ผ่านไปครู่หนึ่ง ขันทีกลับมารายงาน “ฝ่าบาท ข้างนอกมีสตรีสองคน พวกนางบอกว่าเป็นแม่สามีกับลูกสะใภ้จากหมู่บ้านเหอกู่ในอำเภอฉี เสาหลักของครอบครัวหายตัวไปไม่ทราบเบาะแส พวกนางตามหาอยู่นานแล้วไม่พบ ได้ยินว่าฝ่าบาทประทับอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราวจึงมาเรียกร้องความเป็นธรรมพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ปรายตามองเจ้าเมืองเฉิงเรียบๆ เจ้าเมืองเฉิงใบหน้าซีดเผือด เหงื่อเย็นหลั่งริน คุกเข่าลงกับพื้นทันใด โขกศีรษะคำนับพลางพูด “กระหม่อมบกพร่องต่อหน้าที่พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้มิได้ว่ากระไร ถามว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน”
เจ้าเมืองเฉิงหรือจะรู้เรื่องราวของแม่สามีกับลูกสะใภ้ไร้ชื่อคู่หนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของตน เสียงของเขาติดขัดอยู่ในลำคอ เอ่ยคำพูดอื่นใดไม่ออก ได้แต่พูดประโยคเดิมซ้ำไปมา “กระหม่อมบกพร่องต่อหน้าที่ ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เหล่าขุนนางในพระตำหนักชั่วคราวตามองจมูก จมูกมองใจ ชั่วขณะหนึ่งที่บรรยากาศเงียบกริบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มตก เสียงฝีเท้าระลอกหนึ่งดังใกล้เข้ามาท่ามกลางความเงียบ เฉินอิ๋นก้าวฉับๆ เข้ามา เห็นฮ่องเต้แล้วก็คุกเข่าคำนับทันใด “กระหม่อมมาคุ้มกันล่าช้า มีโทษสมควรตายพ่ะย่ะค่ะ”
กับเจ้าเมืองเฉิงฮ่องเต้ยังนับว่าใจเย็น แต่พอเห็นเฉินอิ๋นโทสะบนใบหน้าก็ควบคุมไว้ไม่อยู่ ฮ่องเต้ตำหนิ “เจ้าเป็นผู้บังคับบัญชาขององครักษ์เสื้อแพร รับผิดชอบดูแลความปลอดภัยของพระตำหนักชั่วคราว แต่มีคนเข้าใกล้พระตำหนักเช่นนี้แล้วยังไม่รู้เรื่องรู้ราว วันนี้ผู้มาเป็นแม่สามีกับลูกสะใภ้คู่หนึ่ง หากเป็นคนร้ายจะทำอย่างไร”
ฮ่องเต้ทางหนึ่งโมโหเฉินอิ๋นที่มิได้ดูแลพระตำหนักชั่วคราวให้ดี อีกทางหนึ่งโกรธเฉินอิ๋นที่ละเลยหน้าที่ องครักษ์เสื้อแพรเป็นเขี้ยวเล็บและแขนขาของฮ่องเต้ ทว่าตอนที่เกิดอันตรายขึ้นเฉินอิ๋นกลับไม่ได้อยู่ข้างกายพระองค์ด้วยซ้ำ
แขนขาเช่นนี้จะเก็บเอาไว้ทำอันใด
เฉินอิ๋นไร้คำพูดจะกล่าว ได้แต่ก้มศีรษะน้อมรับคำตำหนิแต่โดยดี
ฮ่องเต้ตำหนิเฉินอิ๋นด้วยความกริ้ว ขุนนางคนอื่นๆ ไม่กล้าปริปาก ล้วนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน ลู่เหิงกวาดตามองดูรอบหนึ่ง หลุบตาคิดเล็กน้อย ก่อนจะก้าวออกไป “ฝ่าบาท กระหม่อมยินดีแบ่งเบาภาระของผู้บัญชาการสูงสุดเฉิน สืบคดีไม่เป็นธรรมนี้ให้กระจ่างพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินอิ๋นได้ยินคำพูดนี้ของลู่เหิงแล้วเหลือบตาขึ้นโดยพลัน ประกายเยียบเย็นในดวงตาแทบอยากจะฉีกลู่เหิงออกเป็นชิ้นๆ ลู่เหิงไม่แม้แต่จะปกปิดอีกแล้ว เหยียบย่ำเขาเพื่อไต่ขึ้นไปอย่างชัดเจน สีหน้าของราชเลขาธิการจางจิ้งกงแปลกประหลาดเล็กน้อย รองราชเลขาธิการหลี่สือเห็นสีหน้าของจางจิ้งกงแล้วก้าวออกมาพูด “ทว่าแผนการเสด็จประพาสแดนใต้ถูกกำหนดไว้แล้ว พรุ่งนี้ควรต้องออกเดินทางไปฉือโจว ผู้บัญชาการลู่จะสืบคดีอย่างไร”
