ทดลองอ่าน วงกตลายตะวัน บทที่12-บทที่13 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

LOVE

ทดลองอ่าน วงกตลายตะวัน บทที่12-บทที่13

2 of 2หน้าถัดไป

 

13

อีเมลเปลี่ยนโลก

 

วาริศหัวเราะหึด้วยความสะใจ เมื่อเจ้าของสายที่เขาเพิ่งวางหูโทรศัพท์ไปบรรยายความเคลื่อนไหวและปฏิกิริยาของอินทัชกับตระการขณะอยู่หลังเวทีงานประกาศผลรางวัลโฆษณาที่เพิ่งผ่านไปเมื่อชั่วโมงก่อนได้อย่างเห็นภาพ

‘ผู้ชายคนหลังที่ชื่ออินทัชดูงงๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นเขาคงเข้ามาหาผมเร็วกว่านี้…’

วาริศคาดไม่ผิด ไหวพริบของอินทัชมักเคลื่อนตัวช้าเสมออย่างที่เขาประเมินมาตลอด

‘ส่วนคุณตระการที่คุณเคยเอารูปให้ผมดู…เขาตามมาดูดไฟล์ไปแล้วจัดการลบทิ้งอย่างที่คุณบอกเลยครับ แถมขู่ผมด้วยนะว่าจะเอาเรื่องผมแน่ถ้าไฟล์นี่เล็ดลอดไป ว่าแต่…คุณไม่กลัวคุณศักดาเลยเหรอครับ’

จะกลัวทำไมกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

พ่อเขาสอนไว้เช่นนั้น!

กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น วาริศซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับวันเสาร์มาพลิกดูว่ามีการนำเสนอข่าวฉาวจากเหตุการณ์เมื่อคืนหรือไม่ แต่แล้วชายหนุ่มเป็นอันต้องผิดหวังไปเมื่อไม่เห็นพาดหัวข่าวเกี่ยวข้องกับศักดาเลยแม้แต่บรรทัดเดียว

อาจเป็นเพราะช่วงเวลาเกิดเหตุของคืนวานอยู่ราวๆ ห้าทุ่มซึ่งล่วงเลยช่วงปิดหน้าข่าวของหนังสือพิมพ์รายวันไปแล้ว ชายหนุ่มจึงทำได้แค่ถอนหายใจยาวยืด ปลอบตัวเองให้อดใจรอ ไว้พรุ่งนี้เขาจะเปิดดูหนังสือพิมพ์ฉบับวันอาทิตย์อีกที แต่ถ้ายังไม่มีข่าวก็ไม่เป็นไร บรรณาธิการข่าวอาจมองว่าระดับความขัดแย้งของเนื้อหาและภาพนั้น ‘น่าสนใจ’ จนขยับไปตีพิมพ์ลงฉบับวันจันทร์ก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้นจริงนับว่าเป็นเรื่องดี อย่างน้อยก็มีคนอ่านมากกว่าฉบับวันหยุดสุดสัปดาห์ และยังเป็นการเปิดสัปดาห์อันไม่น่าพิสมัยของศักดาอีกด้วย

ขณะที่วาริศปล่อยความคิดจินตนาการถึงพาดหัวข่าวเชิงลบบนหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับวันจันทร์หลากหัวอย่างอารมณ์ดีในคอนโดมิเนียม เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือพลันดังขัดจังหวะ เมื่อเห็นชื่อปรากฏบนจอว่าเจ้าของสายคือป้าแหวน ชายหนุ่มจึงกดรับสายทันที

“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว มีคนบุกรุกบ้านเรา!”

“อะไรนะครับป้าแหวน?!”

แม้จะตกใจ แต่ก็ไม่ผิดจากที่วาริศคาดไว้นัก ศักดาต้องส่งคนมารื้อค้นบ้านเขาแน่นอน

“ป้าว่าพวกมันน่าจะเข้ามาช่วงเช้ามืด มันเล่นรื้อค้นข้าวของไปเสียทุกห้อง โดยเฉพาะห้องทำงานพ่อเรา”

ไม่รอช้า วาริศรีบลุกจากโซฟาเข้าไปหยิบแท็บเลตที่โต๊ะทำงานซึ่งตั้งอยู่มุมหนึ่งของห้องชุด เปิดแอพพลิเคชั่นของกล้องวงจรปิดซึ่งเพิ่งติดตั้งในที่ลับตาโจรภายในบ้านหลังเก่าได้ไม่นาน ใช้นิ้วเลื่อนหาเวลาที่กล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ในช่วงเช้ามืด

