ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ลูบคมองครักษ์สวมรอย บทที่ 55-56
ทหารกวาดตามองทั้งสองคน พวกนางสวมชุดชาววังทั่วไป เอวมีป้ายห้อย ดูไม่คุ้นหน้า แต่พวกเขาเป็นขุนนางภายนอก ไม่รู้จักนางกำนัลก็เป็นเรื่องปกติ ทหารสังเกตเห็นว่าขอบป้ายห้อยเอวของพวกนางถูกเสียดสีจนเรียบ เสื้อผ้าเก่าอยู่บ้าง ชายกระโปรงยังเปื้อนเศษดินเหมือนผ่านการเดินทางมานาน
กล่าวโดยรวม นี่คือนางกำนัลสองคนที่ดูปกติมาก สิ่งเดียวที่ไม่ปกติคือรูปโฉมของพวกนางโดดเด่นเกินไป โดยเฉพาะคนหลัง นางก้มหน้าตลอดเวลา แต่หน้าผากที่เผยออกมาขาวปานหิมะ รูปร่างก็สูงโปร่งอรชร สตรีเช่นนี้อยู่ในวังจะเป็นเพียงคนส่งอาหารอย่างนั้นหรือ
สายตาของทหารเจือแววเคลือบแคลง เขาตรวจสอบกล่องอาหาร ภายในกล่องนอกจากกับข้าวง่ายๆ สองจานและข้าวสองถ้วยแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก นางกำนัลเป็นฝ่ายหยิบเข็มเงินออกมา ทดสอบพิษในอาหารทุกจานต่อหน้าทหาร นางชูมือขึ้นนิ่งๆ ผ่านไปเนิ่นนานเข็มเงินมิได้เปลี่ยนสี สายตาของทหารจับอยู่ที่ทั้งสองคน นางกำนัลพลันประหม่า น้ำเสียงแข็งทื่อเล็กน้อย “นายท่าน พวกเราเป็นนางกำนัลจากฝ่ายห้องเครื่อง ได้รับคำสั่งให้มาส่งอาหาร…”
เสื้อผ้าฤดูร้อนบางเบา ไม่อาจซ่อนดาบกระบี่ได้ ทหารพิจารณาอยู่หลายครั้ง เมื่อมองไม่เห็นสิ่งผิดปกติ เขาคิดในใจ เขาคงคิดมากเกินไปกระมัง บางทีดินกับน้ำในวังอาจจะบำรุงร่างกายได้ เมื่อคิดเช่นนี้จึงเก็บดาบแล้วปล่อยให้พวกนางเข้าไป
นางกำนัลปิดฝากล่องอาหารลงดังเดิม ยอบกายคารวะตามธรรมเนียมชาววัง จากนั้นก็ซอยเท้าเดินเข้าไปในประตูใหญ่ สตรีอีกคนเดินตามหลังสหายนางกำนัลไป นางหลุบตา ท่าทางสงบเสงี่ยมสำรวม รอจนประตูปิดลง หลิงซีจึงลอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอก นางยื่นกล่องอาหารใส่มือหวังเหยียนชิงพลางพูด “แม่นาง ข้าจะคอยดูต้นทางอยู่ตรงนี้ ท่านรีบไปรีบกลับเถอะ”
หวังเหยียนชิงพยักหน้า นางรู้ว่าเวลากระชั้นจึงไม่เสียเวลาอีก ก้าวเร็วๆ ไปที่ห้องขัง ประตูห้องถูกเปิดผลัวะ คนข้างในตกใจสะดุ้ง รีบหันกลับมา
หวังเหยียนชิงยืนอยู่หน้าประตู ยอบกายเอ่ยว่า “ข้าเป็นนางกำนัลกองปรุงอาหารของฝ่ายห้องเครื่อง รับคำสั่งนำอาหารมาให้ทั้งสองท่าน”
ได้ยินว่าเป็นคนส่งอาหาร แม่สามีกับลูกสะใภ้สกุลหลิวก็โล่งอก จากนั้นก็ถูมืออย่างประหม่าเล็กน้อย “ที่แท้เป็นผู้สูงศักดิ์จากในวัง…พวกเรากินอะไรง่ายๆ ก็พอ จะให้ท่านลำบากนำข้าวมาส่งได้อย่างไร”
หวังเหยียนชิงเม้มปากยิ้ม “ข้าเป็นเพียงนางกำนัลคนหนึ่ง ท่านไม่ต้องเรียกข้าว่าผู้สูงศักดิ์หรอก ทั้งสองท่านจะกินข้าวตอนนี้เลยหรือไม่”
แม่สามีกับลูกสะใภ้สกุลหลิวหิวมาทั้งวัน หน้าอกแทบจะแนบติดกับแผ่นหลังแล้ว ได้ยินคำนี้ก็พยักหน้าถี่ๆ ลูกสะใภ้สกุลหลิวเป็นฝ่ายก้าวเข้ามารับกล่องอาหารจากมือหวังเหยียนชิง หลิวต้าเหนียงพูดอย่างลำบากใจอยู่บ้าง “ยายแก่ข้าไม่คิดไม่ฝันว่าชาตินี้ยังจะได้เจอคนในวังด้วย ช่างงดงามประหนึ่งคนในภาพปีใหม่จริงๆ ไม่ใช่สิ ภาพปีใหม่ไหนเลยจะงามเท่ากับท่าน…ตายแล้ว ระวัง!”
