เขาโน้มตัวลงมาตรงหน้านาง แม้น้ำเสียงมิได้แฝงแววบังคับ แต่ท่วงท่าที่มองลงมาจากตำแหน่งที่สูงกว่าคล้ายดั่งขีดเส้นเขตแดนล้อมรอบนางไว้ หวังเหยียนชิงผงกศีรษะเงียบๆ ชายหนุ่มขยี้ผมนางอีกครั้งแล้วลุกขึ้นจากไป
เขาประกาศถ้อยคำรับรองกับฮ่องเต้ว่าจะไขคดีให้ได้ภายในสามวัน วันนี้เป็นวันที่สองแล้ว
พละกำลังของลู่เหิงเปี่ยมล้นเหมือนไม่รู้สึกถึงความเหน็ดเหนื่อย เมื่อคืนวุ่นวายอยู่ครึ่งคืน วันนี้ออกไปสืบเรื่องคนกระดาษแต่เช้าตรู่ เจ้าเมืองเฉิงได้แต่สละชีพเพื่อเจ้านาย ฝืนลากสังขารอ่อนปวกเปียกติดตามลู่เหิงออกไปสืบคดี
พวกเขาพาคนออกไปกลุ่มใหญ่อย่างเอิกเกริก ที่ว่าการอำเภอพลันว่างเปล่า แม้แต่เสียงจักจั่นยังเงียบไป หวังเหยียนชิงร่างกายไม่สะดวกนักจึงพลิกดูเอกสารอยู่ในห้อง ห้องตะวันตกมีสำนวนคดีอยู่มากมายเพียงพอให้นางอ่านได้อีกนาน หวังเหยียนชิงค้นหาคดีที่เกี่ยวข้องกันและตรวจดูทีละเล่มอย่างละเอียด
เสียงเคาะประตูดังขึ้นข้างนอก หญิงสาวคิดในใจ ไฉนวันนี้อาหารกลางวันจึงมาส่งเร็วถึงเพียงนี้ ทางหนึ่งก็เอ่ยว่า “เข้ามาได้”
นางวางเอกสาร คนส่งอาหารเดินเข้ามาแล้ว วางกล่องอาหารลงในห้องโถง ผู้มาสวมชุดแบบบ่าวชายและค้อมศีรษะ เป็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย หวังเหยียนชิงมองปราดหนึ่งแล้วถาม “ไฉนจึงเป็นเจ้ามาส่งล่ะ”
บ่าวชายหลุบตาตอบ “ห้องครัวยุ่งจนปลีกตัวไม่ได้ จ้าวต้าเหนียงจึงให้ข้ามาส่งอาหารให้แม่นางขอรับ”
หวังเหยียนชิงพยักหน้า คิดในใจ ที่แท้หญิงรับใช้คนเมื่อวานก็แซ่จ้าว บ่าวชายเปิดกล่องอาหาร ยกน้ำแกงข้นชามหนึ่งออกมาก่อน หวังเหยียนชิงเห็นชุมเห็ดใหญ่กับดอกเบญจมาศในน้ำแกงแล้วมุ่นคิ้วน้อยๆ “นี่เป็นอาหารกลางวันที่พี่รองสั่งไว้หรือ”
หญิงสาวพูดจบก็ถอยหลบทันที แต่ยังคงช้าไปก้าวหนึ่ง อีกฝ่ายฟาดมือเข้าใส่นาง หวังเหยียนชิงรีบยกมือขึ้นสกัดไว้ ทว่าอีกฝ่ายเหมือนล่วงรู้กระบวนท่าของนางกระนั้น เบี่ยงหลบไปก่อนแล้ว มืออีกข้างหยิบกระบอกพ่นควันออกมาพ่นใส่หน้านางโดยตรง
ควันสีขาวสายหนึ่งพุ่งปะทะใบหน้าหวังเหยียนชิง นางกลั้นหายใจสุดกำลัง แต่ยังคงไม่ระวังสูดควันเข้าไปเล็กน้อย หวังเหยียนชิงรู้สึกวิงเวียนอย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายปราดเข้ามาใช้ผ้าอาบยาสลบปิดปากปิดจมูกนาง ครั้งนี้นางหมดสติไปโดยสมบูรณ์
ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา หวังเหยียนชิงไม่ทันได้ร้องขอความช่วยเหลือก็สิ้นสติไป
ยามเว่ย ลู่เหิงขี่ม้ามาหยุดตรงหน้าเส้นทางภูเขา เถาอีหมิงยกมือขึ้นชี้ไปยังสิ่งก่อสร้างที่เร้นกายอยู่ท่ามกลางแมกไม้ “ใต้เท้าลู่ ที่นี่ก็คืออารามชิงซวี”
แสงแดดร้อนมาก เจ้าเมืองเฉิงซับเหงื่อไม่หยุด เงยหน้าพลางเพ่งมองขึ้นไปบนภูเขา “นักพรตที่ทำคนกระดาษเป็นตามที่หลงจู๊ในร้านบอกอาศัยอยู่ที่นี่หรือ”