“พวกมันเข้ามาตอนตีสี่ครึ่งครับ”

ภาพของชายร่างกำยำสามสี่คนอำพรางตัวด้วยเสื้อผ้า หมวก และแว่นตาสีดำ ถือวิสาสะบุกเข้ามาค้นข้าวของบ้านเขาราวกับโจรห้าร้อย พวกมันคงเห็นว่าสภาพบ้านหลังนี้เก่าซอมซ่อ ไม่มีใครอยู่เฝ้าบ้านแม้แต่คนเดียวจึงย่ามใจ…ไม่คิดว่าเจ้าของบ้านตัวจริงจะแอบติดกล้องวงจรปิดไว้

“ดูเหมือนพวกมันอยากได้ของสำคัญบางอย่าง”

“เรารู้ว่าจะเกิดเรื่องนี้?” ป้าแหวนจับน้ำเสียงวาริศได้ชัดว่าไร้ความรู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจแฝงอยู่

“ครับ” เขายอมรับกับผู้อาวุโสกว่าอย่างตรงไปตรงมา

“ทำไมเราไม่บอกป้าสักคำ”

“ผมแค่ไม่อยากให้ป้าแหวนเป็นห่วง”

ป้าแหวนได้ยินอย่างนั้นจึงทำได้แค่ถอนหายใจ “แล้ว…ของสำคัญที่พวกมันเอาไปคืออะไร”

“ผมต้องขอดูภาพกล้องวงจรปิดอีกสักรอบ แต่คิดว่าไม่น่าเอาอะไรไปได้” โชคดีเหลือเกินที่เขาเก็บ ‘ของสำคัญ’ ออกมาจากบ้านหลังนั้นหมดแล้ว

ก่อนวางหูวาริศขอโทษป้าแหวนอีกครั้งที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้รู้ล่วงหน้า เพราะเกรงว่าคนสูงวัยกว่าอาจเป็นกังวลและตกอยู่ในอันตรายหากเข้าไปยุ่งหรือแอบจับสังเกตพวกหัวขโมยนั่น ป้าแหวนขอร้องให้เขาไม่ต้องกลับบ้านในช่วงสองสามเดือนนับจากนี้ วาริศจึงรับปาก เพราะคิดอยู่เหมือนกันว่าศักดาคงไม่ปล่อยเจ้าของบ้านผู้ซ่อนตัวอยู่อีกมุมที่คาดไม่ถึงอย่างเขาลอบทำร้ายอีกฝ่ายอยู่ฝ่ายเดียวแน่

กระทั่งเช้าวันจันทร์เดินทางมาถึง วาริศรีบบึ่งรถจากคอนโดฯ ไปถึงเอเจนซี่แอคต์แพลเน็ตตั้งแต่แปดโมงเช้า แต่ละย่างก้าวของเขาขณะตรงไปยังล็อบบี้ผ่านประตูกระจกใสแผ่นหนาของอาคารปูนเปลือยเต็มไปด้วยความรู้สึกค้างคา สงสัยเหลือเกินว่าพาดหัวหนังสือพิมพ์ฉบับวันแรกของการทำงานจะมีเนื้อหาพาดพิงถึงเจ้าของฉายาศาสดาโฆษณาไทยหรือไม่

แต่สิ่งที่เขาพบกลับมีเพียงความว่างเปล่า

หน้าหนึ่ง…ไม่มี!

หน้าข่าวการตลาด…ไม่มี!

ไม่มี…ไม่มีเลยสักหน้า…ดวงตาหยันโลกของวาริศแทบถลนออกจากเบ้า หนังสือพิมพ์ฉบับแล้วฉบับเล่าถูกพลิกไปมาอย่างรุนแรงปนร้อนรน เขาฉงนเหลือทนเมื่อเห็นพาดหัวข่าวกรอบใหญ่ไล่ไปจนถึงกรอบเล็กไร้ใจความทำนอง ‘เจ้าพ่อเอเจนซี่ดังถูกแฉกลางเวทีประกาศผลรางวัลโฆษณาระดับชาติ… CHAT คือใคร?! เหตุใดถึงยังไม่ตาย!’