ลูกสะใภ้สกุลหลิวมารับกล่องอาหาร สองคนไม่รู้ว่าใครรับส่งไม่ดี หวังเหยียนชิงปล่อยมือ แต่ลูกสะใภ้สกุลหลิวยังไม่ทันได้รับไว้ นางก็รีบช้อนมือออกไปตามจิตใต้สำนึก ทว่ายังคงคว้าไว้ไม่ทัน กล่องอาหารหล่นลงบนพื้นดังเคร้ง น้ำแกงข้างในสาดกระจายเต็มพื้น
ใบหน้าลูกสะใภ้สกุลหลิวแดงเถือกไปถึงลำคอทันใด รีบคุกเข่าลงเก็บอาหาร “ข้าขออภัย ต้องโทษที่ข้ามือไม้ซุ่มซ่าม ไม่ได้รับให้ดี…”
“ไม่เป็นไร” หวังเหยียนชิงยกชายกระโปรงย่อตัวลง เก็บกวาดเศษอาหารบนพื้น “ข้าไม่ระวังเอง อาหารพวกนี้ตกลงบนพื้นแล้ว กินไม่ได้แล้วล่ะ ประเดี๋ยวข้าจะให้คนส่งมาให้ใหม่อีกชุด”
หลิวต้าเหนียงมองข้าวเม็ดสีขาวบนพื้น เอ่ยด้วยความเสียดาย “ไหนเลยต้องส่งมาใหม่อีกชุดเล่า เปื้อนดินเล็กน้อยเท่านั้นเอง ปัดๆ หน่อยก็กินได้แล้ว”
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร” หวังเหยียนชิงว่า “บนพื้นสกปรกถึงเพียงนั้น จะให้ท่านทั้งสองกินได้อย่างไร พวกท่านรอสักครู่ อีกประเดี๋ยวอาหารก็มาส่งแล้ว”
หลิวต้าเหนียงทำท่าจะพูดแล้วเงียบไป สุดท้ายก็หุบปากอย่างเก้อกระดาก ความจริงนางรู้สึกว่ากินได้จริงๆ ข้าวที่ดีถึงเพียงนี้เปื้อนดินนิดเดียวก็จะโยนทิ้ง สิ้นเปลืองของกินโดยแท้ แต่คนในวังพิถีพิถัน หลิวต้าเหนียงไม่กล้าพูดมาก ได้แต่คล้อยตามอีกฝ่าย
ลูกสะใภ้สกุลหลิวทำอาหารหกรู้สึกละอายใจยิ่งนัก นางคุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมเก็บเศษกระเบื้องให้ดี ทั้งยังเช็ดน้ำแกงกับเศษอาหารบนพื้นจนสะอาด หวังเหยียนชิงเก็บเศษซากทั้งหมดลงในกล่องอาหารและปิดฝาเงียบๆ
ความจริงการทำกล่องอาหารหล่นมิอาจโทษลูกสะใภ้สกุลหลิวได้ เป็นหวังเหยียนชิงจงใจคลายมือทำให้อีกฝ่ายรับไม่ทัน
ความตกใจเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา เป็นสีหน้าอารมณ์ที่ปกปิดได้ยากที่สุด เนื่องจากความคาดไม่ถึงมักจะหมายถึงการเผชิญภยันตราย ดังนั้นในชั่วเวลานั้นทุกคนจะเผยตัวตนที่แท้จริงที่สุดของตนเองออกมา จังหวะที่กล่องอาหารร่วงลงไปกะทันหัน ลูกสะใภ้สกุลหลิวนิ่งงันชั่วขณะก่อนจะเอื้อมมือไปคว้า ได้ยินเสียงชามกระเบื้องตกแตก ใบหน้านางฉายความหวาดกลัวและความรู้สึกผิดอย่างรวดเร็ว รีบคุกเข่าลงเก็บเศษอาหาร การกระทำของนางคล่องแคล่วมากเหมือนคนที่ทำงานบ้านจนคุ้นชิน หาได้เหมือนผู้ฝึกยุทธ์ไม่
ท่าทางเสียดายของหลิวต้าเหนียงก็ไม่เหมือนเสแสร้งเช่นกัน ตอนที่นางพูดกับหวังเหยียนชิง สายตาจ้องเม็ดข้าวบนพื้นตลอดเวลา พอได้ยินว่าหวังเหยียนชิงจะโยนอาหารทิ้ง คิ้วของนางลู่ลง เปลือกตายับย่น สองปากเม้มแน่น เห็นได้ชัดว่าอยากจะแย้งแต่ฝืนสะกดไว้
หากเป็นคนร้ายหรือว่าสายสืบ พอเห็นของร่วงหล่นท่าทีตอบสนองแรกน่าจะเป็นท่าทีระมัดระวังตัว ไม่ควรจะมีความรู้สึกผิด ลูกสะใภ้สกุลหลิวเห็นอาหารเกลื่อนกระจายก็คุกเข่าลงเก็บกวาดทันใด เปิดเผยแผ่นหลังทั้งหมดตรงหน้าหวังเหยียนชิง หวังเหยียนชิงขยับเข้าไปใกล้นางกะทันหัน กล้ามเนื้อบนตัวนางก็ไม่เครียดเกร็ง
ดูจากหลายๆ อย่างแล้ว นี่เป็นแม่สามีกับลูกสะใภ้ชาวนาคู่หนึ่งอย่างแท้จริง เมื่อแน่ใจในฐานะแล้ว เรื่องราวต่อจากนี้ก็ง่ายดาย
แม่สามีกับลูกสะใภ้สกุลหลิวไม่รู้ธรรมเนียมในวัง หวังเหยียนชิงอ้างว่ารออาหารมาส่งใหม่และถือโอกาสรั้งอยู่ที่นี่ นางพูด “ต้องขออภัยจริงๆ ทำให้พวกท่านต้องรอนานกว่าเดิม”