ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ลูบคมองครักษ์สวมรอย บทที่ 108
ลู่เหิงส่ายหน้า เสียงหัวเราะเบายิ่งถูกเปล่งออกมาจากโพรงอก “มีองค์ชายสามพระองค์กลับมิอาจลงมือได้ อย่างไรก็คงไม่อาจกล่าวหาว่ามารดาบังเกิดเกล้าขององค์ชายทั้งสามเป็นกบฏกระมัง การทำเช่นนี้โจ่งแจ้งเกินไป องค์ชายทั้งสามใครจะเป็นอาชาพันหลี่ยังไม่อาจรู้ แต่องค์หญิงใหญ่กลับได้รับความโปรดปรานมากที่สุดอย่างแท้จริง ฝ่าบาทเองก็ทรงเป็นเพราะองค์หญิงใหญ่จึงได้เสด็จไปวังของเฉาตวนเฟยบ่อยครั้ง หากสามารถอุ้มองค์หญิงใหญ่ไปได้ ไยต้องกังวลว่าตนเองจะให้กำเนิดพระโอรสไม่ได้เล่า”
หวังเหยียนชิงฟังเข้าใจแล้ว แต่เนิ่นนานที่มิอาจทำใจยอมรับ ฟางฮองเฮาฐานะสูงศักดิ์เป็นถึงฮองเฮาแต่กลับไร้บุตร นางเป็นคนที่เข้าวังมาเป็นกลุ่มแรก หลายปีมานี้ได้เห็นคนข้างกายตั้งครรภ์คนแล้วคนเล่า มีเพียงนางคนเดียวที่ไม่มีความเคลื่อนไหว จิตใจจะไม่บิดเบี้ยวได้อย่างไร ฮองเฮาทั้งสองพระองค์ก่อนหน้านี้ล้วนถูกปลดเพราะไร้บุตร ฟางฮองเฮาไม่มีทั้งความรักใคร่โปรดปรานจากฮ่องเต้ และไม่มีการสนับสนุนจากวงศ์ตระกูล หากนางไม่มีบุตรย่อมอยู่ไม่ไกลจากการถูกปลดแล้ว
บัดนี้ฮ่องเต้มีสามโอรสหนึ่งธิดา องค์ชายทั้งสามดูเหมือนจะสูงศักดิ์ แต่การวางเดิมพันในตอนนี้ยังเร็วเกินไป ต่อให้ฟางฮองเฮาโค่นล้มมารดาบังเกิดเกล้าขององค์ชายองค์หนึ่งได้และอุ้มเด็กมาเลี้ยงดูเองก็ไม่แน่ว่าอาจเป็นการตัดชุดแต่งงาน* ให้ลูกคนอื่น ในสถานการณ์นี้องค์หญิงใหญ่กลับมีประโยชน์มากที่สุด ฮ่องเต้รักใคร่เอ็นดูองค์หญิงใหญ่มาก หากมีองค์หญิงใหญ่อยู่ข้างกาย ฮ่องเต้เสด็จมาวังคุนหนิงบ่อยๆ ฟางฮองเฮายังต้องกลัวว่าตนจะไม่มีบุตรหรือ
ฉะนั้นฟางฮองเฮาจึงรีบร้อนสังหารเฉาตวนเฟยผู้เป็นมารดาบังเกิดเกล้าขององค์หญิงใหญ่อย่างทนรอไม่ไหว ทั้งได้กำจัดพระชายาคนโปรดและยังได้เด็กมาคนหนึ่ง หนึ่งการกระทำได้ผลลัพธ์ถึงสองอย่าง ส่วนหวังหนิงผินน่าจะเป็นเพราะในอดีตเคยบาดหมางกับฟางฮองเฮาจึงเป็นที่ระบายอารมณ์ของฟางฮองเฮาเท่านั้น
หวังเหยียนชิงจิตใจหนักอึ้ง ลู่เหิงตบๆ หลังมือนาง ปลอบว่า “ไม่ต้องกังวล ในเมื่อข้าเป็นคนพาเจ้าเข้าวังก็จะต้องรับเจ้าออกมาอย่างปลอดภัยแน่นอน”