เป็นไปได้อย่างไร นาทีนี้วาริศควรรู้สึกยินดีอย่างเต็มตื้นกับหายนะย่อมๆ ของศักดาในคืนวันศุกร์สุดสยองมิใช่หรือ แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมสิ่งที่เขาจินตนาการถึงไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ชายหนุ่มแทบจะโยนหนังสือพิมพ์ในมือปลิวว่อนพ้นขอบโต๊ะกลางล็อบบี้ ก่อนจะเอื้อมมือหยิบฉบับแรกที่เพิ่งเปิดไป กวาดสายตาพิจารณาอย่างถ้วนถี่อีกรอบ บ้าชะมัด ข่าวมือดีแอบสับเปลี่ยนวีทีอาร์มีระดับความขัดแย้งสูงกว่าข่าวธุรกิจทั่วๆ ไปด้วยซ้ำ 

ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ…ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ

“มาแต่เช้าแฮะวันนี้” กริชเอ่ยแซวตามวิสัยทันทีที่มาถึง แต่พอเห็นสีหน้าขุ่นขวางด้วยโทสะของวาริศกับกองหนังสือพิมพ์ที่กระจัดกระจายทั้งบนโต๊ะและพื้นก็นึกสงสัยปนประหลาดใจ “อ่านโหดจังวะ”

“ไม่มีอะไร ก็แค่เช็กข่าวลูกค้า”

“งั้นเหรอ” แววตากริชบ่งชัดว่าไม่อยากเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรมาก “เออ มีสาวสวยมาหาแกน่ะ ยืนรออยู่ข้างนอกได้สักพักแล้ว”

“ใคร”

กริชไม่ตอบ เลือกชี้นิ้วโป้งไปยังทิศหน้าประตูรั้วโฮมออฟฟิศของเอเจนซี่แอคต์แพลเน็ตแทน วาริศเบนสายตาไปยังร่างระหงของเธอคนนั้น…คนที่บอกเขาชัดว่ามีเรื่องต้องคุยกันหลังเหตุการณ์วีทีอาร์ฉาวผ่านพ้นไปสดๆ ร้อนๆ

“ดูเหมือนคุณกำลังยุ่งอยู่” พริมาเอ่ยขึ้นเมื่อวาริศก้าวเข้ามาใกล้ ประกายตาสวยคู่หม่นเปลี่ยนไปเป็นแรงกล้า พยายามแสดงให้เห็นว่าเธออ่านใจเขาออกทุกอย่าง และรู้ทันด้วยว่าเขากำลังผิดหวังเรื่องอะไร

“สงสัยจะมีธุระด่วนจนต้องถ่อมาถึงที่นี่”

“ฉันบอกคุณไปแล้วนี่ว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

“เจอกันกี่ครั้งๆ ผมก็เห็นคุณมีเรื่องอยากคุยกับผมตลอด ว่าแต่คราวนี้มีอะไรแปลกใหม่จากครั้งก่อนๆ รึเปล่า ถ้าไม่มีก็เชิญกลับไปชื่นชมรางวัลที่คุณได้มาเมื่อคืนก่อนเถอะ ยินดีด้วย” พูดจบก็หันหลังให้พริมาทันที

“C-H-A-T” พริมาบรรจงออกเสียงตัวสะกดชื่อคนในวีทีอาร์แต่ละตัวอย่างชัดถ้อยชัดคำ

วาริศนิ่งงัน เท้าทั้งสองข้างชะงักไปราวกับถูกใครบางคนตอกตะปูตรึงไว้

“คุณรู้จักผู้ชายคนนั้นดี”

ชายหนุ่มค่อยๆ หันไปมองพริมา ยืนกรานด้วยสายตาแข็งกระด้าง “ถ้าผมบอกว่าไม่ใช่ล่ะ”

“คุณโกหก มีแค่คุณเท่านั้นที่รู้ว่าแท้จริงแล้ว…ชื่อผู้ชายคนนั้นออกเสียงว่ายังไง!”

วาริศอดกระตุกยิ้มเยาะเหนือมุมปากไม่ได้ “ดูเหมือนว่านอกจากเรื่องโฆษณาแล้ว คุณยังเก่งเรื่องกล่าวหาคนซะด้วย”

“…”

“แต่กลับไปเถอะพริมา ผมไม่มีอะไรต้องคุยกับคุณแล้ว!”

