ทดลองอ่าน ลูบคมองครักษ์สวมรอย บทที่ 53-54 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ลูบคมองครักษ์สวมรอย บทที่ 53-54

อีกทางหนึ่ง หวังเหยียนชิงรอยาเป็นเพื่อนจางฮองเฮา ภายหลังมีสนมชายาและนางกำนัลทยอยตามมาอีกเป็นพรวน จางฮองเฮาบอกว่าจะมาต้มยาด้วยตนเอง ความเป็นจริงคือไปดูที่ห้องครัวแวบหนึ่ง แม้แต่กลิ่นควันยังไม่ต้องดมด้วยซ้ำ นางก็มานั่งจิบน้ำชาในห้องอุ่นแล้ว รอยาต้มเสร็จย่อมมีนางกำนัลยกมาวางตรงหน้า

หวังเหยียนชิงไม่รู้จักจางฮองเฮาโดยสิ้นเชิง ฮองเฮาและสนมชายาคนอื่นๆ ยามเผชิญหน้ากับครอบครัวของใต้เท้าลู่ก็ไม่มีอะไรให้พูดจริงๆ เหล่าสตรีเผชิญหน้ากันอย่างไร้คำพูด รออยู่ในห้องอุ่นเงียบๆ ควันสีเทาลอยอวล ได้ยินเพียงเสียงเปิดฝาถ้วยชาของจางฮองเฮา

หวังเหยียนชิงไม่ต้องพูดคุยกับใคร ในใจลอบยินดีทีเดียว หาได้สงสัยในความเหินห่างในตอนนี้ไม่ นางคิดว่าตนไม่สนิทสนมกับสตรีเหล่านี้ก็เป็นเรื่องปกติ ต่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างลู่เหิงกับคนในวังจะแน่นแฟ้นเพียงใด เขาก็เป็นเพียงขุนนางภายนอก จะคบหารู้จักกับสนมชายาในตำหนักในได้อย่างไร ลู่เหิงเองยังไม่สนิท ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหวังเหยียนชิงเลย

ทว่าก่อนที่หวังเหยียนชิงจะเข้าวัง ลู่เหิงเล่าความสัมพันธ์ภายในวังให้นางฟังคร่าวๆ แล้ว ฮองเฮาองค์ปัจจุบันนี้แซ่จาง เข้าวังในรัชศกจยาจิ้งปีที่หนึ่ง แต่มิได้เกี่ยวข้องเป็นเครือญาติกับจางไทเฮาแต่อย่างใด เพียงแค่บังเอิญแซ่เหมือนกันเท่านั้น จางฮองเฮาเป็นฮองเฮาพระองค์ที่สองของฮ่องเต้ ฮองเฮาพระองค์แรกแซ่เฉิน เนื่องจากนิสัยริษยาทำให้ฮ่องเต้ไม่พอใจ ตนเองตระหนกตกใจจนแท้งบุตร ล้มป่วยและตายไป หลังจากเฉินฮองเฮาตาย ภายใต้การเร่งรัดของเจี่ยงไทเฮา ฮ่องเต้จึงแต่งตั้งจางซุ่นเฟยที่มีอายุมากที่สุดขึ้นเป็นฮองเฮา หรือก็คือจางฮองเฮาคนปัจจุบัน

น่าเสียดายที่จางฮองเฮาไม่เป็นที่โปรดปราน เข้าวังมาสิบสามปียังไม่อาจให้กำเนิดบุตรธิดาสักคน บัดนี้จางฮองเฮาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้โปรดปรานคนใหม่ ตำแหน่งของนางประดักประเดิดมากขึ้นทุกที สตรีที่เข้าวังตั้งแต่รัชศกจยาจิ้งปีที่หนึ่งและบัดนี้ยังคงอยู่ในวังมีเพียงจางฮองเฮาเท่านั้น ที่เหลือล้วนเป็นคนใหม่ที่เข้าวังในรัชศกจยาจิ้งปีที่สิบ ซึ่งฮ่องเต้คัดเลือกคนคราวเดียวเก้าคน แต่งตั้งเป็นนางสนมขั้นผิน ทั้งเก้าตามขนบโบราณ ยามนี้เมื่อยืนอยู่ใต้แสงแดดพร้อมกันช่างดูสดใสอ่อนเยาว์จนแทบเปล่งประกาย

หวังเหยียนชิงลอบกวาดตามองสตรีอ่อนเยาว์ที่งามเฉิดฉันในห้องอุ่นแห่งนี้ คิดในใจว่าแต่งเข้าตระกูลเจ้าเหนือหัว โดยเฉพาะเจ้าเหนือหัวอย่างฮ่องเต้ที่เฉลียวฉลาดและขี้ระแวงถึงเพียงนี้ เกรงว่าอาจมิใช่เรื่องดีเสมอไป

หากเป็นนาง นางยินดีใช้ชีวิตอยู่นอกวังมากกว่า ต่อให้ไม่มีแพรพรรณหรูหราอาหารรสเลิศ อย่างน้อยก็มีอิสรเสรี

