ทดลองอ่าน ลำนำรักเจ้าสมุทรชุด หัวใจเจ้าทะเล – หน้า 18 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

14 วัน 14 เรื่อง

ทดลองอ่าน ลำนำรักเจ้าสมุทรชุด หัวใจเจ้าทะเล

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ทันทีที่ยามเหม่ามาถึง สินค้าทั้งหมดก็ล้วนขึ้นมาอยู่บนเรือเรียบร้อยแล้ว เรือสำเภาบรรทุกสินค้าของสกุลจั้นเก็บสมอออกเรือโดยไม่ช้าไปแม้สักเสี้ยวเวลา สินค้าหนนี้ถือเป็นตัวทดลอง ด้วยไม่มีพ่อค้าคนใดกล้าเสี่ยงทุ่มเงินลงทุน สินค้าส่วนใหญ่จึงล้วนไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมาก แม้จะมีข้าวสาร แต่ก็ไม่ถือเป็นปริมาณมากนัก ความจริงแล้วจำนวนสินค้าทั้งหมดไม่นับว่าเยอะ เพียงบรรทุกเต็มเรือสำเภาสามลำ เรือลำอื่นของสกุลจั้นยังคงจอดทิ้งเอาไว้ริมฝั่งแม่น้ำที่นอกเมืองหยางโจว

แม่น้ำหยางจื่อมีคลื่นลมพัดผ่านกำลังดี คลื่นบนแม่น้ำม้วนตัวซัดสาด สะท้อนแสงสีทองยามรุ่งอรุณ ห่างไกลออกไปยังมีเรือใบเดี่ยวบางลำแล่นอยู่บนผืนน้ำ ที่บนฝั่งยังสามารถมองเห็นเกษตรกรหลายคนแบกหาบผักเดินไปยังทิศเมืองหยางโจว แน่นอนว่าต้องการจะเข้าตัวเมืองไปค้าขาย

ในช่วงเวลารุ่งอรุณอันสดใสเช่นนี้ เรือสำเภาสกุลจั้นเพียงกางเรือใบลอยตามลมไปข้างหน้าอย่างมั่นคง เพียงไม่นานก็แล่นผ่านเขื่อนเข้ามาทางสายแม่น้ำขนส่ง เมื่อเห็นทุกอย่างดำเนินไปได้อย่างราบรื่น จั้นชิงก็เดินเข้าห้องพักไปจัดการธุระส่วนตัว

นางเพิ่งจะเดินเข้าห้องไป เซียวจิ้งที่อยู่ห้องข้างๆ ก็เดินออกมาจากประตูแล้วขึ้นไปยังดาดฟ้าหัวเรือ

ต้นหลิวเขียวขจีบนฝั่งพลิ้วไสวไปตามแรงลม บางคราวมีนกเป็ดน้ำของชาวบ้านลอยเล่นอยู่บนแม่น้ำ แม่นกเป็ดน้ำตัวหนึ่งนำพาฝูงลูกเป็ดว่ายลอดผ่านเงาของต้นหลิว สลับกับจุ่มหัวลงน้ำหาพืชตะไคร่กิน ทุ่งเขียวที่อยู่ห่างออกไปบนฝั่งสามารถมองเห็นฝูงแพะเดินเล่นอยู่บนนั้น วัวก้มหน้าค่อยๆ เล็มหญ้า ในยามที่เห็นเรือสำเภาแล่นผ่านก็เพียงใช้ดวงตาคู่โตสีดำกระจ่างเหลือบมองเล็กน้อย ก่อนจะตั้งใจกินอาหารต่อไป

เซียวจิ้งยืนค้ำแขนอยู่บนกราบเรือ ทอดสายตามองไปยังทิวทัศน์อันผ่อนคลายตรงหน้าแล้วคลี่ยิ้มออกมาจางๆ หลายปีมานี้เขาเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วเจียงหนาน ในยามนี้ก็ยังคงรู้สึกว่าเจียงหนานนี้ดีนัก ที่นี่ไม่มีทะเลทราย แสงแดดไม่แผดเผาเหมือนในซีอวี้ แล้วก็ไม่มีอากาศหนาวเหน็บ ไม่มีศึกสงครามเหมือนในดินแดนทางตอนเหนือ แม้กระทั่งคนจรจัดยังน้อยกว่าทางตอนเหนือมากมายนัก