ลู่เหิงเบียดมาข้างกายหวังเหยียนชิงอย่างแนบเนียนอีกครั้ง หญิงสาวรู้สึกได้ แต่คำมั่นสัญญาในถ้อยคำของเขาจริงจังเกินไปจนทำให้นางมิอาจแข็งใจผลักเขาออก แม้ลู่เหิงมักบอกว่าตนเองไม่ใช่คนดี แต่ในแง่ของบุรุษ เขากลับไม่มีที่ติ
นี่คือคนเลวที่มีความรับผิดชอบคนหนึ่ง
หวังเหยียนชิงแค่สงสัยเจตนาของเขาเท่านั้น แต่กลับไม่เคยสงสัยเรื่องความปลอดภัยของตนเอง นางเชื่อว่าลู่เหิงไม่มีทางทอดทิ้งไม่ไยดีนาง ย้อนคิดถึงสองปีที่ผ่านมา นอกจากโกหกนางตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว เรื่องอื่นเขาไม่เคยผิดต่อนางมาก่อน
ทว่าเขาดีต่อนางได้ก็ย่อมดีต่อสตรีอื่นได้เช่นกัน แม้กระทั่งความจริงเขายังไม่ยอมพูดกับนาง แล้วนางจะกล้ามอบทั้งชีวิตให้เขาได้อย่างไร ตัวหวังเหยียนชิงเองไม่ได้มีสิ่งใดเหนือกว่าผู้อื่น วันข้างหน้าย่อมมีสตรีที่อ่อนเยาว์กว่า งดงามกว่านางอีกมากมาย หากเขามีใจเป็นอื่น แอบเลี้ยงดูคนไว้ข้างนอกก็จะสามารถหลอกนางจนสับสนได้เช่นกันใช่หรือไม่
หวังเหยียนชิงรู้สึกว่าตนเองยังคงเป็นกบที่ถูกต้มในน้ำอุ่น ดิ้นรนแต่ในขณะเดียวกันก็ด้านชา นางถาม “วันนี้เหตุใดท่านจึงตั้งตัวเป็นศัตรูกับฟางฮองเฮา”
“มิใช่ตั้งตัวเป็นศัตรู” ลู่เหิงแย้ง “ข้ากำลังถามแทนฝ่าบาทต่างหาก เนื้อเน่าย่อมกลายเป็นหนอง พระทัยของฮ่องเต้ช้าเร็วก็ต้องเกิดความตะขิดตะขวง มิสู้พูดออกมาให้แจ่มแจ้งโดยเร็ว ดึงตัวข้าเองออกมาก่อน”
ดังนั้นตอนที่หวังเหยียนชิงถามถึงภูมิลำเนาของนางกำนัล ลู่เหิงจึงจงใจพูดว่านี่เป็นการหาเบาะแสอย่างหนึ่ง ทำให้จิตใจของฟางฮองเฮากับสวีสี่เยวี่ยปั่นป่วน เมื่อพวกนางประหม่าย่อมเกิดข้อผิดพลาด พอเกิดข้อผิดพลาด หวังเหยียนชิงย่อมจับผิดได้
หวังเหยียนชิงก้มหน้าลง ใคร่ครวญคำว่า ‘เนื้อเน่าย่อมกลายเป็นหนอง’
ลู่เหิงรู้สึกได้ว่าความคิดของนางล่องลอยออกไป ไม่แน่ใจนักว่าจะพูดออกไปเลยดีหรือไม่ แต่สุดท้ายยังคงตัดสินใจทำตามความรู้สึกของตนเอง “ข้ารู้ว่าเจ้าเองก็มีความตะขิดตะขวงใจกับข้า ระหว่างพวกเราเพิ่งเกิดเนื้อเน่า หรือว่าเน่าเฟะจนกลายเป็นหนองไปแล้ว”
“มีอะไรแตกต่างกันเล่า”
“ไม่แตกต่างอันใด เพราะไม่ว่าใหญ่หรือเล็กข้าก็จะขูดเนื้อเน่าส่วนนั้นออกมาให้หมด” ลู่เหิงตัดสินใจเลิกเสแสร้ง กางแขนโอบกอดหวังเหยียนชิง วางคางบนศีรษะนาง “บางครั้งข้าก็เข้าใจความนึกคิดจิตใจของฟางฮองเฮาเหมือนกัน ความริษยาเป็นพลังที่น่ากลัวมากอย่างหนึ่ง สามารถบงการคนให้ทำเรื่องที่คิดไม่ถึงได้มากมาย ข้าอยากเคารพการตัดสินใจของเจ้า แต่จนแล้วจนรอดข้าก็ไม่เต็มใจที่จะปล่อยเจ้าไป การหลอกเจ้าเป็นความผิดข้า ไม่ว่าจะมีเหตุผลมากมายเพียงใด ทำแล้วก็คือทำลงไปแล้ว แต่ข้ายังอยากลองดูอีกสักครั้ง”
หวังเหยียนชิงเชิดลำคอเรียวยาว นั่งตัวตรง มิได้หลบเลี่ยงแต่ก็มิได้ตอบรับ ลู่เหิงกระชับวงแขนแน่น “เจ้าให้โอกาสข้าอีกครั้งได้หรือไม่ ให้ข้าได้ขอความรักและขอเจ้าแต่งงานอีกครั้ง ครั้งนี้เจ้ามีความทรงจำแล้ว รู้หมดแล้วว่าข้าเป็นคนเช่นไร จากนั้นเจ้าค่อยตัดสินใจว่าจะแต่งให้ข้าหรือไม่”
ความจริงหวังเหยียนชิงเองก็รู้สึกว่าระหว่างพวกเขาจำเป็นต้องสะสางให้เด็ดขาด นางสามารถอวยพรให้ฟู่ถิงโจวอย่างสงบได้ แต่สำหรับลู่เหิงกลับรู้สึกขัดแย้งมาโดยตลอด นางไม่อาจให้อภัยที่เขาหลอกลวงนาง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจแข็งใจตัดขาดกับเขา บางทีโอกาสครั้งนี้อาจเป็นทั้งการมอบโอกาสให้เขาและมอบโอกาสให้ตัวนางเอง
หวังเหยียนชิงถาม “หากครั้งนี้ข้ายังคงไม่เต็มใจ ท่านจะปล่อยข้าจากไปจริงๆ หรือ”
ลู่เหิงบีบนิ้วเข้าด้วยกันแน่น เขาอยากเดิมพันกับความใจอ่อนของนาง แต่ไม่ได้คิดจะตั้งเดิมพันไว้สูงถึงเพียงนี้ สุดท้ายชายหนุ่มก็คิดว่าไม่ยอมเสียสละเด็กย่อมมิอาจล่อหมาป่าได้ กัดฟันตอบว่า “ใช่”
“ดี” หวังเหยียนชิงพยักหน้าทันทีเช่นกัน ถามต่อ “กำหนดเวลาเท่าใด”
ลู่เหิงเลิกคิ้ว รู้สึกเหลวไหลเหลือเกิน “ยังต้องมีกำหนดเวลาด้วยหรือ”
“หากท่านจะตามตอแยข้าไปแปดปีสิบปี ข้าก็ต้องเสียเวลากับท่านไปทั้งชีวิตอย่างนั้นหรือ” หวังเหยียนชิงเปิดโปงหลุมพรางที่เขาซุกซ่อนไว้ เอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า “ในเมื่อท่านเป็นคนเสนอ เช่นนั้นก็ให้ท่านเป็นคนกำหนดเวลา”
ฝ่ายที่ขอปรองดองต้องยื่นข้อเสนอก่อน นี่เป็นกฎ จุดอ่อนของลู่เหิงถูกผู้อื่นบีบไว้จึงได้แต่ข่มความเจ็บปวดยอมถอยก้าวใหญ่ ตอบอย่างกล้ำกลืนฝืนใจ “หนึ่งปี?”