 

เมื่อวาริศเปล่งวาจากินนัยไล่เธอไปจากรั้วเอเจนซี่แอคต์แพลเน็ตถึงเพียงนี้ พริมาก็ไม่มีเหตุผลต้องทนอยู่ให้เขาหยามหน้าต่อ

ในตอนนั้นหญิงสาวอยากตะโกนใส่เจ้าของใบหน้าคมสันเสียเหลือเกิน เธอไม่มีวันเชื่อเด็ดขาดว่าเขาจะไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับวีทีอาร์เนื้อหาจงใจฉีกหน้าศักดากลางเวที

นาทีนั้น…จู่ๆ พริมาก็นึกถึงคำพูดและปฏิกิริยาของภาสกรที่ร้านอาหารไทยซึ่งรบกวนจิตใจเธอมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ใบหน้าของพ่ออัดแน่นด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้ม ริมฝีปากสั่นระริกเหมือนกำลังกลัวอะไรบางอย่าง พ่อบอกเธอเพียงว่ามีจดหมายส่งมาถึงพ่อ…จดหมายจากคนที่ตายไปแล้ว แถมยังขอให้เธอลาออกจากแอดดิกต์โดยเร็วที่สุด เพราะไม่อยากให้เธอต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ พ่อพูดเพียงแค่นั้นแล้วเงียบไป ไม่ยอมพูดอะไรต่ออีกเลย แม้เธอจะพยายามคาดคั้นสักเพียงใดก็ดูจะไร้ประโยชน์ไปเสียหมด

เป็นไปได้ไหมว่า ‘คนที่ตายไปแล้ว’ กับ ‘CHAT ผู้ไม่เคยตาย’ จะเป็นคนคนเดียวกัน

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแสดงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจดหมายและวีทีอาร์บ้าบอนั่น…กำลังจ้องจะเล่นงานพ่อเธอกับคุณศักดาอย่างพร้อมเพรียง

ฉับพลันนั้นภาพของชายหนุ่มที่เธอเพิ่งจากมากลับผุดขึ้นในหัวอย่างแจ่มชัด พริมาชะงักค้างไปในทันใด ไม่อยากเชื่อเลยว่าวาริศจะอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้จริงๆ

“ผู้ชายที่ยืนข้างพ่อในวีทีอาร์เป็นใครเหรอครับพี่ตระการ”

น้ำเสียงห้าวลึกของอินทัชฉุดความสนใจพริมาทันทีที่มาถึงสวนลอยฟ้าของอาคารให้เช่าสำนักงาน หลังหญิงสาวแวะเข้าออฟฟิศไปวางกระเป๋าที่โต๊ะทำงานก่อนขึ้นมาสูดอากาศบนนี้

เธอเห็นพี่ตระการยืนนิ่งขณะสูดหายใจลึกมองลูกชายเจ้านาย แววตาฉายชัดว่ากำลังครุ่นคิดอย่างหนักราวกับชั่งใจว่าควรตอบคำถามของอินทัชดีหรือไม่

เพราะในคืนวันนั้น…พริมาเห็นพี่ตระการที่ก้าวเร็วไปด้านหลังเวทีในคืนงานประกาศผลรางวัลโฆษณาว่ามีสีหน้าตื่นตระหนกปนตึงเครียดเพียงใด เขาใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบวินาทีเท่านั้น ภาพวีทีอาร์บนจอยักษ์พลันดับลงเหลือเพียงความมืดและว่างเปล่า

“พี่ไม่รู้จัก”

พี่ตระการเป็นอีกคนที่พยายามยืนกรานว่าไม่รู้จักผู้ชายคนนั้น ทั้งที่ความเป็นไปได้แทบจะน้อยมาก แต่ถึงกระนั้นพริมาก็ไม่คิดจะเข้าไปคั่นกลางบทสนทนา เธอเลือกหลบมุมยืนพิงผนังในมุมอับของสวนลอยฟ้า แอบมองอินทัชกับพี่ตระการด้วยความอยากรู้

“ถ้าพี่ไม่รู้จัก ก็เอาไฟล์วีทีอาร์นั่นมาให้ผมซะ”

“แทนก็เห็นนี่ว่าพี่สั่งให้คนคุมภาพหลังเวทีลบไฟล์นั่นไปแล้ว”

“ไม่จริง ผมเห็นพี่เอาแฟลชไดรฟ์อันเล็กออกจากกระเป๋าสตางค์ไปเซฟมันไว้ก่อนลบ”

“แทน!” พี่ตระการระบายลมหายใจอย่างคนพยายามสงบอารมณ์ “พี่จะพูดเป็นครั้งสุดท้ายนะว่าพี่ไม่มีไฟล์นั่น ถ้าแทนอยากได้มัน ก็ไปตามหาจากคนทำเองละกัน”

