หยางหวั่นสัมผัสเติ้งอิงผ่านหน้าต่างที่มีลมลอดเข้ามา ในขณะที่เขาตกอยู่ในชะตากรรมที่คิดไม่ตก กระทั่งเกือบจะท้อแท้และทอดทิ้งตนเองอยู่แล้ว