14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน วาสคนเขลา
ฉู่จิ้งเฟิงมีกลิ่นอายกดดันคนอยู่แล้ว ตอนนี้เขาถามขึ้นอย่างกะทันหัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ไม่ทันตั้งรับจึงหลุดปากพูดความจริงออกมา “ไม่ใช่อย่างนั้น บุตรสาวข้าถอนหมั้นกับสกุลเสิ่นแล้ว…” พูดได้ครึ่งหนึ่ง นางก็รีบหยุด น่าเสียดายที่ถึงเสียใจก็ไม่ทันการณ์แล้ว
ฟังถึงตรงนี้ ฉู่จิ้งเฟิงก็ยั้งถ้วยชาไว้เลิกคิ้วแล้วถาม “อ้อ? คุณชายรองเสิ่นไม่ต้องการแต่งงานแล้วหรือ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เห็นฉู่ซือหม่าสนใจกันขึ้นมาแล้วจึงลอบถอนหายใจ ทว่าสิ่งที่อีกฝ่ายถามกลับแทงใจดำของนางยิ่ง เรื่องน่าอับอายของสกุลเช่นนี้ยากจะพูดนัก แต่ก็ไม่กล้าไม่ตอบจึงฝืนใจพูดขึ้นว่า “ใต้เท้า ท่านก็เห็นว่าบุตรสาวข้าป่วยจนเป็นเช่นนั้นแล้ว ยังจะเป็นภรรยาผู้ใดเขาได้อย่างไร จะไปทำลายสกุลของผู้อื่นก็ไม่ดี คิดไปคิดมา ข้าน้อยจึงตัดสินใจถอนหมั้นกับสกุลเสิ่น คุณชายรองเสิ่นเปลี่ยนไปแต่งกับ…คุณหนูสามสกุลหลี่ของพวกเรา ก็นับว่า…เป็นการรักษาความสัมพันธ์ของทั้งสองสกุลเอาไว้ได้”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ยังพูดไม่ทันจบ ฉู่ซือหม่าก็ถามต่ออีกว่า “เทียบถอนหมั้นนั่นส่งไปถึงแล้วหรือ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าตอบ
จากนั้น ฉู่ซือหม่าผู้นั้นก็นิ่งเงียบขึ้นมาอีกครั้ง ผ่านไปครู่ใหญ่ เขาจึงพูดต่อไปว่า “เดิมทีข้าเห็นวันมงคลของคุณหนูรองใกล้เข้ามาแล้ว คิดว่าอาการป่วยของคุณหนูรองไม่เป็นอะไรมาก ไม่แน่ว่าแต่งงานเสริมมงคลเสียหน่อยก็หายแล้ว ถึงตอนนั้น คดีขนส่งสินค้าต้องห้ามนี้จะได้ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กลับบอกว่าถอนหมั้นไปแล้ว เช่นนั้นพิสูจน์ได้ว่าอาการป่วยของคุณหนูรองหนักจริงๆ ทำให้คนป่วยลำบากใจเช่นนี้ดูออกจะ…”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ได้ยินคำพูดก็รู้ว่าสามารถพลิกโอกาสได้ จึงรีบแสดงสีหน้าร้อนใจ “อาการป่วยบุตรสาวคนรองของข้าน้อยหนักมากจริงๆ…”
ฉู่ซือหม่าลากเสียงพูดยาว “แต่ถ้าอีกไม่กี่วัน คุณหนูรองจะแต่งงานอีกครั้ง…”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ฟังแล้วก็รีบโบกมือ “จะรวดเร็วเช่นนั้นได้อย่างไร ไม่มีทาง ไม่มีทาง…”
ตอนฮูหยินผู้เฒ่าหลี่หอบเอาโฉนดที่ดิน ตั๋วเงิน พร้อมกับรากเหอโส่วอูชิ้นใหญ่ที่ถูกส่งคืนเดินออกมาจากที่พักรับรอง ยังรู้สึกงุนงงเหมือนอยู่ในเมฆในหมอก ไม่รู้ว่าซือหม่าผู้นี้เหตุใดจึงยอมหลอมละลายภูเขาน้ำแข็งพันปี ไว้หน้านาง รับปากให้นางมารับบุตรสาวคนรองกลับคฤหาสน์ในวันพรุ่งนี้
แต่ไม่ว่าซือหม่าจะสะกิดใจส่วนใด การที่บุตรสาวคนรองจะได้กลับคฤหาสน์มาอย่างปลอดภัยก็นับเป็นเรื่องดียิ่ง
ตอนที่รอบุตรสาวกลับคฤหาสน์ ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ตั้งใจสั่งพ่อบ้านให้ซื้อขาหมูชั้นเลิศมา ต้มบะหมี่หนึ่งหม้อให้บุตรสาวคนรองกินล้างโชคร้าย จากนั้นนางก็พาสาวใช้และบ่าวหญิงอาวุโสหลายคนไปรออยู่ที่ประตู ยืดคอรออยู่ตรงนั้น
รอจนถึงกลางวัน รถม้าที่ส่งไปจึงมาปรากฏที่ปากตรอก
แม้จะอยู่ในคุกมาหลายวัน แต่สีหน้าของหลี่รั่วอวี๋ดีขึ้นมาก ผมยาวหวีอย่างเรียบเงางาม เสื้อผ้าก็สะอาดสะอ้านเรียบร้อย
