ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทที่ 10.1-10.2 – หน้า 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทที่ 10.1-10.2

บทที่ 10.2 สายลมเย็นที่เฮาหลี่

ถานเหวินเต๋อแบกหีบเดินตามหยางหวั่นไปยังตำหนักเฉิงเฉียน

เขาเป็นคนตรงไปตรงมา ปกติก็พูดมาก คราวนี้จึงถือโอกาสพูดจาตลกขบขัน ยั่วเย้าหยางหวั่นให้หัวเราะไปตลอดทาง

ถานเหวินเต๋อฉวยโอกาสที่หยางหวั่นเบิกบานใจ คิดจะเอ่ยถ้อยคำดีๆ แทนเติ้งอิงสักหลายคำ

“แม่นางหยาง”

“หืม?”

ถานเหวินเต๋อขยับหีบบนไหล่ตน “ท่านเคยไปดูเรือนของท่านผู้บัญชาการเราแล้วหรือยัง”

หยางหวั่นเดินไปพลางบอกไปพลาง “ยัง ได้ยินว่าท่านเป็นคนไปจัดการให้หรือ”

ถานเหวินเต๋อยิ้มแล้วบอกว่า “หรือมิใช่เล่า สถานที่แห่งนั้นทิศทางด้านหน้าก็ไม่เลว เพียงแต่รู้สึกว่าเล็กไปสักหน่อย คิดอยู่ว่าไม่ว่าอย่างไรท่านผู้บัญชาการก็ควรหาเรือนคั่นสองให้ตนเองสักหลัง เรือนคั่นเดียวนี่…ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ออกจะคับแคบไปสักหน่อย”

หยางหวั่นยิ้มแล้วบอกว่า “เรือนคั่นเดียวก็ดี ปลอดโปร่ง ยามเก็บกวาดก็ไม่เปลืองแรงมาก”

ถานเหวินเต๋อรีบบอกว่า “จะให้แม่นางเก็บกวาดได้อย่างไร วันหน้าเมื่อท่านกับท่านผู้บัญชาการของเราเข้าไปอยู่แล้ว มิใช่ต้องซื้อคนมาช่วยงานสักหลายคนหรือ”

หยางหวั่นหันหน้ามากล่าวยิ้มๆ “พวกท่านให้เขาซื้อคน เวลานี้ซื้อคนคนหนึ่งต้องใช้เงินเท่าไรหรือ”

“ต้องใช้เงินสิบกว่าตำลึง ทั้งยังต้องดูรูปร่างลักษณะอีกว่าเป็นอย่างไร”

หยางหวั่นยิ้มแล้วบอกว่า “แล้วผู้บัญชาการของพวกท่านเดือนหนึ่งได้เบี้ยหวัดเท่าไร”

“เอ่อ เรื่องนี้…” ถานเหวินเต๋อเกือบสะดุดล้มเมื่อได้ยินคำพูดประโยคนี้ เขาเอ่ยลากเสียง ลังเลอยู่ว่าควรเปิดเผยข้อเสียของเติ้งอิงต่อหน้าหยางหวั่นหรือไม่

กฎเกณฑ์ข้อห้ามที่เติ้งอิงมีต่อคนเหล่านี้มีเพียงขีดต่ำสุดอย่างเดียวคือไม่อาจทำร้ายชีวิตผู้คนตามใจชอบ ปกติแล้วจะไม่ขัดขวางเจ้าหน้าที่ในบังคับบัญชาเก็บ ‘เงินค่าดำเนินการ’ จากขุนนางกับราษฎร แต่ดูเหมือนว่าตัวเขาเองไม่เคยเรียกร้อง แม้จะรับมา แต่หลังจากนั้นก็จะเอาให้เจ้าหน้าที่สำนักบูรพาไปแบ่งกัน ผู้คนต่างบอกว่าสำนักกิจการฝ่ายในได้รับสิ่งของและเงินปูนบำเหน็จไม่น้อย แต่เมื่อถานเหวินเต๋อดูจากค่าใช้จ่ายการกินอยู่ของเติ้งอิงในยามปกติก็ดูท่าทางไม่เหมือนคนมีเงิน หลายวันที่ผ่านมาถานเหวินเต๋อกับเจ้าหน้าที่สำนักบูรพาหลายคนคิดจะช่วยเขาซื้อเครื่องเรือนและเครื่องตกแต่ง แต่พอเหล่าเจ้าหน้าที่เห็นว่าเติ้งอิงต้องการจะจ่ายเงินเอง มือไม้ก็ขยับไม่ค่อยออก

“เอ่อ…เบี้ยหวัดของท่านผู้บัญชาการราชสำนักฝ่ายในเป็นผู้จ่าย พวกเราไม่ค่อยรู้…”

หยางหวั่นกล่าวต่อ “เขาไม่มีเงินเท่าไร อีกทั้งเขาก็ไม่มีทางไปซื้อคนมาเป็นบ่าวให้เรียกใช้สอย”

“ใช่ ข้าไม่มีเงิน”

หยางหวั่นกับถานเหวินเต๋อได้ยินคำพูดประโยคนี้ต่างก็ตกตะลึง พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นเติ้งอิงกำลังเดินมาทางพวกเขา

วันนี้เขาไม่ได้สวมชุดขุนนาง เพียงสวมเสื้อหลันซานสีหยกเหมือนบัณฑิตทั่วไป เกล้าผมไว้บนศีรษะ ไม่ได้สวมหมวกผ้า