ยามมองไปยังภาพที่สุขสงบตรงหน้าก็ทำให้ยากจะจินตนาการถึงภัยพิบัติติดต่อกันหลายปี ผู้คนอดอยากซึ่งมีอยู่ทุกที่ในดินแดนอื่นๆ ยามที่เขาคิดไปถึงภาพของกลุ่มคนเร่ร่อนกลุ่มใหญ่ หัวขโมยที่ได้พบมาตลอดเส้นทางจากซีอวี้จนมาถึงเมืองฉางอันเมื่อครึ่งปีก่อนหน้า รอยยิ้มบนใบหน้าก็หุบลง พร้อมถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้

เฮ้อ ไม่รู้จริงๆ ว่าเมื่อใดการต่อสู้ระหว่างมนุษย์ด้วยกันจึงจะสามารถยุติลงได้

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคลองสายนี้มีชื่อว่าอะไร”

เซียวจิ้งได้ยินแล้วหันหน้ากลับไป ก็ได้เห็น ‘อารอง’ ผู้เป็นดั่งมังกรเทพเห็นหัวไม่เห็นหาง* คนนั้น เขาผงกศีรษะให้เล็กน้อย ก่อนยิ้มบางเอ่ยตอบ

“หากผู้น้อยจำไม่ผิด ควรจะมีชื่อว่าคลองซานหยางขอรับ”

“ไม่ผิด” ฉีซื่อเจินผงกศีรษะอย่างชื่นชม “ความจริงแล้วคลองซานหยางก็คือคลองหานโกว เดิมทีฟูไชเจ้าผู้ครองแคว้นอู๋ในสมัยชุนชิวจั้นกั๋ว** เป็นผู้สั่งขุด ภายหลังราชวงศ์ก่อนหน้าในช่วงรัชศกต้าเยี่ยปีที่สามได้สั่งให้มีการขยายเพิ่ม เชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำหยางจื่อกับแม่น้ำไหวเหอ พวกเราในตอนนี้ก็กำลังมุ่งขึ้นเหนือไปตามแม่น้ำไหวเหอ จากนั้นต่อจากแม่น้ำไหวเหอไปที่คลองทงจี้ แล้วมุ่งไปทางเหนือตามคลองทงจี้ถึงเมืองลั่วหยาง ขนถ่ายสินค้าของเถ้าแก่บางส่วนลงที่เมืองลั่วหยาง จากนั้นถึงเปลี่ยนไปยังแม่น้ำหวงเหอที่เมืองลั่วสุ่ยไปตามทิศตะวันตกจนถึงคลองกว่างทงแล้วเข้าเมืองฉางอัน เจ้าต้องการจะลงเรือที่เมืองฉางอันใช่หรือไม่”

“ใช่ขอรับ ท่านผู้อาวุโส” เซียวจิ้งผงกศีรษะตอบกลับอย่างมีมารยาท

ฉีซื่อเจินยกน้ำเต้ากรอกสุราลงไปอึกหนึ่ง ก่อนเหลือบมองเซียวจิ้งแล้วเอ่ยขึ้น

“ไม่ต้องเรียกข้าว่าผู้อาวุโส เรียกผู้อาวุโสๆ ทั้งวัน ฟังมากเข้าข้าจะท่องได้เอา ข้าแซ่ฉี พวกเด็กบนเรือล้วนเรียกข้าว่าท่านรอง เจ้าเรียกตามพวกเขาก็พอ”

“ขอรับ ท่านรอง” เซียวจิ้งยิ้มน้อยๆ เงียบไปสักพักจึงเอ่ยปากถามถึงสิ่งที่อยากรู้ “ฟังจากน้ำเสียงของท่านรอง คล้ายกับว่าจะคุ้นเคยกับแม่น้ำเหล่านี้เป็นอย่างดี”

