“ท่านกับพี่ชายข้าใครเรียนหนังสือเก่งกว่ากัน”
เติ้งอิงยิ้มแต่ไม่ตอบ
ขณะพูดคุยกันอยู่นั้น หลงจู๊ในร้านด้านหน้าก็ออกมาต้อนรับ เห็นหยางหวั่นกับเติ้งอิงยืนอยู่ไม่ห่างจากแผงขายตัวอย่างข้อสอบจึงเอ่ยขึ้น
“ทั้งสองท่านคงมาดูหนังสือสอบเคอจวี่กระมัง”
เติ้งอิงตอบว่า “ใช่ จะพา…”
ชั่วขณะนั้นเขาไม่รู้จะเรียกหยางหวั่นว่าอย่างไร แต่กลับไม่คาดคิดว่าหยางหวั่นจะกล่าวต่อไปว่า “ท่านพี่จะพาข้าเข้ามาเดินดู”
หลงจู๊เพียงเห็นว่าคนทั้งสองเป็นสามีภรรยาที่มีการศึกษาท่าทางสุภาพสง่างามจึงเอ่ยว่า “ฮูหยินก็เรียนหนังสือด้วยหรือ”
“ใช่แล้ว พอรู้จักตัวอักษรไม่กี่ตัวเท่านั้น”
“ท่านพูดเช่นนี้เป็นการถ่อมตนแล้ว เชิญพวกท่านเข้ามาดูเถิด”
หยางหวั่นประคองแขนเติ้งอิงเดินเข้าไปในห้องโถง เห็นหนังสือที่ร้านชิงปอก่วนตีพิมพ์ทั้ง ‘ซีโหยวจี้’ ‘บันทึกประวัตินครรัฐ’ ‘รวมความคิดเห็นพงศาวดารสามก๊ก’ ‘รวมความคิดเห็นพงศาวดารสุ่ยหู่จ้วน’ ‘พงศาวดารแคว้นจิ้นตะวันออกและจิ้นตะวันตก’ ‘พงศาวดารฮั่นตะวันตก’ ซึ่งฉบับที่ตีพิมพ์บางเรื่องยังคงเก็บรักษามาจนถึงยุคปัจจุบัน
หยางหวั่นหยิบ ‘ซีโหยวจี้’ เล่มหนึ่งมาพลิกเปิดดูแล้วเอ่ยถามไปเรื่อยเปื่อย “ในโรงพิมพ์ของพวกท่านยังมีแม่พิมพ์ของหนังสือเล่มนี้หรือไม่”
หลงจู๊บอกว่า “ฮูหยินถามเช่นนี้จะทำการค้ากับพวกเรากระมัง”
หยางหวั่นจับเส้นผมไปทัดไว้ที่หู มองเติ้งอิงคราหนึ่งยิ้มๆ แต่ไม่ได้พูด
หลงจู๊เข้าใจว่าหยางหวั่นสุขุมรอบคอบ รอให้ตนแสดงท่าทีก่อน จึงรีบบอกว่า “เถ้าแก่ของเราทำลายแม่พิมพ์ของหนังสือเล่มนี้ไปแล้ว ทว่ายังมีที่ตีพิมพ์อีกฉบับหนึ่ง ตอนนี้ยังเก็บแม่พิมพ์ไว้อยู่ เถ้าแก่ของเราจะเก็บแม่พิมพ์ก็ต้องดูว่าเขาชอบหรือไม่ชอบแม่พิมพ์นั้น หนังสือบางเล่มแม้จะขายดี แต่ก็จนใจที่เถ้าแก่ของเราไม่ชอบแม่พิมพ์ สุดท้ายก็ต้องเผาทิ้ง”
“อ้อ เช่นนั้นเถ้าแก่ของพวกท่านจะต้องเป็นคนพิถีพิถันคนหนึ่ง”
“หรือมิใช่เล่า” หลงจู๊บอกอย่างภาคภูมิใจ “ที่ร้านชิงปอก่วนเราสามารถเทียบเคียงกับร้านควนฉินถังได้ไม่ใช่เพราะเถ้าแก่ของเราเป็นจวี่เหรินปัญญาชนที่แท้จริงหรือ”
หยางหวั่นปิดหนังสือ “แล้วแม่พิมพ์ ‘จดหมายถึงจื่อซีช่วงท้ายปีกุ่ยโฉ่ว’ ยังอยู่หรือไม่”
หลงจู๊บอกว่า “ท่านถามถึงแม่พิมพ์ของบทความนี้ ข้าก็รู้แล้วว่าท่านมีความรู้ เถ้าแก่ของเราชอบบทความนี้มาก แม่พิมพ์นั่นเขาควบคุมการแกะแม่พิมพ์ด้วยตนเอง แม้ผู้เขียนบทความนี้จะเป็นผู้มีความผิดและเวลานี้บทความนี้ก็ไม่อาจพิมพ์ได้แล้ว แต่เถ้าแก่เก็บแม่พิมพ์นั่นมาโดยตลอด”
“พวกเราขอดูจะได้หรือไม่”
“เรื่องนี้…” หลงจู๊มีท่าทีลังเล
หยางหวั่นบอกว่า “ท่านอย่าเข้าใจผิด ในเมื่อเถ้าแก่ของพวกท่านควบคุมการแกะแม่พิมพ์ด้วยตนเอง นั่นย่อมเป็นแม่พิมพ์ที่ดีที่สุด ข้าก็แค่อยากดูแม่พิมพ์ที่ดีที่สุดของร้านหนังสือของพวกท่านว่าเป็นอย่างไร”
หลงจู๊ได้ยินนางกล่าวเช่นนี้สีหน้าก็ผ่อนคลายลง
“ได้ ท่านนั่งก่อน ในโรงพิมพ์ของเรากำลังรับรองแขกสำคัญ เกรงว่าจะล่วงเกิน ข้าจะเข้าไปดูให้ท่าน ถ้าไม่ติดขัดอะไรข้าค่อยมาพาท่านเข้าไป”
“ได้”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 29 ก.ค. 68