แล้วก็ไม่รู้ว่าสวรรค์กำลังเล่นตลกอยู่หรือไร เซียวจิ้งเดิมทีสามารถยืนได้อย่างมั่นคง ใครจะรู้ว่าที่หลังเท้าของเขาบังเอิญปรากฏก้อนหินก้อนหนึ่ง เขาถูกนางชนจนถอยไปข้างหลังหนึ่งก้าว เหยียบหินก้อนเล็กก้อนนั้นเข้าพอดี เท้าจึงพลันลื่นล้มลง
เสียง ‘โครม’ ดังขึ้นหนึ่งที ฝุ่นละอองฟุ้งกระจายไปทั่ว เพียงเห็นผู้ใหญ่สองคนล้มกันเป็นกอง เซียวจิ้งถูกทับไว้ล่างสุดกลายเป็นเบาะเนื้ออย่างน่าสงสาร
ถนนในตรอกเล็กแห่งนี้ก็ไม่ได้ปูด้วยหินแผ่นเหมือนดั่งถนนใหญ่ ทุกที่ล้วนเป็นก้อนหินละเอียดเล็ก เขาล้มลงครั้งนี้ รวมเข้ากับน้ำหนักของจั้นชิง กระดูกสันหลังกระแทกพื้นเต็มๆ ทำให้เขาเจ็บจนเกือบจะหลั่งน้ำตาออกมา
“แค่กๆ…” จั้นชิงลุกขึ้นมาจากบนตัวเขา มือหนึ่งโบกพัดฝุ่นละอองพร้อมไอ ทว่าอีกมือกลับเป็นเพราะศูนย์ถ่วงไม่ดีจึงล้มทับลงบนบ่าของเซียวจิ้งที่เพิ่งลุกขึ้นนั่ง ทำให้เขาถูกกดกลับลงไปอีกครั้ง ถูกความแหลมคมของก้อนหินเล็กๆ ทิ่มแทงอีกหน
หลังกับบ่านี้เจ็บจนไม่ทันได้ร้อง ใครจะรู้ว่าที่เจ็บกว่านี้กำลังจะตามมา จั้นชิงคิดอยากลุกขึ้นยืน แต่เป็นเพราะรอบด้านล้วนคือฝุ่นละอองมองไม่ชัด จึงไม่ทันระวังเหยียบเข้าที่ต้นขาเขาแล้วลื่น ผลคือกล้ามเนื้อต้นขาของคนย่อมไม่อาจให้คนยืนได้อย่างมั่นคง โชคร้ายที่เท้าของนางก็…โชคร้ายจริงๆ ที่เท้าของนางลื่นลงไประหว่างต้นขาของเขา เท้าหนักๆ เหยียบลงตรง…นั้น! ของเซียวจิ้งอย่างแม่นยำ
ไม่ผิด มันก็คือตรงนั้น บนแก่นชีวิตที่เขามีไว้สืบทอดทายาท!
“อ๊าก…” ในชั่วพริบตานั้นเสียงตะโกนโหยหวนอันทุกข์ระทมก็ดังขึ้นทะลุไปถึงชั้นฟ้า และสะท้อนกลับไปกลับมาระหว่างกำแพงภายในตรอก
เสียงโหยหวนที่ดังขึ้นกะทันหันนี้ทำให้จั้นชิงสะดุ้งตกใจยกใหญ่ เกือบจะล้มกลับไปบนตัวของเซียวจิ้งอีกครั้ง แต่ต่อให้เขาเจ็บปวดยิ่งกว่านี้ก็รู้ว่าไม่อาจปล่อยให้นางล้มลงมาได้อีก เพื่อกันไม่ให้นางเหยียบผิดที่ซ้ำอีกครั้ง ดังนั้นปฏิกิริยาตอบสนองของสองมือจึงยื่นออกไปข้างหน้า คิดจับนางให้อยู่ ใครจะรู้ว่าสมควรตายยิ่ง สองมือคู่นี้…กลับสัมผัสโดนส่วนที่อ่อนนุ่มที่สุดบริเวณร่างกายครึ่งบนของสตรี
“ท่านทำอะไร!” เพียงได้ยินเสียงตวาดทีหนึ่ง ตามมาด้วยเสียงฝ่ามือที่ดังกังวานหาใดเทียม พริบตาต่อมาแก้มซ้ายขวาทั้งสองของเขาก็มีรอยนิ้วมือห้านิ้วที่โดดเด่นสะดุดตาอย่างเห็นได้ชัดเพิ่มขึ้นมา
ขอร้องล่ะ เขาเจ็บปวดจนแทบจะกลิ้งไปมากับพื้นแล้ว ยังจะทำอะไรได้อีก