ยาต้มเสร็จอย่างรวดเร็ว จางฮองเฮายกยากลับไปที่ตำหนักกลางของวังฉือหนิงด้วยตนเอง เจี่ยงไทเฮาไม่รู้กำลังคุยเรื่องใดกับฮ่องเต้ เห็นพวกนางแล้วพยักหน้านิดๆ แต่คำพูดก่อนหน้านี้กลับหยุดชะงักไป เจี่ยงไทเฮาดื่มยาแล้ว สีหน้าฉายแววเหนื่อยล้า ฮ่องเต้มีธุระต้องกลับวังเฉียนชิง ลู่เหิงเห็นดังนั้นจึงถือโอกาสทูลลาและพาหวังเหยียนชิงถอยออกไป

ลู่เหิงต้องไปวังเฉียนชิงด้วย จึงได้แต่ให้คนส่งหวังเหยียนชิงกลับจวน ครั้งนี้ได้พานางไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้กับเจี่ยงไทเฮาอย่างเปิดเผยแล้ว ลู่เหิงไม่ต้องกลัวว่าระหว่างทางจะมีคนสร้างความลำบากใจให้หวังเหยียนชิง กำชับไม่กี่คำก็ส่งนางจากไป

เรื่องเช่นนี้ครั้งแรกไม่คุ้นครั้งที่สองย่อมเชี่ยวชาญ หวังเหยียนชิงนั่งบนรถม้าที่แล่นออกจากวัง สีหน้าสุขุมทีเดียว นางคาดเดาว่าระหว่างที่พวกนางออกไป เจี่ยงไทเฮาน่าจะคุยอะไรบางอย่างกับฮ่องเต้และลู่เหิง ตอนนี้ฮ่องเต้เรียกลู่เหิงไปวังเฉียนชิง เกินครึ่งก็คงต้องการหารือเรื่องนี้

หวังเหยียนชิงขบคิดเล็กน้อยก็โยนเรื่องนี้ทิ้งไป หาได้เก็บมาใส่ใจไม่ กลับจวนแล้วชีวิตของนางยังคงสงบและผ่อนคลายดังเดิม ทว่าลู่เหิงกลับยุ่งง่วน เวลาเขายุ่งก็แทบไม่เห็นเงา หลายครั้งที่หวังเหยียนชิงอยากคุยกับเขาเรื่องฟู่ถิงโจว แต่ล้วนหาโอกาสไม่ได้

 

ผ่านไปไม่กี่วัน วังหลวงพลันส่งข่าวร้ายออกมา เจี่ยงไทเฮาสิ้นพระชนม์ การไปเข้าเฝ้าเจี่ยงไทเฮาครั้งนั้นของหวังเหยียนชิงกลายเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ หลังความโศกเศร้าผ่านพ้น ฮ่องเต้ปฏิบัติตามคำสั่งเสียของเจี่ยงไทเฮา ใช้วันแทนเดือนไว้ทุกข์ยี่สิบเจ็ดวัน ขณะเดียวกันฮ่องเต้ก็พูดถึงพิธีฝังศพของเจี่ยงไทเฮาในการประชุมขุนนางด้วย

เจี่ยงไทเฮาสิ้นพระชนม์ในเป่ยจิง แต่ซิงเซี่ยนอ๋องพระบิดาของฮ่องเต้ฝังอยู่ในอันลู่ เรื่องนี้จะจัดการอย่างไรดี ข้าราชสำนักบ้างเสนอให้ฝังร่วมกัน บ้างเสนอให้แยกฝังเหนือใต้และก่อตั้งสุสานอาภรณ์ไว้ทั้งสองแห่ง

การฝังแยกสะดวกที่สุด แต่ความปรารถนาเพียงอย่างเดียวของเจี่ยงไทเฮาคือการได้ฝังร่วมกับซิงเซี่ยนอ๋อง ฮ่องเต้ในฐานะบุตรจะฝ่าฝืนคำสั่งเสียของมารดาได้อย่างไร สุดท้ายฮ่องเต้ไม่สนใจเสียงโต้แย้งของข้าราชสำนัก รับสั่งให้ฝังร่วม การฝังร่วมเกี่ยวพันถึงการขนย้ายโลงศพ ฮ่องเต้ทางหนึ่งเลือกทำเลสุสานบนเขาเทียนโซ่ว ทางหนึ่งส่งองครักษ์เสื้อแพรกลับไปอันลู่ ตรวจสอบสุสานเสี่ยนหลิงซึ่งเป็นสถานที่หลับใหลของซิงเซี่ยนอ๋อง

แน่นอนว่างานนี้ตกมาอยู่ที่ลู่เหิง ฮ่องเต้ดูเหมือนขอความเห็นเรื่องพิธีศพจากข้าราชสำนักระหว่างการประชุมขุนนาง แต่ความจริงก่อนที่เจี่ยงไทเฮาจะสิ้นพระชนม์ ฮ่องเต้ได้หารือกับลู่เหิงเรื่องการฝังพระศพร่วมและการขนย้ายหีบพระศพของซิงเซี่ยนอ๋องแล้ว การเอ่ยถึงในการประชุมขุนนางเป็นเพียงการแจ้งให้ทราบเท่านั้น

