เรื่องนี้จำเป็นจะต้องตรวจสอบให้กระจ่าง
นิ้วมือของจั้นชิงขยับลากเส้นคำนวณบนกราบเรือเบาๆ อย่างไม่รู้ตัว หากว่าการขนส่งทางแม่น้ำเป็นไปได้ดี อนาคตยังสามารถขยายกิจการไปทางเหนือ การสานสัมพันธ์กับสกุลเซียวนับเป็นเรื่องที่ต้องกระทำ ตอนนี้สามารถสืบได้นิดได้หน่อยก็ยังดี หากนางสามารถเข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใดตลอดห้าปีที่ผ่านมาเซียวเหวยจึงได้เปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้ ถึงเวลาเจรจาการค้ากับเขาก็จะสามารถมีเบี้ยเจรจาได้มากขึ้น
เกี่ยวกับคุณชายรองสกุลเซียวอย่างเซียวจิ้ง กลับมีน้อยคนนักที่พูดถึง เพียงรู้แค่ว่าเขาเป็นบัณฑิตอ่อนแอที่ได้รับการศึกษามาอย่างดีผู้หนึ่ง หลายปีก่อนยังเคยนอนป่วยซมอยู่บนเตียงมานานหลายปี
อ่อนแอ? ป่วยนอนเตียง?
จั้นชิงเลิกคิ้ว รู้สึกสงสัยอยู่บ้าง แม้ใบหน้าเขาจะซีดขาวไปหน่อย ร่างกายดูไปแล้วก็บอบบาง แต่ไม่เคยมีลักษณะอาการป่วย ทว่า…บางทีเขาอาจจะเคยป่วยหนักมาครั้งหนึ่งจริงๆ ด้วยเหตุนี้ถึงได้ไปเรียนวรยุทธ์เพิ่มความแข็งแรง
หากคิดเช่นนี้ ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะมีเหตุผล คุณชายรองในตระกูลคหบดีผู้ร่ำรวยทางตอนเหนือ เป็นเพราะป่วยนอนเตียงมาหลายปี ไม่มีอำนาจในตระกูล ดังนั้นในตอนที่สุขภาพกลับมาแข็งแรงดีจึงออกจากบ้านลงมาทางใต้เพื่อค้นหาเส้นทางของตนเอง
จากข้อมูลที่สายข่าวหามาได้เขียนเอาไว้ว่าสกุลฉินกับสกุลเซียวแม้ฝ่ายหนึ่งอยู่ทางใต้ อีกฝ่ายอยู่ทางเหนือ แต่ทั้งสองตระกูลล้วนเป็นตระกูลพ่อค้า ทำความรู้จักสนิทสนมกันมาตั้งแต่รุ่นก่อน ความสัมพันธ์ระหว่างสกุลฉินกับสกุลเซียวค่อนข้างดี บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่เซียวจิ้งปรากฏตัวที่คฤหาสน์สกุลฉินในเมืองหยางโจว…
“กำลังคิดอะไรอยู่”
“ฮะ?!” จั้นชิงสะดุ้งตกใจ หันกลับไปอย่างรวดเร็วก็ได้เห็นเซียวจิ้งไม่รู้ปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร นางเอ่ยอย่างกรุ่นโกรธ “ท่านทำ…”
“ทำอะไรอยู่ที่นี่ ใช่หรือไม่” เซียวจิ้งเป็นฝ่ายต่อประโยคของนางด้วยตนเอง แล้วจึงคลี่ยิ้มเอ่ยอธิบาย “ข้าไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่เห็นเจ้าเหม่อลอยอย่างหาได้ยากเลยรู้สึกประหลาดใจ”
จั้นชิงพลันใบหน้าแดงขึ้นมา ตอบกลับอย่างกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง
“เกี่ยว…เกี่ยวอะไรกับท่านกัน!”
“ก็ไม่ได้เกี่ยวกับข้า” เซียวจิ้งลูบจมูกอย่างคนหาเรื่องใส่ตัว แต่กลับไม่ได้ถอยหลบ เพียงแค่ยิ้มแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอบอุ่นต่อ “เจ้ายังเจ็บแผลอยู่อีกหรือไม่”
นางยกมือขึ้นบังลำคอทันควัน ราวกับกลัวว่าเขาจะยื่นมือออกมาสัมผัสอย่างไรอย่างนั้น ก่อนจะเขม็งมองเขาอย่างระมัดระวัง
“ไม่แล้ว ข้าเคยบอกแล้วว่าข้าไม่เป็นไร”
เซียวจิ้งเห็นดังนั้นก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“พูดกันตามตรง เจ้าไม่จำเป็นต้องทำตัวตึงเครียดทุกครั้งที่ข้าเข้าใกล้ ใช้ชีวิตเหมือนเม่นน้อยที่ถูกทำให้ตกใจเช่นนั้นหรอกนะ”
ได้ยินดังนั้นจั้นชิงก็ก้มมองดูเสื้อผ้าสีเทาบนร่างกายตนเองอย่างห้ามไม่ได้ หากหลังรู้สึกตัวว่าตนเองได้รับอิทธิพลจากคำพูดของเขา นางก็รีบเงยหน้าขึ้น เลิกคิ้วเอ่ยแก้ตัวอย่างไม่พอใจ
“ข้าไม่ได้เป็นแบบนั้นเสียหน่อย!”
หลังการประท้วงของนาง เซียวจิ้งไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่แสดงท่าทีอ่อนโยนให้เห็น
“หนนี้ที่ข้าขึ้นเรือ เพียงแค่อยากรู้ว่าสกุลจั้นมีความสามารถในการทำงานขนส่งสินค้าจริงหรือไม่เท่านั้น และเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าคิดว่าหลายวันที่ผ่านมา รวมถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ทุกอย่างล้วนแสดงให้เห็นถึงความสามารถของพวกเจ้าแล้ว ดังนั้นเจ้าสามารถเก็บหนามทั้งร่างของตนเองได้ ทำเหมือนข้าเป็นแขกธรรมดาคนหนึ่งเป็นอย่างไร”