ฟังอภินิหารหลากหลายแบบที่นางทำให้เกิดขึ้นมาแล้ว ไม่แปลกใจที่คนบนเรือล้วนเชื่อว่านางคือธิดามังกรสมุทรกลับชาติมาเกิด แต่เขาฟังไปฟังมากลับรู้สึกสับสน สิ่งที่ผุดขึ้นมาในอกไม่ใช่ความประหลาดใจ ทอดถอนใจ แต่เป็นปวดใจและทนไม่ได้ อภินิหารเหล่านั้น…อภินิหารครั้งแล้วครั้งเล่าเหล่านั้น สำหรับนางแล้วก็เป็นเพียงความทรมานยากเข็ญเท่านั้น!
เขาเข้าใจว่าเพราะเหตุใดนางจึงได้ทุ่มเทถึงเพียงนี้ เพราะว่านางเป็นสตรี เป็นเด็กสาวคนหนึ่ง หากเกิดความเสียหายอะไรขึ้นมาบนเรือ ทุกคนล้วนจะนำความผิดหรือแม้กระทั่งความโชคร้ายต่างๆ โทษลงมาที่นาง ดังนั้นนางไม่อาจปล่อยให้เกิดความผิดพลาดใดๆ ได้ นางจึงไม่ยอมให้ใครรู้ว่านางได้รับบาดเจ็บ ถึงแม้ว่า…จะเป็นแค่รอยมีดบาดเล็กๆ เท่านั้นก็ตาม
เพราะนางรู้ว่าต่อให้รอยมีดจะเล็กกว่านี้ก็ล้วนแต่จะทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยขึ้นมา หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความไม่สงบลงไป ทุกคนบนเรือล้วนมองนางเป็นเทพเจ้า ทำให้นางไม่อาจผิดพลาดแม้แต่เล็กน้อยได้ นางจึงไม่อยากและไม่อาจให้ผู้คนรู้ว่านางได้รับบาดเจ็บ เพียงเพราะว่า…นางคือธิดามังกรสมุทรจั้นชิง
ดวงตาของเซียวจิ้งหม่นแสงลง รู้สึกหดหู่กับน้ำหนักของภาระทั้งหมดที่นางแบกรับเอาไว้บนบ่า
หลังค้นอาภรณ์สตรีชุดหนึ่งออกมาจากหีบของตนเอง ทั้งยังเรียกให้ลูกน้องต้มน้ำร้อนให้ถังหนึ่ง จั้นชิงถึงได้กลับไปยังห้องที่จัดเอาไว้ให้เด็กหญิงผู้นั้น
“อารอง ถามอะไรออกมาได้บ้างหรือยัง” นางถามอย่างเป็นห่วง
ฉีซื่อเจินส่ายศีรษะ ชี้ไปยังเจ้าตัวเล็กซึ่งหดตัวอยู่ที่มุมเตียง
“นางไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้องออกมา เอาแต่หดตัวอยู่ที่นั่นถลึงตามองทุกคน”
“แล้วโจรสลัดพวกนั้นเล่า”
“เสี่ยวโจวกำลังซักถามอยู่”
จั้นชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย มองไปที่เด็กหญิงคนนั้นอย่างครุ่นคิด แล้วจึงเอ่ยกับฉีซื่อเจิน
“หากถามอะไรออกมาไม่ได้ก็ช่างเถิด พวกเราจะไปแจ้งทางการที่จวนว่าการถัดไป คนพวกนี้น่าจะเป็นโจรสลัดท้องถิ่นของที่นี่ มือปราบน่าจะสามารถจัดการส่งนางกลับบ้านได้อย่างรวดเร็ว”
“แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน” ฉีซื่อเจินผงกศีรษะ “จริงสิ บาดแผลส่วนใหญ่บนร่างกายของเด็กคนนี้ล้วนเป็นบาดแผลภายนอก สภาพร่างกายค่อนข้างอ่อนเพลียอยู่บ้าง อีกสักพักหลังนางอาบน้ำเสร็จแล้ว เอายาพวกนี้ทาที่บาดแผลของนางก็พอ ข้าจะไปหาไช่เตาให้ทำข้าวต้มที่กินง่ายๆ มาให้ นางน่าจะไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว” พูดจบเขาก็ถอนหายใจพร้อมส่ายศีรษะก่อนเดินออกไป
ฉีซื่อเจินเพิ่งจะก้าวออกไป ชายฉกรรจ์สองคนก็ยกถังไม้ที่เต็มไปด้วยน้ำร้อนเข้าประตูมา
“คุณหนูใหญ่ น้ำมาแล้วขอรับ”
“วางเอาไว้ตรงนี้ก็พอแล้ว ออกไปเถอะ”
ทั้งสองคนได้ยินแล้วก็ผงกศีรษะ จากนั้นจึงถอยกลับออกไป
รอจนประตูห้องปิดลง จั้นชิงถึงได้เดินไปนั่งลงที่ข้างเตียง มองตรงไปยังดวงตาลึกโบ๋บนใบหน้าของเด็กหญิงแล้วเอ่ยอย่างอบอุ่น
“เสื้อผ้าของเจ้าขาดแล้ว พวกเรามาเปลี่ยนเสียหน่อยดีหรือไม่”
เด็กหญิงผู้นั้นจ้องมองนางโดยไม่พูดไม่จา ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น
จั้นชิงหยิบอาภรณ์ที่ตนนำมาด้วยขึ้นมา ใบหน้าประดับรอยยิ้มขณะเอ่ย
“อาบน้ำให้เสร็จแล้วทายา จากนั้นเปลี่ยนมาเป็นชุดที่สะอาด เจ้าก็จะรู้สึกสบายตัวขึ้นเยอะแล้ว รอจนพวกเราแต่งตัวเรียบร้อยก็จะออกไปกินข้าวกัน เจ้าว่าอย่างไร”
เด็กหญิงยังคงนิ่งเงียบ หากดวงตาที่เดิมจ้องมาที่นางโดยไม่แม้แต่จะกะพริบ ยามนี้กลับเหลือบมองไปยังอาภรณ์สีเขียวบนมือของนาง
จั้นชิงยิ้มน้อยๆ ยื่นมือออกไปหาอีกฝ่าย
“มาเถอะ เจ้าไม่อยากจะพูดก็ไม่เป็นไร เรามาเริ่มจากการทำให้เจ้าสะอาดกว่านี้เสียหน่อยก่อนแล้วกัน”
เด็กหญิงตัวน้อยจ้องไปยังมือที่ยื่นออกมาของจั้นชิง แต่กลับไม่ได้ให้ความสนใจมากกว่านั้น เพียงแค่ขยับจากมุมเตียงคลานมายังด้านข้างเตียง วางเท้าที่ปวดเมื่อยลงบนพื้นเงียบๆ แล้วยันปลายเตียงพยายามลุกขึ้นมา
ดื้อรั้นดียิ่งนัก จั้นชิงหยักยิ้มก่อนเก็บมือกลับ ทั้งไม่ได้ถือสาท่าทีของอีกฝ่าย เพียงแค่นิ่งมองเด็กหญิงที่ยืนโซเซอยู่ข้างเตียง จากนั้นก็พยายามเดินไปที่ด้านข้างถังไม้ใบใหญ่ แล้วพยายามถอดชุดที่ทั้งสกปรกทั้งขาดบนร่างตนเองออก