ถานเหวินเต๋อกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย กัดฟันพลางเอ่ยขึ้น “ผู้น้อยไม่ได้บอกว่าท่านผู้บัญชาการยากจน เพียงแต่…”

“ไม่ผิด ข้าในเวลานี้ยากจนยิ่ง”

“ไม่ใช่ ท่านพูดเช่นนี้…” ถานเหวินเต๋อถูกความจริงใจของเติ้งอิงทำเอาทึ่มทื่อไป จำต้องฝืนเปลี่ยนเรื่องพูด “ท่านไม่ใช่อยู่ที่ตำหนักเฉิงเฉียนหรือขอรับ เหตุใดถึงมาที่นี่แล้ว”

“อ้อ” เติ้งอิงรับคำแล้วม้วนแขนเสื้อขึ้น “ข้ามาดูว่าพอจะช่วยยกอะไรได้บ้างหรือไม่”

เจ้าหน้าที่ที่อยู่ด้านหลังถานเหวินเต๋อต่างส่งเสียงขึ้นมาพร้อมกัน “จะใช้แรงงานท่านได้อย่างไร”

หยางหวั่นยิ้มพลางบอกว่า “วันนี้ท่านสวมใส่เสื้อผ้าไม่เหมือนมาทำงาน”

เติ้งอิงกระชับชายแขนเสื้อ ยิ้มพลางมองหยางหวั่น “แล้วเหมือนอะไร”

หยางหวั่นบอก “เหมือนจะเข้าสนามสอบเคอจวี่ในฤดูใบไม้ร่วง”

เติ้งอิงหัวเราะออกมา “สำนักซุ่นเทียน* กำลังตั้งกระโจมสอบในระดับมณฑล อยากไปดูหรือไม่”

“กระโจมสอบหรือ” หยางหวั่นกล่าวอย่างสงสัย “เหตุใดเพียงตั้งกระโจมสอบ หรือว่าไม่ได้สร้างเฮ่าจื่อ”

เติ้งอิงฟังแล้วพยักหน้า “เดิมทีควรจะสร้าง แต่เมืองหลวงและกำแพงเมืองโดยรอบยังสร้างไม่เสร็จ เงินทองมีจำกัด ตอนนี้เราทำได้เพียงใช้ไม้กระดานกับเสื่อกกตั้งกระโจมสอบ ล้อมรอบด้วยพุ่มไม้เตี้ยที่มีหนาม ผู้คนต่างบอกว่าสนามสอบในเมืองหลวงสร้างดีสู้ร้านหนังสือที่อยู่โดยรอบยังไม่ได้”

นี่กลับทำให้หยางหวั่นเกิดความสนใจขึ้นมา “ร้านหนังสือที่อยู่บริเวณนั้นมีร้านอะไรบ้าง วันนี้ไปดูได้หรือไม่”

เติ้งอิงรับคำ “ข้าเอาป้ายงาช้างมาแล้ว พาเจ้าออกไปได้”

หยางหวั่นหันไปมองข้าวของของตนคราหนึ่ง ใบหน้าแฝงแววลังเล

ถานเหวินเต๋อเห็นเช่นนี้ก็รีบบอกว่า “ท่านออกไปกับท่านผู้บัญชาการของเราเถิด ของเหล่านี้ข้าจะมอบให้แม่นางเหออวี้ รับรองไม่เสียหาย”

หยางหวั่นคลี่ยิ้มแล้วบอกว่า “เช่นนั้นก็ได้…พวกท่านระวังหน่อยเล่า” พูดจบก็เดินไปถึงด้านข้างเติ้งอิงแล้วใช้ศอกสะกิดเขา “รีบไปๆ”

เติ้งอิงหันมามองหยางหวั่นคราหนึ่ง นางมีสีหน้าสดใส ดวงตาเป็นประกายแวววาว

พูดไปแล้วตั้งแต่คดีเรือนเฮ่อจวีจนถึงวันนี้ เขาไม่ได้เห็นหยางหวั่นยิ้มแย้มเช่นนี้นานมากแล้ว

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 1-3

บทที่ 1 แค้นเก่า หวงหร่างกลายเป็นเผือกร้อนหัวหนึ่ง ผู้เก่งกล้าจากสำนักเซียนหลายคนฝ่าฟันอันตรายลักพาตัวนางออกมาด้วยความยา...

ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน

ทดลองอ่าน ลำนำฝูหรงเคียงกระเรียน บทนำ-บทที่ 1.2

บทนำ บนโลกนี้มีการเดินทางข้ามกาลเวลาที่สมบูรณ์แบบอยู่หรือไม่ น่าจะมีอยู่ หยางหวั่นก็คือคนโชคดีที่ได้เดินทางข้ามกาลเวลาคร...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 4-6

บทที่ 4 แป้งชาด ตอนตี้อีชิวกลับถึงกองเสวียนอู่ก็เป็นยามอิ๋นแล้ว ถึงอย่างไรท้องฟ้าก็กำลังจะสว่าง เขาจึงมิได้นอนอีก ตัดสิน...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ห้วงฝันบันดาลรัก บทที่ 7-9

บทที่ 7 กิเลส หิมะแรกหลังย่างเข้าฤดูเหมันต์มาเยือนเมืองหลวง หิมะแรกเล็กละเอียด จากนั้นก็ค่อยๆ รุนแรงขึ้น ปกคลุมไปทั่ววัง...

community.jamsai.com