พูดจบพี่ตระการก็ผละจากอินทัชจนพ้นอาณาเขตสวนลอยฟ้าเขียวชอุ่มตา พริมายืนรออยู่ตรงนั้นจนกระทั่งมั่นใจว่าพี่ตระการไม่กลับขึ้นมา จึงก้าวจากมุมอับแล้วตรงไปหาร่างสูงของคู่หูหนุ่มทันที

“พริม…” อินทัชสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอปรากฏตัวต่อหน้าโดยไม่ให้สัญญาณบอกกล่าวล่วงหน้า

“คุณคิดเหมือนฉันไหมว่าพี่ตระการกำลังปิดบังอะไรบางอย่างอยู่”

“นี่คุณ…แอบฟังเหรอ”

“อืม อันที่จริงก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่บังเอิญเข้ามาได้ยินพอดี”

“คุณเช็กข่าวหนังสือพิมพ์บ้างรึยัง” อินทัชเอ่ยถามเช่นนั้น แสดงว่าเขาเริ่มเปิดใจเรื่องนี้กับเธอบ้างแล้ว

“เช็กแล้ว เช็กทั้งหนังสือพิมพ์แล้วก็ออนไลน์ ไม่มีภาพข่าวหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับวีทีอาร์นั่นเลย มีแต่รายงานผลว่าเอเจนซี่ไหนได้รับรางวัลมากที่สุดเท่านั้น…”

…กับบทสัมภาษณ์คุณศักดาซึ่งเป็นเจ้าของเอเจนซี่ที่ได้รับรางวัลมากที่สุด และสกู๊ปชวนจับตามองเอเจนซี่ม้ามืดอย่างแอคต์แพลเน็ตหลังปีนี้คว้าไปได้มากถึงสิบหกรางวัล ชิงส่วนแบ่งรางวัลจากแอดดิกต์ไป ทำให้ยอดรางวัลที่คาดว่าจะกวาดมาได้สี่สิบรางวัลลดลงเหลือสามสิบรางวัลเท่านั้น

“เป็นไปได้ไหมว่าพ่อผมส่งคนไปปิดข่าวเรียบร้อยแล้ว”

“เป็นไปได้” พริมาเห็นด้วย

คราวนี้ร่างสูงถึงกับฉวยโอกาสถอนหายใจด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้ม “เมื่อคืนผมนั่งเปิดคอมฯ ค้นรูปภาพคนที่ชื่อชาติทั้งคืน แต่ภาพที่ผมเจอมีแต่ภาพคุณชาติ…ผู้บริหารบริษัทประกันที่เป็นลูกค้าเอเจนซี่เรา ใบหน้าไม่มีเค้าเหมือนคนในวีทีอาร์เลยสักนิด ผมเลยลองโทรขอให้แม่ช่วยหารูปเก่าๆ ที่พ่อถ่ายกับเพื่อนเมื่อสักสิบปีก่อนให้ แต่แม่บอกว่าพ่อเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูปเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยมีรูปเก็บไว้ทั้งสมัยเรียนแล้วก็ทำงาน”

“ทำไม…คุณไม่ลองถามพ่อคุณตรงๆ ล่ะ”

พริมาเอ่ยขึ้นอย่างไม่อาจห้ามความอยากรู้ที่อัดแน่นภายในอกได้ กระทั่งเธอเห็นอินทัชนิ่งไปหลายอึดใจใหญ่ จึงตระหนักได้ว่าตัวเองเพิ่งทำพลาดในสิ่งที่ไม่น่าพลาดไปแล้ว

“ฉันขอโทษ”

“ไม่เป็นไร” เขาระบายยิ้มฝืดเฝื่อน “ผมกลัวพ่อมาแต่ไหนแต่ไร ถึงอยากรู้มากแค่ไหนก็ไม่กล้าถามอยู่ดี เพราะผมรู้ดีกว่าใครยังไงล่ะว่าไม่มีทางได้คำตอบจากปากพ่ออยู่แล้ว ยิ่งเรื่องที่ทำให้พ่อต้องอับอายขายหน้ายิ่งแล้วใหญ่ แถมคนชื่อชาติอะไรนั่นยังเป็นคนเดียวกับที่ส่งหลอดไส้แตกบ้าๆ มาให้ผมกับพ่อด้วย”

