บทที่สาม
“คุณชายเซียวมาเยี่ยมเยียนตั้งแต่เช้าตรู่ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือ”
หลังใบเรือกลับไปอยู่ที่เดิมแล้ว จั้นชิงหันกลับมาก็พบว่าเซียวจิ้งยังคงไม่จากไปไหน ในใจรู้ดีว่าเขาไม่ได้แค่บังเอิญเดินเล่นมาถึงริมแม่น้ำ หากตั้งใจมาหาถึงที่โดยเฉพาะ
“เจ้าหนูนี่ต้องการจะขอขึ้นเรือด้วย” ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านหลังเซียวจิ้งเอ่ยแทรก
“หมายความว่าอย่างไรกัน” จั้นชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย
“สหายฉินได้ฝากทุกท่านขนส่งสินค้าไปยังเมืองฉางอัน บังเอิญข้าเองก็กำลังต้องการไปเยี่ยมสหายที่เมืองฉางอัน สหายฉินจึงได้แนะนำให้ข้าร่วมทางขึ้นเหนือไปกับทุกท่าน” เซียวจิ้งรีบอ้าปากเอ่ยข้อแก้ตัวที่เพิ่งคิดขึ้นได้ออกมาก่อนที่จะถูกผู้อาวุโสแทรก หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกไล่ลงจากเรือตั้งแต่ก่อนเรือจะออกเดินทางเสียอีก
“ท่านเป็นสายสืบ” นางยกมุมปากขึ้น ในดวงตาแฝงแววเสียดสี เปิดโปงข้อแก้ตัวของเขาออกมาในทันที
เซียวจิ้งรู้สึกกระอักกระอ่วนไปชั่วขณะ แต่ก็กลับเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว เขายิ้มน้อยๆ ยอมรับแต่โดยดี
“จะพูดเช่นนั้นก็ได้”
จั้นชิงยกมือขึ้นเหน็บเส้นผมที่ปลิวมาด้านหน้าไปทัดหลังหู มองเขาแล้วเอ่ยขึ้น
“วางใจได้ ข้าไม่ได้แล้งน้ำใจถึงเพียงนั้น พ่อค้าชาวหยางโจวไม่เคยทำการค้ากับพวกเรามาก่อน จะไม่เชื่อถือพวกเรา ส่งคนมาติดตามไม่ถือเป็นเรื่องที่เกินเลย ท่านอยากขึ้นเรือแน่นอนว่าย่อมได้ เพียงแต่…” นางชะงักไป จากนั้นก็มองบุรุษสวมชุดคลุมยาว แต่งกายเยี่ยงบัณฑิตผู้นี้อย่างประเมินตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่ง
เหอะ บัณฑิตโดยแท้จริงผู้หนึ่ง! ร่างกายของคนสกุลเซียวผู้นี้บอบบางผิดปกติ เกรงว่าใต้ชุดคลุมยาวนั้นก็คงจะไม่มีกล้ามเนื้อเท่าไรนัก ต่อให้เป็นวรยุทธ์ แต่อยู่บนเรือไปไม่กี่วันก็คงจะรับไม่ไหวแล้ว มุมปากจั้นชิงปรากฏรอยยิ้มเยาะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ก่อนกล่าวต่อ
“ที่นี่เป็นเรือสินค้ามิใช่เรือสำราญ ไม่มีความสะดวกสบายอะไรให้ ถ้าระหว่างทางจะขลุกขลักเกินไป ขอคุณชายเซียวอย่าได้ถือสา”
นี่ยังนับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่มีสตรีมาประเมินเขาเช่นนี้ ทั้งสุดท้ายยังแสดงสายตาดูถูกออกมา ในใจลึกๆ ของเซียวจิ้งรู้สึกอึดอัดใจไม่น้อยจริงๆ แต่ใครใช้ให้เขาเมื่อนำไปเปรียบกับบรรดาคนเรือเปลือยอกเปลือยหลังเหล่านี้แล้ว พอดูไปก็บอบบางทนลมไม่ได้จริงๆ ไม่น่าแปลกใจที่ผู้อื่นจะแสดงท่าทีดูถูกดูแคลนเช่นนี้
ถึงแม้ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของเขาจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ก็คงไม่อาจให้เขาถอดเสื้อแสดงให้เห็นว่าตัวเขาเองก็มีหน้าอกที่ล่ำสันเพราะเหตุนี้จริงหรือไม่
เซียวจิ้งยิ้มบางๆ ตัดสินใจทำตัวเป็นบัณฑิตให้ถึงที่สุด ประสานมือค้อมตัวให้จั้นชิงอย่างนอบน้อม
“ลำบากคุณหนูจั้นแล้ว ข้าจะพยายามปรับตัวให้ได้อย่างแน่นอน”
จั้นชิงรู้สึกขัดตากับรอยยิ้มน้อมรับของเขานัก หัวคิ้วจึงขมวดแน่น
“พรุ่งนี้พวกเราออกเรือกันในยามเหม่า หวังว่าท่านจะไม่มาสาย”
“รับทราบ ขอบคุณคุณหนูจั้น” เขาประสานมือคารวะอีกครั้ง ยังคงค้อมกายให้นางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเช่นเคย
หัวคิ้วจั้นชิงยิ่งขมวดลึกลงกว่าเก่า ทว่าไม่ได้เอ่ยอะไรกับเขาอีก หมุนตัวกระโดดกลับไปยังเรือสำเภาลำเดิมอย่างคล่องแคล่ว ผู้อาวุโสเห็นเช่นนั้นก็รีบร้องตะโกน
“ยายหนู! เจ้าจะให้เจ้าหนูนี่ไปอยู่บนเรือสำเภาลำใดกัน”
นางตะโกนตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ามามอง
“ตามใจ! แล้วแต่คุณชายเซียวสนใจอยากจะไปอยู่ที่ไหนก็อยู่ อารองตัดสินใจเอาเองเลยแล้วกัน!” กล่าวจบนางก็หายตัวเข้าไปในเรือทันที
ตัดสินใจเอาเอง?
ฉีซื่อเจินเลิกคิ้ว ถือน้ำเต้าหันหน้าไปมองเซียวจิ้ง ในแววตาทอประกายเจ้าเล่ห์…เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ
“เจ้าหนู เจ้าอยากไปอยู่เรือลำใด”
เซียวจิ้งคลี่ยิ้มไม่เอื้อนเอ่ย เพียงใช้นิ้วชี้ไปข้างหน้ายังเรือสำเภาลำที่จั้นชิงเพิ่งจะกระโดดไปซึ่งเป็นเรือสำเภาหลักของสกุลจั้น
หึ ข้ารู้อยู่แล้วเชียว! ริมฝีปากฉีซื่อเจินคลี่ยิ้มกว้างกว่าเก่า
“เช่นนั้นเจ้าก็ไปเก็บของ แล้วพรุ่งนี้เช้าขึ้นเรือมาจัดการตัวเองเอาเองแล้วกัน!”