หวังเหยียนชิงพยักหน้า ไม่ได้ก้าวก่ายการตัดสินใจของนาง เงินห้าสิบตำลึงอยู่ในนครหลวงไม่นับเป็นอะไร อาจจะเทียบกับเงินค่าอาหารมื้อหนึ่งของคนอย่างลู่เหิงไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่สำหรับชาวบ้านทั่วไป เงินจำนวนนี้เพียงพอที่จะช่วยให้พวกเขาไม่ต้องลำบากเรื่องปากท้องไปชั่วชีวิต
เงินห้าสิบตำลึงพอที่จะเลี้ยงดูเฝ่ยชุ่ยไปชั่วชีวิตได้พอดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นชักนำภัยถึงตายมาสู่ตัว หากให้มากกว่านี้ย่อมเป็นการทำร้ายนาง
บางทีจุดอ่อนของคนเราก็อยู่ตรงนี้กระมัง เฝ่ยชุ่ยถูกคนในครอบครัวขาย แต่พอนางได้รับอิสระยังคงอยากกลับไปหาคนในครอบครัว หวังเหยียนชิงไม่แสดงความเห็นในเรื่องนี้ เพียงแต่เตือนนางว่า “เช่นนั้นเจ้าต้องดูแลตนเองให้ดี อย่าบอกใครเด็ดขาดว่าเจ้ามีเงินอยู่เท่าไร ต่อให้เป็นญาติใกล้ชิดทางสายเลือดก็ไม่ได้”
เฝ่ยชุ่ยผงกศีรษะ “ขอบคุณแม่นาง บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
หวังเหยียนชิงรู้สึกเศร้าใจอย่างยากจะอธิบาย แต่ยังคงฉีกยิ้มออกมา บอกนางว่า “นับแต่นี้ไปเจ้าไม่ต้องแทนตนเองว่า ‘บ่าว’ อีกแล้ว ความเคยชินเหล่านี้ต้องค่อยๆ แก้ไขเสียล่ะ”
เฝ่ยชุ่ยยิ้มรับคำ แสงตะวันสาดส่องตรงหน้าต่างราวกับเวลาได้ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่พวกนางสองคนอยู่ร่วมกันอย่างสนิทสนม พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง เฝ่ยชุ่ยเก็บสัญญาขายตัวและเอกสารเรียบร้อยแล้ว ลังเลอยู่หลายครั้งสุดท้ายยังคงรวบรวมความกล้าถามออกไป “แม่นาง หลังจากนี้ท่านวางแผนว่าอย่างไรหรือ”
“หลังจากนี้?” หวังเหยียนชิงมองประกายสีทองที่ขยับไหวใต้แสงแดด แววตาเหม่อลอยอยู่บ้าง “ไม่รู้สิ แต่ได้ยินว่าสองวันนี้ประตูเมืองเปิดแล้ว บางทีข้าอาจจะกลับไปเยือนบ้านเกิดเหมือนกันกระมัง”
เฝ่ยชุ่ยทำท่าจะพูดและเงียบไป สุดท้ายก็ถามเสียงค่อย “แม่นางจะไม่อยู่ที่นี่หรือ”
หวังเหยียนชิงยิ้มพลางส่ายหน้า หลุบตาจ้องลวดลายบนกระโปรงที่งดงามจนดูไม่เหมือนจริง ตอบเสียงแผ่ว “เวลาสองปีข้ายังดูไม่ออกว่าเขาหลอกข้าอยู่ ใครจะรู้ว่าการกระทำในตอนนี้ของเขาเป็นเรื่องจริงหรือหลอกลวงเล่า”
เฝ่ยชุ่ยขยับริมฝีปากเหมือนอยากจะพูดอะไร แต่คำพูดมาถึงปากแล้วยังคงล้มเลิกความคิด นางเผยสีหน้าเบิกบาน จงใจเอ่ยกับหวังเหยียนชิงด้วยน้ำเสียงร่าเริง “แม่นาง ท่านเป็นคนอ่อนโยน จิตใจดีงาม หนักแน่นเฉลียวฉลาด บุรุษคนใดได้แต่งท่านเป็นภรรยานับเป็นบุญวาสนาที่พวกเขาสั่งสมมาสามชาติ ท่านจะต้องได้พบบุรุษที่ท่านถูกใจอย่างแน่นอน”
เฝ่ยชุ่ยเอ่ยชมหวังเหยียนชิงโดยไม่ได้ใช้ถ้อยคำไพเราะสละสลวยอะไร นางรู้ว่าสิ่งที่หวังเหยียนชิงให้ความสำคัญอย่างแท้จริงคือสิ่งใด หวังเหยียนชิงเพียงระบายยิ้มเท่านั้น มิได้ตอบคำ