อินทัชจะรู้ตัวบ้างไหมว่าเขาเผลอถอนหายใจยาวลึกไปกี่สิบครั้งแล้ว

“ที่ผมอยากได้วีทีอาร์จากพี่ตระการ เพราะผมคิดว่ามันน่าจะมีจิ๊กซอว์สักชิ้นที่เราเอามาเป็นตัวตั้งต้นสำหรับปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้”

“แต่พี่ตระการก็ไม่ให้ น่าจะเอาไปเก็บไว้ที่ไหนสักแห่งแล้ว ไม่มีทางอยู่ในออฟฟิศแน่นอน คุณว่า…ถ้าเราไปถามเรื่องนี้กับเจ๊ไก่แล้วก็พี่หมี สองคนนั้นจะยอมเล่าให้เราฟังไหม”

“ไม่” เขาส่ายหน้าอย่างมั่นใจ “เมื่อเช้าผมลองถามแล้ว ไม่มีใครยอมตอบอะไร เอาแต่บอกว่าไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น แถมยังขอให้ผมหยุดถามทุกคนที่อยากถาม แล้วก็รีบๆ ลืมๆ มันไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะ”

ยิ่งพริมาได้ยินอย่างนั้นยิ่งอดสงสัยในตัวอินทัชไม่ได้ว่าเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องเมื่อสิบปีก่อนจริงๆ น่ะหรือ “นี่คุณ…ไม่รู้อะไรจริงๆ เหรอ”

“ผมต้องรู้อะไรด้วยเหรอ”

“เมื่อสิบปีก่อน…”

“ทำไม”

“สิบปีก่อน คุณอยู่ที่ไทยหรืออเมริกา”

“ผมเรียนที่อเมริกาตั้งแต่เกรดสิบ นับคร่าวๆ ก็สิบสามปี” อินทัชนิ่วหน้าสงสัย “คุณพูดเหมือนคุณรู้อะไร”

“ไม่…ฉันไม่รู้อะไรเลย”

พริมาสัมผัสได้ชัดจากแววตาอินทัชว่าเขาไม่เชื่อในคำตอบเธอ

เพราะแม้แต่เธอเองยังสงสัยสิ่งที่เห็นและรับรู้มาตลอดเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อสิบปีก่อนเลย

 

มีอีเมลฉบับใหม่ถูกส่งเข้ามา

วาริศละมือหนาจากแป้นพิมพ์แม็กบุ๊กขณะออกแบบงานโฆษณาอย่างขะมักเขม้นบนโซฟากลางห้องรับแขกในคอนโดมิเนียม หันไปเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เปิดอ่าน ไม่คิดเลยว่า ‘ทางนั้น’ จะเป็นฝ่ายติดต่อมาหาเขารวดเร็วถึงเพียงนี้

 

‘เรียน คุณวาริศ อิสรา อาร์ตไดเร็กเตอร์แห่งเอเจนซี่แอคต์แพลเน็ต

 

ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัว ผมชื่อ ‘ตระการ ปราณเมธา’ Executive Creative Director ของเอเจนซี่แอดดิกต์

เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ผมเห็นคุณขึ้นรับรางวัลโฆษณายอดเยี่ยมบนเวทีหลายๆ รางวัล ขอแสดงความยินดีอีกครั้งครับ ฝีมือการทำโฆษณาของคุณคู่ควรกับรางวัลเหล่านั้นจริงๆ

คุณคงแปลกใจที่จู่ๆ ผมซึ่งทำงานโฆษณาให้กับอีกเอเจนซี่ตัดสินใจเขียนอีเมลถึงคุณในวันนี้

เหตุผลก็คือ เอเจนซี่ ‘แอดดิกต์’ ต้องการให้คุณมาร่วมงานด้วยกันครับ พวกเราได้ประจักษ์ในฝีมือของคุณมาครั้งหนึ่งแล้วตั้งแต่เคยแข่งขันพิตช์งานโฆษณาของบริษัทคอนเนคต์แอนด์ลิงก์ เจ้าของธุรกิจรถไฟฟ้า และงานประกาศผลรางวัลเมื่อคืนก็เป็นอีกบทพิสูจน์ความสามารถของคุณที่แอดดิกต์ไม่อาจลืมได้ลง

หากคุณสนใจร่วมงานกับเราหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม อย่าลังเลที่จะติดต่อกลับมาทางอีเมลนี้ของผม หรือเบอร์โทรศัพท์ 089-xxx-xxxx ได้ทุกเมื่อ

 

แล้วโลกโฆษณาของคุณจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป!!!

