“อิฐหินดินไม้ก็สอนคนได้ ใช่ความหมายนี้หรือไม่”
“อืม คำพูดเช่นนี้ท่านอาจารย์ก็เคยพูดกับข้า”
หยางหวั่นพยักหน้า “ท่านอาจารย์จางช่างดีเสียจริง ถ้าเขายังอยู่ข้าจะต้องปรนนิบัติเขาให้ดี ขอให้เขาวางใจมอบศิษย์รักของเขาให้ข้า”
นางพูดจบก็ทุบหัวเข่าที่ปวดเมื่อยเล็กน้อย จี้หยกฝูหรงที่เอวกระทบกันส่งเสียงดังกังวานขึ้นมา
นางบอกว่าจะไปขอให้ท่านอาจารย์มอบข้าให้นาง
เติ้งอิงคิดตามคำพูดนี้ก็พลันนึกถึงหยกประดับสีเขียวแกะลายดอกฝูหรงที่ไป๋ฮ่วนมอบให้เขาที่อารามก่วงจี้ขึ้นมา
หลังจากจางจั่นชุนเสียชีวิต เขาไม่กล้าดูหยกประดับชิ้นนั้นมาโดยตลอด นั่นเป็นความหวังที่จางจั่นชุนมีต่อเขา แต่เขาไม่กล้ารับ
“เติ้งอิง”
“หืม?”
“ท่านเห็นท่านอาจารย์จางเป็นบิดาของท่านใช่หรือไม่”
“ใช่”
“อืม ดี” หยางหวั่นพูดแล้วเม้มปากยิ้มนัยน์ตาโค้งให้เขา
เติ้งอิงอดถามไม่ได้ “ดีอะไรหรือ”
หยางหวั่นบอกว่า “ไม่รู้ วันหน้าท่านต้องพาข้าไปคารวะเขา”
ขณะที่ทั้งสองพูดคุยกันอยู่พลันได้ยินเหออวี้ร้องเรียกอยู่ข้างล่าง “หยางกูกู เหตุใดท่านก็ขึ้นไปด้วยเล่า”
“อ้อ…” หยางหวั่นชะโงกหน้าลงไป “ข้าขึ้นมารับลม”
เหออวี้กวักมือเรียกนางด้วยท่าทีอับจนปัญญา “ท่านลงมาเถิด จะตั้งอาหารแล้ว”
หยางหวั่นยืนขึ้นอย่างเงอะงะ “เจ้าปรนนิบัติองค์ชายเสวยก่อนเถิด”
“องค์ชายไม่ทรงยอม พระองค์ทรงรอท่านมากินด้วยกัน”
“อ้อ เช่นนั้นข้าจะลงไปเดี๋ยวนี้”
เติ้งอิงรีบประคองหยางหวั่นพลางถามเสียงอ่อนโยน “องค์ชายทรงอนุญาตให้เจ้ากินอาหารด้วยกันกับพระองค์หรือ”
หยางหวั่นยืนอยู่ข้างชายคาย้อนนึกอยู่ครู่หนึ่ง “เมื่อก่อนไม่ทรงอนุญาต ภายหลัง…ไม่รู้อย่างไรก็ทรงอนุญาตแล้ว”
เติ้งอิงพยักหน้ายิ้มๆ ไม่ได้พูดอะไรอีก
หยางหวั่นปัดฝุ่นบนจมูกของเติ้งอิง “เติ้งเสี่ยวอิง ท่านอย่าคิดอะไรเหลวไหลอยู่บนหลังคาห้องข้าเล่า”
“ข้าไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น”
“เป็นไปไม่ได้ ท่านดูแล้วไม่เบิกบานใจแม้แต่น้อย”
เติ้งอิงก้มหน้าหลบสายตาหยางหวั่น “หวั่นหวั่น ต่อไปภายภาคหน้าเจ้าจะเป็นสตรีที่สูงศักดิ์ยิ่ง”
“ถึงกระนั้นข้าก็จะยังเคารพท่าน” นางพูดจบก็ไม่ให้เวลาเขาได้ไตร่ตรองคำพูดประโยคนี้อย่างละเอียด เพียงเอ่ยเสียงสูงขึ้น “วันนี้อยู่กินอาหารกับข้าเถิด อย่ากลับไปทุกข์ยากลำบากที่สำนักกิจการฝ่ายในเลย”
“ช้าก่อน…หวั่นหวั่น เมื่อยามกลางวันข้ากินบะหมี่แล้ว…” พูดจบก็รู้สึกว่าคำพูดนี้จะทำให้หยางหวั่นเข้าใจผิด จึงรีบกล่าวต่อ “แต่ข้าก็ยังอยากกินบะหมี่อีก”
หยางหวั่นมองท่าทางของเขาแล้วเอามือปิดปากหันหลังไปหัวเราะอย่างหยุดไม่ได้ ขณะที่เติ้งอิงกลับมีท่าทีไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“หวั่นหวั่น…”
หยางหวั่นหันกายมาโบกมือบอกว่า “วางใจได้ แต่อย่ากินบะหมี่ดีกว่า ท่านไปที่ห้องข้านั่งรอสักครู่ ข้าจะให้ห้องครัวต้มโจ๊กให้”
(ติดตามต่อได้ในรูปแบบฉบับเต็มได้ในเดือนสิงหาคม 2568)