สามารถทำคนกระดาษตัวใหญ่ถึงเพียงนั้นได้ทั้งยังไม่เปลี่ยนรูป คนที่มีฝีมือเช่นนี้มีไม่มาก ลู่เหิงส่งคนไปสอบถามร้านที่รับทำเครื่องกระดาษสำหรับงานศพ แต่ในอำเภอฉีไม่มีใครสามารถทำคนกระดาษได้ประณีตถึงเพียงนี้ สุดท้ายเป็นหลงจู๊คนหนึ่งในอำเภอข้างเคียงส่งข่าวมาบอกว่าเคยเห็นอารามชิงซวีทำพิธี นักพรตที่นั่นสามารถทำคนกระดาษเองได้ เหมือนคนที่มีชีวิตจริง ประณีตกว่าสินค้าในร้านพวกเขามาก
กลุ่มของลู่เหิงจึงมาเยือนอารามชิงซวีด้วยประการฉะนี้
“ขอรับ” เถาอีหมิงตอบ “อารามชิงซวีก่อตั้งมานานแล้ว ดำรงอยู่ก่อนที่ผู้น้อยจะมารับตำแหน่ง เพียงแต่นักพรตที่นี่แปลกประหลาด ไม่ไปประกอบพิธีที่บ้านของผู้ว่าจ้าง ไม่รับงานต่างถิ่น น้อยครั้งที่จะไปมาหาสู่กับชาวบ้านข้างล่าง ดังนั้นจึงไม่ค่อยมีคนมาสักการบูชาที่อารามสักเท่าไร”
“พิลึก” เจ้าเมืองเฉิงว่า “ภิกษุกับนักพรตมิใช่ล้วนคิดหาหนทางดึงดูดให้ผู้คนบริจาคเงินค่าน้ำมันให้พวกเขาหรือ พวกเขาไม่ติดต่อกับชาวบ้านแล้วจะดำรงชีพได้อย่างไร”
เถาอีหมิงสั่นศีรษะ “ผู้น้อยไม่เคยคบหากับภิกษุหรือนักบวช จึงไม่ทราบขอรับ”
ลู่เหิงสวมชุดเข้ารูปสีน้ำเงินเข้ม นั่งอยู่บนหลังม้าอย่างสง่างาม แม้แสงตะวันเหนือศีรษะจะร้อนแรง อากาศร้อนระอุจนโลหะแทบหลอมละลาย แต่เขายังคงผึ่งผายองอาจ สะอาดสะอ้านไปทั้งตัว ใบหน้าไม่มีเหงื่อแม้แต่หยดเดียว ประดุจต้นสนบนทิวเขาและสายลมกลางป่า ไม่ว่าปรากฏตัวที่ใดล้วนไม่กระทบต่อความเฉียบคมทรงอำนาจของเขา ลู่เหิงบังคับม้าด้วยมือเดียว เอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่ ขึ้นไปดูก็รู้เอง”
ระหว่างที่ลู่เหิงพาเจ้าเมืองและผู้ติดตามขึ้นเขาไป ใบหน้าขาวกระจ่างเย็นชาของหวังเหยียนชิงที่ซบอยู่บนหมอนก็สะดุ้งตื่นกะทันหัน
ภายในห้องปิดหน้าต่าง มีแสงสว่างทึบทึม ฤทธิ์ยาสลบยังไม่สลายไป แผ่นหลังของนางยังเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น นางรู้สึกทรมานยิ่งนัก แม้แต่ขยับนิ้วมือยังเปลืองแรง ได้แต่ลอบปรับลมหายใจเงียบๆ ขณะเดียวกันก็คิดคำนวณในใจอย่างเร็วรี่ ที่นี่ที่ใด ใครกันที่ลักพาตัวนางมา
สามารถทำให้นางสลบได้โดยเทพไม่รู้ภูตไม่เห็นและพาตัวออกมาจากที่ว่าการอำเภอ สิ่งที่ซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังนี้ นางแค่คิดก็หนาวยะเยือกไปทั้งตัว หวังเหยียนชิงปวดท้องอย่างรุนแรง นางยังไม่ได้กินข้าว ทั้งยังได้รับความตกใจ อาการปวดระดูที่บำรุงรักษาจนหายดีแล้วย้อนกลับมาอีกครั้ง
หวังเหยียนชิงอดวางมือลงบนหน้าท้องไม่ได้ ในเวลานี้เอง มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นข้างกาย หญิงสาวถึงได้ตกใจ ในห้องมีคน!
นางหันไปมองทันที เวลาเดียวกันเสียงอันคุ้นเคยลอยเข้ามาในหู “ชิงชิง เจ้าฟื้นแล้วหรือ”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือนสิงหาคม 66)