 

ตระการ

ECD, ADDICT ADVERTISING AGENCY

 

วาริศเอนตัวใช้ต้นคอพาดพนักพิงโซฟา ยกปลายเท้าไขว้กันเหนือขอบโต๊ะกลาง สามวันที่ผ่านมาเขามัวแต่คิดมากเรื่องข่าวศักดาถูกแฉกลางงานหายไปจากหน้าหนังสือพิมพ์อย่างไร้ร่องรอย กว่าจะรวบรวมสติกลับมาได้ต้องใช้พลังงานมากเอาการทีเดียว

แต่ตอนนี้เหยื่อที่เขาเล็งไว้เริ่มจะติดกับแล้ว เห็นได้จากอีเมลที่คนเป็นมือขวาของศักดาส่งมา เขาควรทำอย่างไรต่อไปดี ควรตอบกลับไปในทันทีหรือทิ้งไว้อย่างนั้น พอคิดอย่างถี่ถ้วนจบกระบวนการภายในระยะเวลาไม่ถึงห้านาที วาริศก็จัดการลบอีเมลนั้นลงถังขยะไปราวกับไม่เคยได้รับมาก่อน

หลังจากนั้นวาริศเลือกเงียบหายไปนานกว่าหนึ่งสัปดาห์ ไม่มีการตอบรับหรือปฏิเสธคำเชิญชวนเรื่องย้ายไปทำงานที่เอเจนซี่แอดดิกต์ ตระการคงร้อนรนน่าดู ถึงได้เป็นฝ่ายโทรศัพท์มาหาเขาในช่วงเที่ยงของวัน

“ขออนุญาตถามตรงๆ นะครับคุณวาริศ ไม่ทราบว่าสนใจร่วมงานกับแอดดิกต์รึเปล่า”

“อืม ผมควรพูดยังไงดี…” เขาแสร้งทำทีคิด ทั้งที่มีคำตอบในใจแล้ว “ความจริงมันค่อนข้างฉุกละหุกไปสักนิด เพราะผมเพิ่งเริ่มงานที่แอคต์แพลเน็ตได้ไม่ถึงปีด้วยซ้ำ”

“คุณเองก็ไม่ใช่พวกเด็กจบใหม่เสียหน่อย การเปลี่ยนงานในวงการนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา สามเดือนหกเดือนก็ไม่ใช่ปัญหา ถ้าวันนี้คุณพอมีเวลาว่างหลังเลิกงาน ลองเข้ามาคุยสิ่งที่คุณต้องการหน่อยเป็นไง”

“ผมไม่แน่ใจ เพราะต้องเร่งทำงานจนถึงดึก”

“ไม่เป็นไร ถ้างั้น…ค่ำวันศุกร์ที่จะถึงนี้ เราน่าจะออกมาเจอกันที่ร้านไวน์ดีๆ สักร้านแถวทองหล่อ”

“ผมไม่แน่ใจว่าตอนนั้นจะมีงานด่วนเข้ามาหรือเปล่า”

ตระการคงจับสังเกตได้ถึงความพยายามแบ่งรับแบ่งสู้ หรือเรียกให้ถูกคืออาการเล่นตัว จึงบอกว่าจะโทรมาถามเขาอีกครั้งในเช้าวันศุกร์เพื่อยืนยันนัดหมาย เปิดช่องให้วาริศเห็นชัดว่าเอเจนซี่แอดดิกต์…ไม่ใช่สิ…เจ้าของฉายาศาสดาโฆษณาต้องการตัวเขามากแค่ไหน

แล้วเช้าวันศุกร์ก็เดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว วาริศสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงของตระการเจือด้วยรอยยินดีเพียงใดหลังจากเขาตอบตกลงว่าจะไปพบที่ร้านไวน์ย่านทองหล่อในค่ำคืนนี้ ก่อนวาริศจะวุ่นกับการประชุมแคมเปญโฆษณาเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของค่ายรถญี่ปุ่นจนถึงเวลาบ่ายสอง ทันทีที่ก้าวพ้นห้องประชุมลงมายังชั้นล่างของอาคารปูนเปลือย ชายหนุ่มเหลือบไปเห็นอินทร์แก้วกำลังนั่งรอบนโซฟาตัวเก่าใต้ร่มไม้ใหญ่หน้าอาคาร วาริศพลันล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูหน้าจอ พบว่าเจ้าของดวงตากลมโตโทรหาเขานับสิบครั้งขณะติดประชุมเห็นจะได้