พิธีฝังศพเป็นเรื่องใหญ่จะเกิดข้อผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย ลู่เหิงส่งคนสนิทไปนครเฉิงเทียนตรวจดูสภาพของสุสานเสี่ยนหลิง ยังต้องคัดเลือกทำเลที่ตั้งสุสานของเจี่ยงไทเฮาด้วย ยุ่งง่วนจนวันทั้งวันไม่เห็นคน หวังเหยียนชิงเห็นดังนั้นก็ยิ่งไม่อยากรบกวนเขา นางคิดว่ารอให้ผ่านช่วงนี้ไปแล้ว กระทั่งลู่เหิงมีเวลาว่างค่อยคุยเรื่องของฟู่ถิงโจวก็แล้วกัน

สุดท้ายองครักษ์เสื้อแพรที่กลับจากสุสานเสี่ยนหลิงรายงานว่าห้องโถงของสุสานเสี่ยนหลิงมีน้ำ ฮ่องเต้ได้ยินว่าสุสานของพระบิดามีน้ำเข้าไปก็เสียใจอย่างยิ่ง พวกเขามาอยู่นครหลวงเป็นเวลาสิบกว่าปี บิดาอยู่ในอันลู่คนเดียวตามลำพัง กระทั่งสุสานมีน้ำเข้าไปยังไม่มีใครทราบ หลังความเศร้าสลด ฮ่องเต้ก็ตัดสินใจเสด็จประพาสแดนใต้ กลับบ้านเก่าที่อันลู่ด้วยตนเอง เพื่อไปตรวจดูว่าจะย้ายสุสานหรือไม่และจะฝังร่วมอย่างไร

เดิมทีหวังเหยียนชิงคิดว่าลู่เหิงยุ่งแค่ช่วงหนึ่งก็จะหายยุ่ง สุดท้ายผ่านไปพักใหญ่แล้วเขากลับยุ่งมากกว่าเดิม ฮ่องเต้เสด็จประพาสแดนใต้แค่ขยับปากเท่านั้น ทว่าการคุ้มกัน การตามเสด็จ การตรวจสอบ การอารักขาตรวจตราทั้งหมดล้วนต้องให้องครักษ์เสื้อแพรเป็นผู้รับผิดชอบ

ลู่เหิงยุ่งจนหัวไม่วางหางไม่เว้น หวังเหยียนชิงยิ่งไม่อาจเอาเรื่องเล็กน้อยมารบกวนเขา กลางดึกคืนหนึ่ง ลู่เหิงยุ่งกับงานจนดวงจันทร์ลอยเด่นกลางท้องนภาแล้วจึงกลับมา หวังเหยียนชิงเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าฤดูร้อนแล้ว นางรินชาร้อนให้เขาพลางพูด “พี่รอง อาหารเอากลับไปอุ่นบนเตาแล้ว ท่านรอสักครู่”

ลู่เหิงรับถ้วยชามา ในใจอดรู้สึกผิดมิได้ “ดึกป่านนี้แล้ว เจ้ากลับไปนอนเถอะ ไม่ต้องรอข้า”

หวังเหยียนชิงส่ายหน้า “ท่านยังไม่กลับ ข้านอนไปก็ต้องฝันร้ายอยู่ดี มิสู้รอท่านอยู่ที่นี่ พี่รอง การเสด็จประพาสแดนใต้ท่านก็ต้องตามเสด็จด้วยหรือ”

ลู่เหิงตอบ “แน่นอน”

ฮ่องเต้เสด็จออกจากวัง เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้หากเขาไม่ไปยึดพื้นที่เอาไว้ ความดีความชอบย่อมถูกผู้อื่นแย่งไปหมด หวังเหยียนชิงไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ นางถาม “พี่รอง การเสด็จประพาสแดนใต้อย่างไรก็กินเวลาถึงสองเดือน สัมภาระติดตัวของท่านจะจัดอย่างไร”

การเสด็จประพาสแดนใต้เป็นเรื่องใหญ่ของราชสำนัก พระตำหนักในท้องที่ต่างๆ มีกรมพิธีการเป็นผู้จัดการ ลู่เหิงไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องนี้ ทว่าคำพูดของหวังเหยียนชิงกลับเตือนสติเขา

หากเขาไปแล้ว หวังเหยียนชิงอยู่จวนคนเดียว ฟู่ถิงโจวจะยอมอยู่เฉยๆ หรือ

ลู่เหิงยกถ้วยชาขึ้นมา คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็คิดว่าจะเปิดโอกาสให้ฟู่ถิงโจวไม่ได้เด็ดขาด เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็วแล้วบอกนาง “ชิงชิง เจ้าก็ไปด้วยกันเถอะ”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com