เซียวจิ้งกัดฟันกรอดกุมร่างกายส่วนล่างแล้วงอตัวลุกขึ้นนั่ง รู้สึกได้ถึงความแสบร้อนบนใบหน้า ตำแหน่งสำคัญยิ่งเจ็บปวดราวกับสูญเสียไปแล้วครึ่งชีวิต
มีชีวิตมาแล้วเกือบสามสิบปี ไม่เคยตกอยู่ในสภาพดูไม่ได้ถึงเพียงนี้มาก่อน ช่างชวนให้อยากร้องไห้โดยไม่มีน้ำตาเสียจริง…ว้ากกกกกกก…
แก้มทั้งสองข้างของจั้นชิงปรากฏสีแดงระเรื่ออย่างหาได้ยาก มองเซียวจิ้งที่ไม่ยอมลุกขึ้นมาเสียที เอาแต่นั่งห่อตัวอยู่บนพื้น หน้าผากมีเหงื่อเย็นหลั่ง สองมือกุม ‘ของรัก’ ของเขา ยามนี้นางย่อมรู้ตัวขึ้นมา รู้แล้วว่าเมื่อครู่ตนเองเหยียบโดนอะไรเข้าให้แล้ว
“ขอ…ขออภัย ข้าไม่ได้ตั้งใจ” นางหน้าแดงก่ำ คิดอยากช่วยเขาก็ไม่รู้จะช่วยตรงไหน มือเพิ่งจะยื่นออกไปก็หดกลับเข้ามา เดิมคิดอยากคุกเข่าลงประคองเขา แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปสำรวจบาดแผลของเขา ทำได้เพียงยืนมือเท้าเก้ๆ กังๆ อยู่ที่ด้านข้าง ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี
ส่วนโม่เอ๋อร์ก็กำลังยืนหลบอยู่ที่ด้านหลังจั้นชิง มือกำชายเสื้อของนางแน่น เผยเพียงครึ่งศีรษะออกมาแอบมองเซียวจิ้งที่ยังคงอยู่บนพื้น
“ท่านยังไหวหรือไม่ ต้องการให้ข้า…ไปตามคนมาช่วยไหม” เห็นเขายังคงมีท่าทีเจ็บปวดมหาศาล จั้นชิงเอ่ยแนะนำขึ้นมาอย่างสับสน กล่าวจบก็เตรียมไปตามหาคนทันที
เซียวจิ้งเพียงได้ยิน ใบหน้าก็ยิ่งเขียวคล้ำ
สวรรค์ นางยังโหดร้ายไม่พออีกหรือ ไปตามหาคนมาทำอะไร มาชื่นชมสภาพดูไม่ได้ของเขาหรือไร!
เหตุใดนางจึงไม่ตั้งโต๊ะเก็บเงินที่หน้าตรอกให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยเล่า
ในสายตามองเห็นจั้นชิงกำลังหมุนตัวจากไป เซียวจิ้งข่มกลั้นความเจ็บปวดกัดฟันตะโกน
“ไม่ต้องแล้ว!”
“แต่ว่าท่าน…” น้ำเสียงนางอ่อนแออย่างหาได้ยาก สีหน้ารู้สึกผิด
“รออีกสักพักก็ดีขึ้นแล้ว!” เขาตะโกนเสียงแหบอย่างห้ามไม่ได้ ท่าทางห่อตัวที่พื้นยังคงไม่ได้ดูดีขึ้น
เสียงตะโกนของเขาทำให้โม่เอ๋อร์สะดุ้งตกใจ นางหลุบศีรษะหายเข้าไปด้านหลังจั้นชิงอย่างหวาดกลัว ไม่กล้าแอบมองอีก ส่วนจั้นชิงเองก็มีใบหน้าซีดขาว นางมองเห็นเพลิงโทสะในดวงตาของเขา รับรู้ว่าเขาคัดค้านจริงๆ จึงได้แต่ทำตามที่เขาพูดยืนรออยู่ข้างๆ
เซียวจิ้งเห็นนางล้มเลิกความคิดตามหาคนแล้วถึงได้สบายใจขึ้นมา กัดฟันรอให้ความเจ็บปวดนั้นจางหายไป ผ่านไปครู่ใหญ่เมื่อความเจ็บปวดรุนแรงดีขึ้นมาไม่น้อยแล้ว เขาถึงได้ยันกำแพงลุกขึ้นมา
“ขออภัยเป็นอย่างยิ่ง…จริงๆ” เห็นเขาดีขึ้นมาไม่น้อยแล้ว จั้นชิงสีหน้าแข็งเกร็ง เอ่ยขอโทษเขาอีกครั้ง