หยางหวั่นย้ายออกจากเรือนอู่และปลดจากฐานะนางข้าหลวงอย่างเป็นทางการ
ในวันที่กองงานพิธีการลบชื่อนางออก ซ่งอวิ๋นชิงรู้สึกเสียดายแทนนางอย่างยิ่ง
“หลังจากนี้ก็ออกไปไม่ได้จริงๆ แล้ว”
หยางหวั่นอยู่ในเรือนอู่เก็บเสื้อผ้าข้าวของ ถานเหวินเต๋อพาเจ้าหน้าที่สำนักบูรพามาเฝ้าอยู่หน้าประตูเตรียมเป็นผู้ใช้แรงงาน เมื่อได้ยินคำพูดของซ่งอวิ๋นชิง ชั่วขณะนั้นก็อดไม่ได้ที่จะโต้นางกลับไป
“ท่านผู้บัญชาการของพวกเราอยู่ที่นี่ ยังต้องกลัวว่าต่อไปจะไม่อาจพาแม่นางหยางออกไปได้หรือ ท่านผู้บัญชาการซื้อเรือนแล้ว รอฤดูหนาวมาถึงพวกเราก็จะไปซื้อเครื่องเรือนนั่งนอนให้ท่านผู้บัญชาการ”
ซ่งอวิ๋นชิงเอามือเท้าเอวเดินไปที่หน้าประตู ตวาดใส่พวกเขาทันที “พวกเจ้าจะเข้าใจอะไร!”
พูดจบก็ปิดประตูเสียงดังแล้วเดินไปยังข้างกายหยางหวั่นช่วยเก็บเสื้อผ้าที่กองอยู่บนเตียงพลางเอ่ยขึ้น
“เจ้าอย่าได้ใส่ใจ เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นคนพูดอะไรตรงๆ ข้าไม่มีความหมายอื่นใด และไม่ได้บอกว่าผู้บัญชาการเติ้งไม่ดี ข้าก็แค่รู้สึกว่านี่ไม่คู่ควรสำหรับเจ้า”
หยางหวั่นหอบเสื้อผ้าที่พับซ้อนกันขึ้นมาใส่ไว้ในหีบไม้ หันไปยิ้มแล้วรับคำ “ข้ารู้”
ซ่งอวิ๋นชิงนั่งอยู่บนเตียง มองดูห้องที่ว่างเปล่าไปแล้วครึ่งหนึ่งพลางบอกว่า “อยู่กับเจ้ามาเกือบสองปีแล้ว ตอนเห็นเจ้าเข้ามาครั้งแรกข้ายังนึกอิจฉาเจ้า คิดอยู่ว่าเจ้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของหนิงเฟย พอเข้าวังมาก็เข้ากองงานพิธีการเสียแล้ว หัวหน้าเจียงกับหัวหน้ากองงานพระราชวังเหลียงก็ให้ความสำคัญกับเจ้า แน่นอนย่อมไม่เหมือนข้า วันหน้าเพียงรอพระเมตตาก็สามารถออกจากวังไปอยู่พร้อมหน้ากับคนในครอบครัว…เจ้าเองก็รู้ สตรีในวังมีเพียงเป็นนางข้าหลวงเท่านั้นจึงจะรอวันเช่นนั้นได้ บัดนี้เจ้าจะไปตำหนักเฉิงเฉียนแล้ว ฐานะนางข้าหลวงก็ไม่มีแล้ว คิดจะออกไปเกรงว่าคงต้องรอให้ฝ่าบาท…”
ประโยคหลังถือเป็นคำต้องห้าม คนของกองงานพิธีการรู้ธรรมเนียมมารยาท ย่อมไม่พูดออกจากปากง่ายๆ เป็นอันขาด
ซ่งอวิ๋นชิงเม้มปาก ช่วยหยางหวั่นพับเสื้อผ้าต่อไป
หยางหวั่นเดินไปข้างกายนางแล้วนั่งลง “เจ้ายังมีขี้ผึ้งทามืออยู่หรือไม่”
“ยังมีอยู่ เจ้าจะเอาหรือ”
“เอา”
ซ่งอวิ๋นชิงเอาขี้ผึ้งมา หยางหวั่นควักมาก้อนหนึ่งแล้วทาที่ข้อมือ จากนั้นก็ถอดกำไลหยกของตนออกมายื่นให้ซ่งอวิ๋นชิง
“ให้เจ้า”
ซ่งอวิ๋นชิงรีบบอกว่า “ไม่ได้ๆ หยกสกุลหยางของพวกเจ้าล้วนเป็นของล้ำค่าหายาก ข้าไม่อาจรับไว้ได้”
หยางหวั่นดึงมือนางมา “เช่นนั้นเจ้าก็คิดเสียว่าช่วยข้าเก็บเอาไว้ ถ้าวันหน้าข้าตกอับ ไม่แน่นี่อาจจะเป็นเงินช่วยชีวิตก้อนหนึ่ง”
ซ่งอวิ๋นชิงรับกำไลหยกมาอย่างลังเล “เจ้า…จะตกอับหรือ”
หยางหวั่นยิ้มๆ “เรื่องเช่นนี้ใครจะรู้ได้”
นางพูดจบก็ช่วยขยับปิ่นเงินบนมวยผมของซ่งอวิ๋นชิงให้ดีแล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง…
“อวิ๋นชิง อยู่ในวังเป็นนางข้าหลวงแม้จะมีหน้ามีตา แต่เจ้ากับข้าต่างรู้ว่าทำงานเหน็ดเหนื่อยเพียงไร เวลามีงานยุ่งข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้แล้ว เจ้าต้องดูแลตนเองให้ดี”
ซ่งอวิ๋นชิงฟังจบก็โอบกอดหยางหวั่น “เจ้าก็เช่นกัน นับตั้งแต่ถูกทรมานที่คุกหลวง สีหน้าของเจ้าก็ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน ผู้บัญชาการเติ้งมีอำนาจมีเงินทองแล้ว เจ้าก็อย่าปฏิบัติต่อตนเองอย่างขาดตกบกพร่อง เทียบกับเฉินฮว่าแล้วทุกวันนี้เขาเข้าออกราชสำนักฝ่ายในอย่างเป็นอิสระยิ่งกว่า โสมคนกบหิมะข้างนอก เจ้าอยากกินเท่าไรก็มีเท่านั้น ให้เขาซื้อให้เจ้าเสีย”