นางยังคงแสดงสีหน้าเย็นชาผลักไสผู้คน
“นี่เป็นเรือสินค้า…”
“ไม่รับแขก! เรื่องนี้ข้ารู้ แต่ระหว่างวันเวลาเดินทางที่เหลือ หากว่าพวกเราสามารถอยู่ร่วมกันดีๆ ได้ การมีสหายเพิ่มขึ้นหนึ่งย่อมดีกว่ามีศัตรูเพิ่มอีกหนึ่งจริงหรือไม่”
พูดเช่นนี้ก็ไม่ผิด แต่จั้นชิงยังคงขมวดคิ้ว นางมองไปที่เซียวจิ้ง รู้ว่าตัวเองควรใจเย็นลงหน่อย ไม่อาจเป็นเพราะตนเองอคติกับเขาจึงได้ลากสกุลจั้นทั้งตระกูลลงมาเป็นศัตรูกับเขา
นอกจากนี้นางกับเขายิ่งไม่มีความแค้นยิ่งใหญ่อะไรระหว่างกัน เพียงแค่…เพียงแค่นางไม่ชอบใบหน้าเปื้อนยิ้มที่เหมือนมองทะลุปรุโปร่งทุกอย่างของเขาเท่านั้น ทว่านี่ก็ไม่อาจนับเป็นความผิดของเขาได้ ในเมื่อการมีใบหน้าที่งดงามเกินไปก็ไม่ใช่อะไรที่เขาจะสามารถควบคุมได้เอง
เมื่อตระหนักได้ว่าตลอดมาตนเองล้วนใช้อารมณ์เป็นใหญ่ในการโต้ตอบเขา จั้นชิงจึงตัดสินใจที่จะยุติธรรมต่อเขาหน่อย นางผ่อนคลายสีหน้าลง เบี่ยงหน้ากลับไปมองกระแสน้ำบนแม่น้ำแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“ข้าไม่ได้มองท่านเป็นศัตรู”
ทว่าก็ไม่ใช่สหายเช่นกัน นางลอบคิดในใจ
เขายิ้มออกมาบางๆ กระจ่างถึงคำพูดที่นางไม่ได้เอ่ย รู้ว่าตนเองไม่ได้รับการต้อนรับจากผู้อื่นจริงๆ หากอย่างน้อยท่าทีของนางก็ดีขึ้นมาบ้างแล้ว เซียวจิ้งอาศัยโอกาสนี้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา หวังให้นางสามารถผ่อนคลายลงได้ อย่าได้เอาแต่คอยระแวดระวังตัว
“จริงสิ เด็กหญิงคนนั้นเล่า นางดีขึ้นหรือยัง”
“นางกำลังอาบน้ำ” จั้นชิงตอบพร้อมชี้ไปยังห้องที่อยู่ด้านหลังตนเอง “ดูเหมือนว่านางจะไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้ว แต่น่าจะพอทนไหวอยู่”
“ถามออกมาได้หรือไม่ว่านางมาจากที่ใด”
“ไม่ได้ นางไม่ยอมพูด” จั้นชิงส่ายศีรษะ “อารองบอกว่านางไม่แม้แต่จะเปล่งเสียง”
“ไม่พูด?” เซียวจิ้งประหลาดใจเล็กน้อย ครุ่นคิดอยู่สักพักจึงมองไปยังจั้นชิงแล้วเอ่ย “เป็นไปได้หรือไม่ว่านางอาจจะพูดไม่ได้แต่แรกแล้ว”
นางชะงักไปเล็กน้อย “ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นมาก่อน”
“เจ้าวางแผนจะทำอย่างไรต่อกับเหล่าโจรสลัดและเด็กหญิงคนนั้น”
ในตอนนั้นเองเรือเล็กลำหนึ่งก็ได้เคลื่อนผ่านเรือสำเภาของพวกเขา บนเรือมีเด็กชายคนหนึ่งกำลังมองมาที่เรือบรรทุกสินค้าอย่างใคร่รู้ ในตอนที่มองเห็นจั้นชิงกับเซียวจิ้ง เขาก็ยิ้มกว้างออกมาทันควัน ทั้งยังโบกไม้โบกมือให้ทั้งสองคน
จั้นชิงถูกความกระตือรือร้นของเด็กชายทำเอายิ้มตามโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังยืดมือออกไปโบกตอบ ก่อนตอบคำถามของเซียวจิ้งไปด้วย
“สินค้าของพวกเรายังต้องส่งไปทางเหนือ ดังนั้นจึงจะไปแจ้งทางการที่จวนว่าการถัดไป ให้มือปราบเป็นคนจัดการ”
เรือใหญ่กับเรือเล็กเคลื่อนผ่านกันไป แต่เด็กชายยังคงโบกมือให้พวกเขาจนกระทั่งห่างไปไกล จั้นชิงยังคงยิ้มโดยไม่รู้ตัว อารมณ์ดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
เซียวจิ้งรู้สึกประหลาดใจที่นางมีปฏิกิริยาตอบรับกับเด็กชายคนนั้น อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“เจ้ารู้จักกับเขาหรือ”
“ไม่รู้จัก”
“เช่นนั้นทำไม…” เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อย
“ไม่รู้จักก็ทักทายกันไม่ได้หรือ” นางมองเขาอย่างขบขันอยู่บ้าง ถามดั่งเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้ว
เซียวจิ้งได้ยินแล้วชะงักไป คำถามนี้ของจั้นชิงทำให้เขาพบว่าตนเองเปลี่ยนไปนึกถึงแต่เรื่องผลประโยชน์ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร ถึงขั้นกลายเป็นคนเย็นชาขึ้นมา
ไม่รู้จักก็ทักทายไม่ได้หรือ
หากเป็นเมื่อก่อนเขาเองก็คงจะยิ้มและโบกมือทักทายเด็กน้อยเช่นนี้กระมัง ไม่รู้ตั้งแต่ยามใดที่เขากลับกลายเป็นคนที่สนใจแต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเอง