“เสด็จพ่อทรงตำหนิ ในฐานะขุนนางในฐานะบุตรสมควรต้องยอมรับ ไม่จำเป็นต้องให้บ่าวคนหนึ่งมาพูดมาก” เขาพูดจบก็ยกชายเสื้อขึ้นแล้วคุกเข่าลง “เสด็จพ่อ หยางจิงที่ตำหนักเหวินหวาเป็นสหายร่วมเรียนและเป็นท่านน้าชายของกระหม่อม หากเขามีความผิดจริง เช่นนั้นกระหม่อมก็คงถูกเขาล่อลวงไปนานแล้ว กระหม่อมประหวั่นใจยิ่ง ขอเสด็จพ่อโปรดทรงให้ความกระจ่างด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เจินหนิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวเสียงต่ำ “เจ้ามาวันนี้เพราะคิดจะช่วยพี่น้องของมารดาเจ้าให้หลุดพ้นจากความผิดหรือ”
องค์ชายอี้หลางเหยียดกายขึ้นตรง “ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้รับการอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เล็ก ท่านอาจารย์ทั้งหลายต่างบอกว่ากฎหมายบ้านเมืองจะต้องทำให้ใต้หล้าประจักษ์ถึงความชอบความผิดอย่างชัดเจน แต่กองเจิ้นฝู่เหนือกระทำการโดยไม่ระบุสาเหตุ กระหม่อมเห็นว่าทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง”
หยางหวั่นยืนอยู่ข้างหลังองค์ชายอี้หลาง ตั้งใจฟังคำพูดเหล่านี้จนจบโดยไม่พลาดแม้แต่คำเดียว
นางเงยหน้าขึ้นสบตากับเติ้งอิง
เติ้งอิงไม่ได้ปริปาก แต่บนใบหน้ากลับมีรอยยิ้มแฝงอยู่จางๆ
ยามนี้หยางหวั่นจึงเข้าใจขึ้นมาแล้วว่าเพราะเหตุใดเติ้งอิงถึงให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้มากเพียงนี้
เหล่าแม่ทัพทหารปรารถนาให้ใต้หล้าสงบสุข ส่วนปัญญาชนปรารถนา ‘การเมืองที่มีกฎเกณฑ์มีระเบียบแบบแผน’
ความสงบสุขของใต้หล้าสามารถพึ่งพาแม่ทัพที่เก่งกาจ แต่ ‘การเมืองที่มีกฎเกณฑ์มีระเบียบแบบแผน’ จำเป็นต้องมีฮ่องเต้ที่ทรงพระปรีชาพระองค์หนึ่ง
เขาไม่จำเป็นต้องมีความเมตตากรุณามากนัก เพียงต้องสังหารปราบปรามอย่างเหมาะสม ไม่โหดร้ายทารุณ แต่ก็ต้องไม่ใจอ่อนกับใครอย่างเด็ดขาด
“อี้หลาง”
“กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เอ่ยเสียงแหบพร่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้าพูดอะไรกับเรา”
“กระหม่อมทราบดี กระหม่อมล่วงละเมิดเสด็จพ่อ ขอเสด็จพ่อโปรดทรงลงโทษ แต่ก็ขอให้เสด็จพ่อโปรดทรงให้ความกระจ่างแก่กระหม่อม กระหม่อมโตแล้ว ต้องการเป็นคนที่ชัดเจนกระจ่างแจ้งพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้เจินหนิงก้มหน้ามององค์ชายอี้หลางที่คุกเข่าหมอบอยู่บนพื้นเงียบๆ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงบอกว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้เราอนุญาตให้เจ้าเรียกกองเจิ้นฝู่เหนือมาถาม”
“กระหม่อมขอบพระทัยเสด็จพ่อ”
“ออกไปเถิด”
หยางหวั่นเดินตามองค์ชายอี้หลางออกจากตำหนักหยั่งซิน เพิ่งเดินลงมาจากหน้ามุข องค์ชายอี้หลางก็จับจูงมือหยางหวั่น
“ท่านน้า ต่อไปข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านถูกลบหลู่ข่มเหงอีก”
หยางหวั่นจูงมือเขาเดินไปทางตำหนักเฉิงเฉียน เดินไปพลางบอกไปพลาง “พระองค์ทรงยังเล็ก บ่าวจะปกป้องพระองค์ให้ดีเพคะ”
องค์ชายอี้หลางเงยหน้าขึ้นบอกว่า “ท่านน้าไม่เชื่อข้าหรือ”
หยางหวั่นหยุดฝีเท้า “บ่าวกลัวพระองค์จะทรงใช้ชีวิตอย่างไม่มีความสุข”
องค์ชายอี้หลางบอกว่า “ตอนท่านกลับมาจากคุกหลวง เสด็จแม่เคยบอกข้าว่าท่านช่วยชีวิตข้าและเสด็จแม่เอาไว้ ข้าจดจำมาโดยตลอด ข้าถูกเสด็จพ่อคุมขังที่ตำหนักอู่อิง ในช่วงเวลานั้นท่านน้าก็คอยดูแลข้าตลอดเวลา ท่านน้า ข้าไม่ได้ปกป้องเสด็จแม่ให้ดี แต่ข้าจะต้องปกป้องท่านให้ได้ ท่านน้า รอข้าโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะไม่ให้ท่านเป็นบ่าวอีก”
หยางหวั่นยิ้มพลางเอื้อมมือไปจัดเสื้อด้านหน้าขององค์ชายอี้หลางให้เรียบร้อย
ในใจนางขัดแย้งอย่างที่สุด ด้านหนึ่งนางหวังให้เขาเติบโตเร็วสักนิด ทำให้ความปรารถนาของเติ้งอิงกับหยางหลุนเป็นความจริง
อีกด้านหนึ่งก็หวังให้เขาอย่าเติบโตขึ้น เพื่อให้คนผู้นั้นได้มีชีวิตอยู่ต่อไป