ภายในเมืองลั่วหยาง ผู้คนพากันเดินไปมาบนถนนใหญ่ มองดูครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อหลายปีก่อนหน้าเซียวจิ้งเคยมาที่นี่แล้วหลายครั้ง ดังนั้นจึงยังนับได้ว่าคุ้นเคยกับถนนหลายสายภายในเมือง เพียงไม่นานก็มาถึงยังทิศตะวันออกของเมือง สายตามองหากิจการขนส่งร้านนั้น
หารู้ไม่ว่าตัวเขาเพิ่งจะเดินเข้าประตูไปก็ต้องตกใจที่ได้เห็นคนสองคนที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงมาตลอดหลายปีนี้ เซียวจิ้งไม่แม้แต่จะคิดก็หมุนตัวจากไปทันที ทว่าน่าเสียดายที่เขายังคงช้าไปก้าวหนึ่ง หนึ่งในสองคนนั้นมองเห็นเขาเข้าให้แล้ว
“คุณชายรอง!” น้ำเสียงตกใจตะโกนดังลั่นมาจากทางด้านหลัง
เซียวจิ้งทำเป็นไม่ได้ยิน เดินมุ่งหน้าต่อไป ใครจะรู้ว่าคนคนนั้นกลับตามมาตะโกนเสียงดังบนถนนใหญ่
“คุณชายรองๆ! รอก่อน ท่านอย่าเพิ่งไป! ข้าคือเสี่ยวซานจื่อ ท่านลืมไปแล้วหรือ คุณชายรอง…”
เขาพยายามไม่สนใจสุดชีวิต ฝืนใจแข็งแสร้งทำเป็นว่าคนที่อีกฝ่ายเรียกไม่ใช่เขา ขณะเดียวกันก็เพิ่มความเร็วฝีเท้า หวังจะหนีไปให้ไกลจากสถานที่นี้โดยเร็วที่สุด
หารู้ไม่ว่าคนผู้นั้นกลับไม่ยอมแพ้ ทั้งยิ่งตะโกนกลับยิ่งเสียงดัง ทำเอาคนบนถนนทั้งเส้นพากันหันมามองทั้งหมด
เซียวจิ้งรู้แก่ใจว่าไม่ดีแล้ว ไม่อาจสนใจได้อีกว่าจะเป็นการกระทำที่ทำให้ทุกคนแตกตื่นเกินไปหรือไม่ เพียงคิดจะใช้กำลังภายในทะยานหนี น่าเสียดายเพียงแค่ว่าเสี่ยวซานจื่อได้ไล่ตามมาทันเสียแล้ว มือเอื้อมคว้าจับแขนของเขา น้ำตาไหลพราก ร้องไห้คร่ำครวญเอ่ย
“คุณชายรอง เป็นท่านจริงๆ เป็นท่านจริงๆ ด้วย! โฮ…เสี่ยวซานจื่อตามหาท่านอย่างลำบากยิ่งนัก คุณชาย…”
“หุบปาก!” เซียวจิ้งกัดฟันเอ่ยเสียงทุ้มห้ามเขา “เลิกเรียกได้แล้ว ข้าเองก็ไม่ได้หูหนวกเสียหน่อย”
“ใช่ๆๆ คุณชายรอง เสี่ยวซานจื่อจะหุบปาก ขอเพียงท่านอย่าจากไป เสี่ยวซานจื่อจะหุบปากทันที” ถึงเสี่ยวซานจื่อจะพูดเช่นนั้น แต่ก็ไม่มีความคิดจะหยุดลงแม้แต่น้อย มือจับชายแขนเสื้อเขาแน่นพร้อมสะอึกสะอื้นเอ่ย “คุณชายรอง ท่านไม่รู้หรอกว่าพวกเราตามหาท่านมานานแล้ว เสี่ยวซานจื่อคิดถึงท่านเหลือเกินขอรับ…”
เมื่อเสี่ยวซานจื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา ทั้งยังจับตัวเซียวจิ้งแน่นไม่ยอมปล่อย ร้องไห้ตัดพ้อต่อว่าเสียงหลง ในชั่วขณะนั้นได้ทำให้เขากับเซียวจิ้งกลายเป็นจุดรวมสายตาของทุกคนไปแล้ว
เมื่อเห็นผู้คนรอบตัวต่างแสดงสีหน้าแปลกใจ ตกใจ มีลับลมคมในออกมา เซียวจิ้งก็รู้ว่าพวกเขาสองคนถูกคนเข้าใจผิดว่ามีความนิยมตัดแขนเสื้อ อีกแล้ว ทำให้ยิ่งกระอักกระอ่วนจนอยากขุดหลุมมุดเข้าไป เขาตำหนิเสี่ยวซานจื่ออย่างหงุดหงิด
“ปล่อยมือ! เลิกร้องไห้ได้แล้ว!”
ให้ตายเถอะ! เขารู้อยู่แล้วเชียวว่าถ้าถูกเจ้าเด็กนี่เจอจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ถึงได้พยายามหลบเลี่ยง ใครจะรู้ว่าหลบมาได้นานขนาดนี้ สุดท้ายก็ยังโยนตัวเองเข้าตาข่าย
เสี่ยวซานจื่อพอถูกด่าก็รีบปล่อยมือข้างหนึ่ง ใช้ชายแขนเสื้อเช็ดน้ำตา
“ขอรับๆๆ เสี่ยวซานจื่อไม่ร้องแล้ว ขอเพียงคุณชายรองตามเสี่ยวซานจื่อกลับบ้านก็พอ”
“ข้าไม่มีทางกลับไป” เซียวจิ้งสีหน้าขรึมลง ไม่สนใจว่าผู้คนบนถนนหลักล้วนมองการแสดงละครฉากนี้อยู่ ทั้งยังไม่สนใจเสี่ยวซานจื่อที่มือหนึ่งยังจับแขนตัวเองแน่น หมุนตัวคิดจากไป…
ใครจะรู้ว่าเพียงหมุนตัว กลับได้เห็นคนที่เขาไม่อยากเจอมากที่สุด
“อาจิ้ง!” คนผู้นั้นถึงแม้จะพยายามทำตัวหนักแน่น แต่ในดวงตากลับเปิดเผยอารมณ์อ่อนไหว น้ำเสียงเองก็แหบแห้งขึ้นมา “ไม่ได้เจอกันเสียนาน”
จบกัน ทำอะไรไม่ได้แล้ว!
ลมพัด ใบไม้โปรย ต้นไม้หลากสีสันพัดไหว
เซียวจิ้งมองบุรุษตรงหน้าด้วยสีหน้าสลับซับซ้อน เนิ่นนานจึงถอนหายใจออก ส่งเสียงหัวเราะขื่นๆ แล้วถึงเอ่ยเรียกอย่างปลงตก
“ไม่ได้พบกันเสียนานนะ พี่ใหญ่”
ยามสนธยา ณ สำนักเดินเรือสี่สมุทร
“คุณชายเซียวเป็นคุณชายรองสกุลเซียวแห่งเมืองโยวโจว ความจริงแล้วเขาถึงจะเป็นคนที่คุมอำนาจสกุลเซียวเมื่อห้าปีก่อนคนนั้นขอรับ” เสี่ยวโจวเล่าเรื่องที่เพิ่งได้ยินมาจากเสี่ยวซานจื่อเมื่อครู่
ที่แท้ก็เป็นเขา