หยางหวั่นถูกหยางหลุนพากลับไปที่จวนสกุลหยางทันที
กลางดึกเมืองหลวงมีหิมะตกหนัก บนถนนสำหรับรถม้าวิ่งมีหิมะทับถมสูงถึงครึ่งขาม้า เหล่าบ่าวรับใช้ที่กวาดหิมะอยู่หน้าประตูจวนสกุลหยางเห็นหยางหลุนพาหยางหวั่นขี่ม้ากลับมาก็โยนไม้กวาดลงด้วยความตื่นเต้นดีใจ วิ่งล้มลุกคลุกคลานกลับไปรายงานโดยพลัน ลมหนาวบนถนนเฉิงเหมินสายยาวได้พัดพาเสียงปีติยินดีดังขจรขจายไปไกล ก้องกังวานเป็นระลอกในค่ำคืนอันเงียบสงบของเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยหิมะ
หยางหลุนลงจากหลังม้า หันกายยื่นมือคิดจะอุ้มหยางหวั่นลงมา
“ข้าลงเองได้”
หยางหลุนไม่ตอบรับ เขาเอามือของหยางหวั่นมาจับไว้บนลำคอของตนแล้วอุ้มนางลงมา จากนั้นก็กล่าวกับคนในจวนที่อยู่หน้าประตู
“ให้อิ๋นเอ๋อร์ออกมาประคองคุณหนู พวกเจ้าเอาเทียบของข้าไปเชิญหมอหลวงหลิวที่สำนักเจิ้งเจวี๋ยมา”
เขาเพิ่งจะพูดจบประตูข้างทางทิศตะวันออกก็เปิดออกครึ่งหนึ่ง เสื้อผ้าบางเบาของเหล่าสตรีพลิ้วไหวดุจเมฆ โคมกันลมสี่แถวเคลื่อนมาอย่างรีบร้อน
เมื่อเฉินซื่อ ได้รับรายงานก็เดินฝ่าหิมะออกมาโดยมีคนในครอบครัวที่เป็นสตรีกลุ่มหนึ่งช่วยประคอง พอเห็นหยางหวั่นก็คว้าร่างนางมากอดไว้ในอ้อมแขน
“บุตรสาวของข้า เหตุใดถึงอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้ เจ้าทำให้ข้าเป็นห่วงจนใจสลายแล้ว”
หยางหวั่นเงยหน้าขึ้น ไม่ขยับเขยื้อน เพียงปล่อยให้เฉินซื่อโอบกอดตน
จู่ๆ ก็กลายเป็นเป้าหมายทางอารมณ์ความรู้สึกของคนมากมายเพียงนี้ นางจึงทำอะไรไม่ถูกอยู่บ้าง
เซียวเหวินภรรยาของหยางหลุนรีบก้าวเข้ามาประคองเฉินซื่อไว้ “ท่านแม่ พวกเราอย่าพูดคุยกันที่นี่ เข้าไปก่อนเถิด ให้น้องสามได้อาบน้ำแต่งตัวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ก่อน จากนั้นท่านค่อยๆ ซักถามนาง”
เฉินซื่อปล่อยหยางหวั่นด้วยความปวดใจ นางกวาดตามองขึ้นๆ ลงๆ “ใช่แล้วๆ ดูเถิด เจ้าคงหนาวแล้ว รีบตามข้าเข้าไป อิ๋นเอ๋อร์ ยกน้ำชาร้อนๆ ไปที่เรือนข้า คืนนี้คุณหนูจะอยู่กับข้า พวกเจ้าตามมาปรนนิบัติด้วย”
เซียวเหวินรอจนเฉินซื่อและคนอื่นๆ พาตัวหยางหวั่นเข้าไปแล้วจึงคารวะหยางหลุน “ตลอดทางปลอดภัยดีหรือไม่”
เดิมทีหยางหลุนสีหน้าบึ้งตึงไม่ค่อยอยากพูด พอได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนของเซียวเหวินก็ฝืนโบกมือยิ้มๆ “อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย เข้าไปข้างในกันเถิด”
เซียวเหวินเดินตามหลังหยางหลุนเข้าไปข้างในพลางกล่าวเสียงเบา “วันนี้มืดค่ำแล้ว เดิมทีคิดว่าพรุ่งนี้ค่อยบอกท่าน แต่เรื่องนี้ข้ายังคงไม่อาจวางลงได้”
หยางหลุนเดินไปพร้อมส่งเสียงตอบรับ แสดงเจตนาให้นางพูดต่อไป
“วันนี้ท่านไม่อยู่จวน คนสกุลจางมาที่นี่ คำพูดเหล่านั้นจนถึงตอนนี้ข้าคิดแล้วก็ไม่อาจวางลงได้”
หยางหลุนหันไปประคองเซียวเหวินก้าวข้ามธรณีประตู เห็นความไม่พอใจรางๆ ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของนางคราหนึ่งแล้วก็เลือนหายไป จึงอดเอ่ยขึ้นมาไม่ได้
“พวกเขาไม่เคารพเจ้าหรือไร”
เซียวเหวินยิ้มพลางกล่าวเสียงเรียบ “กับข้าก็แล้วไปเถิด ข้าอยู่กับท่านมานานเพียงนี้ ยังจะมีคำพูดอะไรทำให้ข้าเจ็บช้ำได้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำพูดเหล่านั้นส่วนใหญ่ล้วนพุ่งเป้าไปที่หวั่นเอ๋อร์”
หยางหลุนหยุดฝีเท้า ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “สกุลจางให้ใครมาหรือ”
“ยังจะเป็นใครได้ เจียงซื่อสะใภ้ใหญ่”
“นางพูดอะไรบ้าง”
เซียวเหวินถอนหายใจคราหนึ่ง “ข้าก็ไม่อยากเป็นนกแก้วเลียนคำพูดเหล่านั้นให้ท่านฟัง ท่านรู้เพียงว่าพวกเขาได้ยินคำพูดไม่ดีบางอย่างจากภายนอก บอกว่าถึงจะพบหวั่นเอ๋อร์และพากลับมาได้แล้ว เกรงว่านางคงได้รับความตกใจ ต้องใช้เวลาพักรักษาตัวสักระยะ พวกเขาสกุลจางแต่งสะใภ้เป็นเรื่องใหญ่ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนจัดพิธีมงคลในเวลานี้”
หยางหลุนก้าวเข้าไปในห้องด้านนอก ไอร้อนในห้องพุ่งขึ้นสู่เบื้องบน รมใบหน้าเขาจนแดงขึ้น