เสี่ยวหลี่เสี่ยวอู่ทั้งสองคนได้ยินแล้วก็ดีใจ ส่วนคนอื่นๆ ก็มีสีหน้ายินดี มีเพียงเสี่ยวโจวที่ขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย ยังคิดอยากจะพูดอะไรอีก
“คุณหนูใหญ่…”
“แค่ไปซื้อชุดไม่กี่ชุดเท่านั้น” รู้ว่าเขาเป็นห่วง จั้นชิงจึงเปิดปากเอ่ยเพื่อให้เขาวางใจ
“นี่…” เห็นนางยืนกรานเช่นนี้ เสี่ยวโจวรู้ว่าตนไม่อาจเปลี่ยนใจนางได้ สุดท้ายก็ได้แต่เอ่ย “ตกลง เช่นนั้นท่านก็ระมัดระวังตัวด้วยนะขอรับ”
“ข้ารู้” นางยิ้มน้อยๆ
เซียวจิ้งที่อยู่ด้านข้างมองการโต้ตอบกันระหว่างสองคนนี้ อารมณ์พลันเปลี่ยนเป็นหงุดหงิดขึ้นมา เขาไม่เข้าใจว่าตนเองกำลังไม่พอใจเรื่องอะไร เพียงแค่จู่ๆ ก็รู้สึกขัดตาเสี่ยวโจวผู้อยู่เรือสำเภาลำแรกคนนี้ขึ้นมา อีกทั้งยิ่งมองก็ยิ่งไม่ชอบใจ
โดยไม่แม้แต่จะคิด เขาอ้าปากเอ่ยส่งเดชขึ้นมา
“สหายโจว เจ้าหน้าที่กำลังเรียกเจ้าอยู่”
“จริงหรือ” เหตุใดข้าถึงไม่ได้ยินกัน เสี่ยวโจวหันหน้ากลับไปมองด้วยความประหลาดใจ
เซียวจิ้งก็ไม่ได้ให้เขามีเวลาคิดเยอะ ยื่นมือออกไปชี้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ไกลๆ สักคน
“จริงสิ เมื่อครู่เจ้าหน้าที่คนนั้นเพิ่งจะกวักมือเรียกเจ้า”
เสี่ยวโจวไม่สงสัยอีกฝ่าย นึกว่ามีเจ้าหน้าที่กำลังเรียกหาเขาอยู่จริงๆ จึงได้เอ่ยกำชับอีกคำ ก่อนหันกลับไปหาเจ้าหน้าที่ผู้นั้น
จั้นชิงเห็นดังนั้นก็พาโม่เอ๋อร์เดินออกจากจวนว่าการ มุ่งไปยังถนนหลักของเมือง
นางกลับไม่รู้ว่าการสนทนาธรรมดาระหว่างนางกับเสี่ยวโจวเมื่อครู่นี้ ในสายตาของเซียวจิ้งแล้วกลับกลายเป็นว่าทั้งสองคนมีลับลมคมในกัน เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึก ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด นำเอาคำเตือนในหัวโยนทิ้งไปไกลลิบลับนานแล้ว หลังหลอกให้เสี่ยวโจวจากไปก็ติดตามไปที่ด้านหลังจั้นชิงทันทีโดยไม่พูดอะไร
หลังออกมาจากจวนว่าการ เพิ่งเดินไปไม่ไกลจั้นชิงก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง นางหันกลับไปมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ท่านตามข้ามาทำไม”
“คุณหนูจั้น ข้าไม่ได้จงใจติดตาม เพียงแค่บังเอิญไปทางเดียวกันเท่านั้น” เขาคลี่ยิ้ม เอ่ยตอบอย่างสงบนิ่ง
จั้นชิงเม้มปาก บังเอิญไปทางเดียวกัน? ผีจึงจะเชื่อเขา!
ถึงแม้จะคิดเช่นนี้ แต่นางก็ไม่อาจห้ามเขาเดินถนนสายนี้ได้ จึงทำได้แค่หันกลับไปจูงโม่เอ๋อร์เดินต่อไปข้างหน้า
แม้ร้านค้าบนถนนจะมีไม่น้อย แต่พวกเขาต้องเดินมาถึงสองช่วงถนนถึงได้เจอร้านผ้าร้านหนึ่ง ทว่าร้านผ้าร้านนั้นก็ดันไม่ขายเสื้อผ้าตัดเย็บสำเร็จ นางจึงต้องพาโม่เอ๋อร์เดินออกมา ทว่ากลับได้เห็นเซียวจิ้งยืนอยู่ที่หน้าประตู
เห็นโม่เอ๋อร์ยังคงสวมอาภรณ์สีเขียวที่ไม่พอดีตัว เขาจึงสอดถามขึ้นมา
“ไม่ได้ซื้อชุดมาหรอกหรือ”
ถึงแม้ไม่อยากจะสนใจเขา แต่ด้วยมารยาทขั้นพื้นฐาน จั้นชิงจึงตอบกลับไปเรียบๆ
“พวกเขาไม่ขายเสื้อผ้าตัดเย็บสำเร็จ”
“ข้าคิดว่าคนที่นี่น่าจะชินกับการซื้อผ้ากลับไปตัดเย็บชุดเอง ร้านขายผ้าเลยไม่มีใครขายสินค้าตัดเย็บสำเร็จ” เซียวจิ้งมองไปรอบๆ ก่อนจะจับมือที่ว่างอยู่อีกข้างของจั้นชิงอย่างกะทันหันดึงนางไปยังตรอกทางด้านขวา “มา พวกเราเข้าไปดูข้างในกัน”
“นี่ ท่านกำลังทำอะไร” จั้นชิงที่เป็นคนติดตามเกือบจะสะดุดล้ม โชคดีที่ยังประคองตัวไว้ได้ทัน แต่เขายังคงจับนางไม่ยอมปล่อย นางทำได้เพียงพาโม่เอ๋อร์เดินตามเขาไป ทว่าก็บ่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ตรอกเล็กแห่งนี้มีอะไรให้ดูกัน จะมีเสื้อผ้าขายที่นี่หรืออย่างไร”
“เรื่องนั้นก็ไม่แน่” เขาเหยียดยิ้มมุมปาก เพิ่งจะพูดจบ เขาก็พบสิ่งที่ต้องการหาพอดี จึงหยุดเดินกะทันหันแล้วหันหน้ากลับมาชี้ลานเรือนของบ้านผู้อื่น “เจ้าดูนั่น!”
ทว่าเขาหยุดฝีเท้ากะทันหันไป ทำให้จั้นชิงเกือบจะชนกับร่างของเขาเข้าให้ โชคดีที่นางปฏิกิริยาตอบรับไว จึงหยุดเอาไว้ได้ทัน หากนางยังไม่ทันได้หอบหายใจ โม่เอ๋อร์ที่ด้านหลังหยุดเท้าไม่ทันก็ชนเข้าให้อย่างมึนงง ผลคือศีรษะของจั้นชิงกระแทกเข้าไปในอ้อมอกของเขา