“คุณแก้ว!” กระแสเสียงของเขาแปรเปลี่ยนเป็นคนโหยรัก อินทร์แก้วเห็นเขายืนพิงขอบประตูกระจกบานหนา โปรยสายตาเว้าวอนพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นกระชากวิญญาณ

ไม่กี่อึดใจ…วาริศก้าวเข้าไปใกล้จนอยู่ตรงหน้าเธอ

“มาทำอะไรที่นี่ครับ”

“เอ่อ…แก้วแวะมาหาคุณริศน่ะค่ะ”

“แวะมาหาผม? มีเรื่องอะไรด่วนรึเปล่า”

“ไม่ได้มีเรื่องด่วนอะไรหรอกค่ะ แก้วแค่อยากมาเจอคุณเฉยๆ”

คนตัวเล็กกว่าเผยรอยยิ้มหวานชวนให้รู้สึกบาดใจ หากเขาเป็นผู้ชายทั่วไปคงหลงเสน่ห์เธอเข้าแล้ว

“พอดีแก้วโทรเข้าเครื่องคุณริศ แต่คุณริศไม่ว่างรับสาย ก็เลยลองโทรเข้าเบอร์ตรงออฟฟิศ เห็นเพื่อนร่วมงานคุณบอกว่ามีประชุมตั้งแต่เช้า ยังไม่ได้ออกจากห้องประชุมเลย แก้วเป็นห่วง…ก็เลยซื้อข้าวกล่องมาให้น่ะค่ะ” เธอพูดพลางยื่นถุงกล่องอาหารญี่ปุ่นเซ็ตใหญ่สองกล่องให้

“สองกล่องเลยเหรอครับ”

“ค่ะ แก้วกลัวคุณไม่อิ่ม”

วาริศจงใจระบายยิ้มเย้ายวน “คุณแก้วทานกับผมนะครับ”

“คะ?” อินทร์แก้วขมวดคิ้วมองอย่างงุนงง

“เรานั่งคุยไปด้วยทานไปด้วยที่สวนสาธารณะใกล้ๆ ออฟฟิศดีมั้ยครับ” เขายิ้มให้อินทร์แก้ว เป็นยิ้มพิฆาตรสหวานบาดทรวง จนอินทร์แก้วต้องหลบตาเสมองทางอื่นราวกับพยายามสงบจิตสงบใจอย่างเต็มกำลัง ก่อนจะตอบรับในที่สุด

แนวร่มไม้ใหญ่เหนือม้านั่งยาวสีขาวในสวนสาธารณะช่วยปกป้องเขาและเธอจากแดดร้อนยามบ่ายได้เป็นอย่างดี ชายหนุ่มจัดการเปิดกล่องข้าวญี่ปุ่นแล้วยื่นให้อินทร์แก้ว จากนั้นค่อยเปิดอีกกล่องแล้ววางบนตักตัวเอง ใช้ตะเกียบไม้คีบซูชิคำโตแตะรสวาซาบิและโชยุเข้าปาก

อินทร์แก้วลอบมองเขาอยู่ สงสัยจะไม่รู้ตัวว่ากำลังหลงใหลเขาเต็มขั้นแล้ว พอชายหนุ่มหันไปเชื้อเชิญให้เธอทานบ้าง นัยน์ตาคมเฉียบพราวระยับพลันประสานกับดวงตากลมโตสุกใสจนอินทร์แก้วนิ่งไปเหมือนหยุดหายใจ แก้มแดงระเรื่อชวนมองทั้งสองข้างเผยชัดว่าเธอกำลังเขินอายเพียงใด

“คุณแก้วครับ”

“คะ?”

“ผมมีเรื่องอยากจะขอร้อง”

มือเรียวของอินทร์แก้วเคลื่อนขึ้นเก็บผมดำยาวเส้นเล็กละเอียดหลังใบหู หันมาสบตาอย่างรอคอย ไม่บอกก็รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเริ่มกลัวใจตัวเองว่าจะเก็บอาการขวยเขินไว้ไม่ไหวในวินาทีที่เขาร่ายมนตร์สะกดใจเธอ

“ต่อจากนี้ไป คุณแก้วเรียกผมว่าพี่ริศได้มั้ยครับ”

“…”

“ได้ยินคุณแก้วเรียกผมว่าคุณริศแล้ว รู้สึกห่างเหินยังไงก็ไม่รู้”

2 of 2หน้าถัดไป

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in LOVE

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com