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เห็นท่าทางยิ้มคิกคักเหมือนคนโง่เขลาของบุตรสาว ในใจก็พลันรู้สึกโล่งอก
แต่นางยังกังวลใจเรื่องหนึ่ง แต่ไม่อาจบอกกับคนนอกได้
หลังจากบุตรสาวกลับห้อง นางจึงวางม่านกั้นลง ถอดเสื้อชั้นนอกของบุตรสาวออก ตรวจดูจุดพรหมจรรย์รูปดอกเหมยบนแขนของนางอย่างละเอียด
โชคดีที่จุดพรหมจรรย์นั้นยังเป็นเหมือนที่ผ่านมา ไม่เปลี่ยนไปเลย เห็นได้ชัดว่าบุตรสาวสมองเสื่อมของนางไม่ได้ถูกหมิ่นเกียรติอะไรที่ยากจะเอ่ยปากพูดได้… แต่บนท้องของนางแปะแผ่นยาที่มีกลิ่นยาหอมลอยมาแตะจมูก
ได้ยินหญิงจากที่พักรับรองที่ได้รับมอบหมายให้คุ้มครองส่งหลี่รั่วอวี๋กลับมาบอกว่า ตอนถูกคุมตัวไว้โรคกระเพาะของหลี่รั่วอวี๋กำเริบ แต่ท่านซือหม่าเห็นแก่ความจงรักภักดีที่ผ่านมาของสกุลหลี่ สร้างประโยชน์ให้แคว้นอย่างมาก จึงเชิญท่านหมอมารักษาอาการให้นาง แผ่นยาที่แปะไว้นี้เป็นสูตรยอดเยี่ยมในการรักษาโรคปวดกระเพาะ ต้องแปะติดต่อกันหลายวัน จะขาดไม่ได้ ดังนั้นยาที่จัดไว้เรียบร้อยแล้ว หญิงที่ได้รับมอบหมายมานั้นจึงนำมาด้วย
นอกจากแผ่นยาสำหรับแปะกลิ่นหอมหลายแผ่นแล้ว หลี่รั่วอวี๋ยังเอาของเล็กๆ น้อยๆ กลับมาด้วย อย่างเช่นหวาหรงเต้า* ที่แกะสลักด้วยไม้จันทน์หอม สลักหลู่ปัน** ที่ไม่ซ้ำแบบเก้าชุด นาฬิกาทรายที่ฝังหินโมรา… ที่น่าประหลาดที่สุด คือยังมีนกแก้วปากงุ้มที่ตัวขาวโพลนอีกหนึ่งตัว
หากไม่ใช่หลายวันมานี้ร้องไห้จนตาแทบบอด ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่คงสงสัยว่าบุตรสาวคนรองไม่ได้เข้าคุก แต่เป็นเหมือนเสียนเอ๋อร์ ไปเล่าเรียนที่สำนักศึกษา
เด็กน้อยผู้นั้นทุกครั้งที่ไปสำนักศึกษา เลิกเรียนกลับมามักจะเอาของเล่นของสหายโต๊ะข้างเคียงกลับมาด้วยเสมอ
“รั่วอวี๋ ของพวกนี้เอามาจากที่ใด” ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ขมวดคิ้วถาม
หลี่รั่วอวี๋เคี้ยวบะหมี่ที่กลิ่นหอมฉุย พูดตอบไม่ชัดเจนว่า “พี่…พี่ชายให้มา… ไม่อย่างนั้น รั่วอวี๋จะร้องไห้…”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่คิดๆ ดูแล้ว ตีให้ตายนางก็ไม่กล้าเอาคำว่า ‘พี่ชาย’ นี้ไปสวมให้กับซือหม่าตายด้านผู้นั้น จึงคิดว่าคงเป็นพลทหารใจดีคนใด เห็นหลี่รั่วอวี๋ร้องงอแงน่าสงสาร จึงเอาของเหล่านี้มาล่อหญิงสมองเสื่อมเท่านั้นเอง
ทว่าของอื่นยังดี แต่นาฬิกาทรายฝังหินโมรากับนกแก้วตัวขาวโพลนนี้ แค่ดูก็รู้ว่าราคาไม่ถูกเลย ไม่เหมือนคนที่เป็นพลทหารจะมีเงินซื้อมาให้ได้
ในตอนนี้ หลี่รั่วอวี๋กินอิ่มแล้วก็โผไปข้างแท่นไม้ที่คล้องนกแก้วเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ นั่งอยู่บนเบาะนุ่มของเก้าอี้กลมเบิกตาโตมองดูเจ้านกแก้วใช้ปลายปากงุ้มจัดการไซ้ขนอย่างสนุกสนานแล้วพูดด้วยเสียงตื่นเต้น “จี๋เฟิง… อีกครู่…ไปจับกระต่าย…”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ฟังแล้วรู้สึกงุนงง พ่อบ้านที่ไปรับคุณหนูรองกลับมาในตอนเช้าก็อธิบายว่า “เมื่อครู่บ่าวใส่ซองเงินส่งหญิงที่รับผิดชอบมาส่งกลับไปแล้ว ของเล่นเหล่านี้ซือหม่าเป็นคนสั่งให้ซื้อมาให้คุณหนูรองขอรับ สำหรับนกแก้วตัวนั้น ตอนที่คุณหนูรองจะจากมา เห็นเหยี่ยวล่าสัตว์ที่ซือหม่าปล่อยไว้ในลานบ้านพอดี และร้องไห้งอแงมาก เอาแต่บอกว่าไม่กลับแล้ว จะเอาเหยี่ยวล่าสัตว์ตัวนั้นกลับมาด้วยให้ได้”
Comments