หวังเหยียนชิงฟังแล้วแกะมือเขาออกทันที ลู่เหิงรีบโอบความอ่อนนุ่มหอมกรุ่นในอ้อมแขนเอาไว้แน่น พูดใหม่ “ครึ่งปี”
“ไม่ได้ อย่างมากที่สุดหนึ่งเดือน”
ลู่เหิงกอดคนไว้ไม่ยอมปล่อย “สามเดือน น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว หากยังน้อยกว่านี้อีก คำพูดก่อนหน้านี้ถือว่าข้าไม่เคยพูดแล้วกัน ข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแล้ว”
ไฟโทสะพุ่งขึ้นในใจของหวังเหยียนชิง นี่เขากำลังทำการค้าที่ไม่มีต้นทุนอยู่หรือไร แต่คนเราเมื่อหน้าไม่อายย่อมไร้เทียมทานในใต้หล้า หวังเหยียนชิงแกะมือเขาไม่ออก เขากลับอาศัยช่วงที่นางดิ้นรนแนบชิดเข้ามามากกว่าเดิม หญิงสาวได้แต่รับปากอย่างจนใจ “ได้ ตกลงตามนี้ กำหนดเวลาคือสามเดือน หลังจากนี้จะแยกหรือจะอยู่ย่อมตัดสินได้ ผู้ใดก็ห้ามเสียใจภายหลังทั้งนั้น”
เป็นครั้งแรกที่ลู่เหิงรับภารกิจที่หนักหนาสาหัสถึงเพียงนี้มา เมื่อมีกำหนดเวลา เขาจะล้มเหลวไม่ได้ ทั้งยังไม่มีโอกาสให้แก้ตัว แต่ช่วยไม่ได้ นี่เป็นผลจากเมล็ดพันธุ์ที่เขาหว่านเอาไว้เอง ชายหนุ่มได้แต่ยอมรับอย่างจำใจ “ตกลง”
หลังจากพวกเขาต่อรองกันเสร็จ หวังเหยียนชิงจึงพบว่ารถม้าหยุดลง ถึงคฤหาสน์แล้ว หญิงสาวกระทุ้งเขาหนึ่งทีด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “ปล่อยมือ ข้าจะลงจากรถแล้ว”
ลู่เหิงถอนหายใจ ในอดีตพวกเขาเกือบจะก้าวไปถึงขั้นตอนสุดท้ายอยู่แล้ว บัดนี้ทุกอย่างสูญเปล่าไม่พอ แม้กระทั่งกอดยังเป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ ลู่เหิงนึกเสียใจภายหลังอยู่บ้าง แต่ดีร้ายอย่างไรเขาก็ยังมียางอาย สุดท้ายจึงปล่อยมือจากหวังเหยียนชิงช้าๆ พลางพูด “พรุ่งนี้ต้องไปตรวจสอบคนข้างกายหยางจินอิง ข้าจะมารับเจ้ายามเฉิน”
การที่สวีสี่เยวี่ยโกหกบอกได้เพียงหวังหนิงผินและเฉาตวนเฟยรับเคราะห์อย่างไม่สมควร ส่วนเบาะแสเกี่ยวกับพวกหยางจินอิงทั้งสิบหกคนนั้นยังคงว่างเปล่า ฟางฮองเฮาทำลายหลักฐานทิ้งทั้งหมด หากพวกเขาอยากรู้ความจริงย่อมได้แต่หาเบาะแสนำมาประกอบกัน
หวังเหยียนชิงพยักหน้า หยิบชุดคลุมกันลมขึ้นมาและเดินออกไปข้างนอก ลู่เหิงส่งนางถึงประตูข้าง หยุดฝีเท้าที่นอกประตูอย่างรู้ตัวดี องครักษ์ถือโคมไฟคุ้มกันหวังเหยียนชิงเดินเข้าไปภายในจวน นางเดินไปหลายก้าว หยุดและหันกลับมามอง เห็นลู่เหิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม
ลู่เหิงคลี่ยิ้มให้นาง “รีบกลับไปเถิด จะได้รีบเข้านอน”
หวังเหยียนชิงรับคำว่า “อืม” แต่กลับมิได้ขยับ นางลังเลครู่หนึ่งก่อนพูดเสียงค่อย “อย่าลืมใส่ยาด้วย”
* จวิน เป็นหน่วยชั่งของจีน 30 ชั่งเท่ากับ 1 จวิน
* มาจากสำนวน ‘ตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น’ หมายถึงลำบากลำบนหรือเหนื่อยเปล่าเพื่อผู้อื่น แต่ไม่เกิดประโยชน์อะไรต่อตนเอง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 17 ก.ย. 66 เวลา 12.00 น.