รอจนเฝ่ยชุ่ยจากไปแล้ว รอยยิ้มในดวงตาของหวังเหยียนชิงก็หายวับไปโดยเร็ว นางเดินไปตรงหน้าต่าง เหมยแดงเมื่อหลายวันก่อนกิ่งนั้นเหี่ยวแห้งแล้ว ปักอยู่ในแจกันอย่างโดดเดี่ยว หวังเหยียนชิงแค่แตะเบาๆ ก็มีเศษเล็กเศษน้อยร่วงลงมามากมาย
หวังเหยียนชิงถอนหายใจในใจ เงยหน้าขึ้นมองไปยังแสงตะวันเจิดจ้านอกหน้าต่าง
ฟู่ถิงโจวไปแล้ว เฝ่ยชุ่ยก็จะไปแล้ว ต่อไปก็เหลือนางเพียงคนเดียว
เฝ่ยชุ่ยดีร้ายอย่างไรก็ยังกกกอดความหวังในการไปตามหาญาติพี่น้อง ทว่าหวังเหยียนชิงเล่า นางจะไปหาใครได้
สายสืบรายงานสถานการณ์ล่าสุดของหวังเหยียนชิงกลับมายังจวนสกุลลู่ ลู่เหิงพลิกดูบทสนทนาระหว่างนางกับเฝ่ยชุ่ย ยิ่งดูสีหน้าก็ยิ่งหนักอึ้ง
รอจนอ่านข้อความทั้งหมดจบ เขากดหว่างคิ้วเผยสีหน้าปวดหัวอย่างที่ไม่ได้พบเห็นมานานแล้ว
โลกนี้มีน้อยสิ่งนักที่จะทำให้เขารู้สึกลำบากใจ ไม่รู้จะจัดการเช่นไร กำจัดฟู่ถิงโจวไปแล้วไม่ได้หมายความว่าตัวเขาเองจะปลอดภัย
เดิมทีลู่เหิงคิดว่าหวังเหยียนชิงแค่วู่วามชั่วขณะ รอให้นางหายโกรธเมื่อไร เรื่องราวยังคงแก้ไขได้แน่นอน ทว่านางกลับตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะจากไป
แน่นอนว่าลู่เหิงไม่อาจปล่อยให้นางจากไปได้ เขารู้ดีทีเดียวว่าระยะห่างส่งผลต่อความสัมพันธ์อย่างไรบ้างเมื่อพ้นไปจากสายตา ต่อให้ความรักลึกซึ้งเพียงใดก็ต้องถูกลืมเลือนไปทีละนิด ทว่าลู่เหิงไม่อาจออกหน้าขัดขวางได้ หาไม่แล้วละครที่เขาแสดงมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ย่อมสูญเปล่า
ถึงขั้นได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม…
ลู่เหิงขบคิดเรื่องของหวังเหยียนชิงตลอดทั้งคืน จนกระทั่งดึกดื่นจึงเข้านอน แต่เขาเพิ่งดับไฟได้ไม่นาน ข้างนอกก็พลันมีเสียงฝีเท้าเร่งร้อนลอยมา องครักษ์ไม่สนใจว่าจะเป็นการเสียมารยาทหรือไม่ ทุบประตูดังปังๆ “ใต้เท้า เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับ!”
* อักษรหวัง (王) มีลักษณะคล้ายลายบนหน้าผากเสือ
* เหรินอิ๋น คือปีขาลธาตุน้ำ ใช้การนับปีโดยแผนภูมิสวรรค์ คือระบบเลขฐาน 60 แบบวนรอบที่เขียนด้วยอักษรจีน ซึ่งประกอบด้วยส่วนย่อย 2 ส่วน ได้แก่ ภาคสวรรค์ เรียกว่า ‘ราศีบน’ มี 10 ตัวอักษร และภาคปฐพี เรียกว่า ‘ราศีล่าง’ มี 12 ตัวอักษร อักษรภาคสวรรค์และภาคปฐพีสามารถนำมาจับคู่กัน จะได้เป็นอักษรคู่ทั้งหมด 60 คู่ ซึ่งแสดงถึงปีนักษัตรและธาตุได้
* ต้มกบในน้ำอุ่น เป็นการอุปมาว่าคนเรามักไม่ตระหนักถึงภัยคุกคามหรืออันตรายที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ ดังเช่นกบเมื่อถูกนำไปต้มในน้ำที่ไม่ร้อนและค่อยๆ เพิ่มความร้อนทีละนิด กบจะถูกต้มจนสุกโดยไม่รู้ตัวและไม่ได้กระโดดหนีออกมา
* รักคนผู้หนึ่งย่อมรักอีกาบนหลังคาบ้านเขาด้วย เป็นสำนวนจีน หมายถึงเมื่อรักคนผู้หนึ่งแล้วก็จะรักและใส่ใจในทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคนผู้นั้นด้วย
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 11 ก.ย. 66 เวลา 12.00 น.