ฉีซื่อเจินแค่นเสียงหัวเราะออกมาคราหนึ่ง “หาใช่แค่คุ้น ข้าเคยอยู่ที่ลำคลองเหล่านี้มาหลายสิบปีเสียด้วยซ้ำ ในปีนั้นจักรพรรดิสุนัขออกราชโองการ พวกเราราษฎรตัวน้อยๆ ล้วนถูกจับมาขุดคลองสายนี้ ขุดหนนี้ขุดไปทีเดียวหลายสิบปี ทุกวันตื่นขึ้นมาก็ต้องขุดดินขนหิน เวลาพักกินข้าวทุกคนล้วนหิวกันจนแข้งขาอ่อนแรง ที่ได้กินกลับมีเพียงข้าวต้มเปล่า! ข้าถูกจับมาทำงานตอนอายุสิบสอง จนปาไปอายุยี่สิบห้าแล้วแต่ร่างกายยังแคระแกร็นไม่ต่างจากเด็กคนหนึ่ง หากภายหลังไม่ได้มาพบกับท่านอาจารย์ ข้าก็คงตายที่ใต้คลองไปก่อนหน้านี้เป็นสิบปีแล้ว”

ที่แท้ยังมีเหตุผลนี้อยู่ด้วย ดูท่าว่าสกุลจั้นมิได้ไม่คุ้นชินกับแม่น้ำ มีท่านรองฉีผู้นี้อยู่ แม่น้ำไม่กี่สายในที่นี้สำหรับพวกเขาแล้วไม่อาจนับเป็นปัญหาได้

เซียวจิ้งมองไปยังบรรดาคนเรือบนดาดฟ้าหัวเรือที่กำลังจัดการเชือก ปรับระดับให้ใบเรือบนเสากระโดงสามารถกินลมเดินทางไปทิศเหนือได้อย่างสบายๆ ก็อดจะรู้สึกนับถือทักษะในการเดินเรืออันคุ้นเคยของบรรดาคนเรือสกุลจั้นขึ้นมาไม่ได้

ฉีซื่อเจินเหลือบมองเซียวจิ้งทีหนึ่งก่อนเอ่ยต่อ

“สมัยพวกเจ้านี่นับได้ว่าโชคดี คลอดมาตอนสงครามกำลังจะยุติ ถึงแม้จะพูดว่าหลายปีมานี้มีภัยธรรมชาติไม่หมดไม่สิ้น แต่จะอย่างไรภัยธรรมชาติก็น่ากลัวสู้ภัยจากมนุษย์ไม่ได้ อย่างน้อยจักรพรรดิองค์ปัจจุบันก็นับได้ว่าไม่เลว ไม่เพียงแต่มองการณ์ไกล ยิ่งเข้าใจว่าหลักการน้ำสามารถหนุนเรือ ก็สามารถจมเรือได้ พระองค์ทรงกระตือรือร้นที่จะผลักดันความคิดลดการเก็บภาษี ให้ราษฎรได้ฟื้นฟูสู่สภาพปกติ เชื่อได้ว่าผ่านไปอีกไม่นาน สถานการณ์คนจรจัดโจรขโมยที่ปรากฏไม่หยุดหย่อนในแต่ละพื้นที่ก็จะสามารถค่อยๆ ดีขึ้นได้”

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นขอรับ” เซียวจิ้งยิ้มแย้มตอบกลับ มองไปยังภาพอันสุขสงบตรงหน้า คาดหวังจากใจจริงว่าเรื่องราวจะสามารถเป็นดั่งที่ท่านรองฉีผู้นี้คาดการณ์ไว้ได้

ตั้งแต่เช้าเซียวจิ้งได้ลองสำรวจเรือสำเภาลำที่ตนเองอยู่นี้ออกมาคร่าวๆ ทั้งหมดแล้ว

เรือลำนี้ยาวประมาณห้าจั้ง กว้างประมาณเก้าฉื่อ ชั้นล่างสุดของเรือมีไว้บรรทุกสินค้า ขึ้นมาอีกชั้นเป็นห้องโดยสารมีไว้ให้คนเรือพักผ่อน จากนั้นจึงเป็นดาดฟ้าหัวเรือ ห้องพักที่เขากับจั้นชิงอยู่ก็คือห้องที่อยู่ใกล้กับทางหัวเรือ โดยส่วนที่ใกล้กับท้ายเรือยังมีแม้กระทั่งห้องครัว ที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือเขาพบไช่เตาอยู่ที่นั่น คนผู้นั้นที่มีชื่อเสียงขจรไกลแห่งหอสี่สมุทร ทำอาหารสำรับละพันตำลึงอย่างไช่เตาผู้นั้น!

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in 14 วัน 14 เรื่อง

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com