ลู่เหิงตอบด้วยน้ำเสียงสุขุม “ทราบว่าเกิดเหตุไม่เป็นธรรมแล้วไม่ใส่ใจ หากแพร่ออกไปย่อมกระทบต่อชื่อเสียงฮ่องเต้ผู้ปราดเปรื่องของฝ่าบาท กระหม่อมเพียงอยากช่วยแบ่งเบาภาระของฝ่าบาทเท่านั้น”
ฮ่องเต้ไม่เอ่ยอะไร จางจิ้งกงมองเสนาบดีกรมพิธีการเหยียนเหวยแล้วถาม “เหยียนเหวย หากหยุดพักที่เว่ยฮุยจะกระทบต่อแผนการเสด็จประพาสแดนใต้ต่อจากนี้หรือไม่”
เหยียนเหวยถูกโยนเผือกร้อนหัวหนึ่งมาให้โดยไม่ทันตั้งตัว เขาทำท่าครุ่นคิด แท้จริงแล้วกำลังคาดเดาท่าทีของฮ่องเต้ ฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงบารมี ในเมื่อมิได้บอกว่า ‘ไม่อนุญาต’ ก็หมายความว่าคงไม่ถือสาหากการเดินทางจะล่าช้าไปวันสองวัน อีกทั้งเร่งเดินทางติดต่อกันมาเก้าวัน ไม่แน่ฮ่องเต้อาจจะเหนื่อยแล้ว อยากถือโอกาสนี้พักผ่อนก็เป็นได้
เหยียนเหวยประเมินผลได้ผลเสียแล้ว สุดท้ายเอ่ยอย่างระมัดระวัง “วันที่สิบแปดฝ่าบาททรงกระชับพิธีการขั้นตอนให้เรียบง่ายขึ้นทำให้ตอนนี้เดินทางได้เร็วกว่ากำหนดเดิมที่วางไว้ หากหยุดพักชั่วคราวน่าจะไม่กระทบอะไรพ่ะย่ะค่ะ”
จางจิ้งกงสีหน้าเคร่งเครียด ถามอีกครั้ง “เช่นนั้นตามความเห็นของเจ้าอย่างมากที่สุดสามารถล่าช้าได้กี่วัน”
เหงื่อของเหยียนเหวยจะหยดลงมาอยู่รอมร่อ คำถามนี้จะให้เขาตอบอย่างไรดี ไม่ว่าตอบอย่างไรล้วนเป็นการล่วงเกินผู้อื่นทั้งสิ้น ระหว่างที่บรรยากาศชะงักงัน ลู่เหิงเป็นฝ่ายกุมหมัดเอ่ยว่า “กระหม่อมจำได้ว่าในแผนการดั้งเดิมของใต้เท้าเหยียนควรจะหยุดพักที่เว่ยฮุยในวันที่ยี่สิบแปด วันที่ยี่สิบเก้าออกเดินทางไปฉือโจว กระหม่อมสามารถสืบหาความจริงให้กระจ่างได้ก่อนวันที่ยี่สิบเก้า ไม่ทำให้การเสด็จประพาสแดนใต้ล่าช้าอย่างแน่นอน”
ขุนนางในตำหนักไม่ว่าฝ่ายพลเรือนหรือฝ่ายทหารล้วนเฝ้าดูอยู่ด้านข้างเงียบๆ ฟังถึงตรงนี้สีหน้าของพวกเขาจึงเกิดการเปลี่ยนแปลง วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบห้า อีกทั้งยังเป็นเวลาโพล้เพล้แล้ว หากนับเต็มๆ ลู่เหิงก็มีเวลาเพียงสามวันเท่านั้น สามวันกับการสืบหาความจริงในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยท่ามกลางผู้คนที่ไม่รู้จัก ลู่เหิงกล้าอวดดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ
เหยียนเหวยคล้ายกำลังก้มหน้า แต่อันที่จริงหางตาลอบชำเลืองมองฮ่องเต้ ฮ่องเต้มีสีหน้าสุขุมมั่นคง ผงกศีรษะนิดๆ “ดี เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ หากไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้าก็ออกไปเถอะ”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 10 ส.ค. 66 เวลา 12.00 น.