14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน วาสคนเขลา
ได้ฟังคำพูดท่อนนี้ของท่านหญิงไหวอินแล้ว สมองของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จากคลื่นลมสงบก็พลันเปลี่ยนเป็นใต้ก้นราวกับมีถ่านไฟลุกโชนยากจะนั่งได้ติด คนที่ขนส่งสัมภาระการทหารคือขบวนสินค้าของสกุลหลี่ จากความหมายในคำพูดของท่านหญิงไหวอิน ซือหม่าผู้นี้สูญเสียความเยาว์ก็ต้องให้สกุลหลี่รับผิดชอบ หากเอาข้อนี้ไปปฏิเสธการทาบทามสู่ขอก็คงพูดได้ยาก!
เหนื่อยใจราวฝ่าน้ำฝ่าไฟเช่นนี้ เหมือนจะเอาชีวิตของฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จริงๆ นางทำได้เพียงนั่งยิ้มแห้งอยู่บนเก้าอี้ แล้วมองไปทางบุตรสาวคนรองที่นั่งอยู่ข้างกายตามความเคยชิน
ก่อนหน้านี้ทุกครั้งที่เจอเหตุการณ์ยากจะตัดสินใจได้แบบนี้ ขอเพียงมองไปยังหลี่รั่วอวี๋ นางก็จะรีบแบกรับหน้าที่ไปทันที ไม่ปล่อยให้ตนต้องกลัดกลุ้มใจแม้แต่น้อย
ทว่าตอนนี้บุตรสาวที่เคยฉลาดเฉลียวแข็งแกร่งกลับเอนตัวไปพาดกับโต๊ะชาด้านข้างอย่างเกียจคร้าน ราวกับกระดูกในร่างหายไป ก่อนจะแลบลิ้นแผล็บๆ ไปเลียน้ำในถ้วยชา
หล่งเซียงที่ยืนอยู่ด้านข้างทนดูไม่ไหว กระตุกแขนเสื้อของหลี่รั่วอวี๋ทันที
ยามนั้นเองหลี่รั่วอวี๋ก็ใช้ปากคาบลูกบ๊วยในถ้วยแล้วยืดตัวตรง จากนั้นจึงห่อปากเล็กแดงและออกแรงพ่นลูกบ๊วยนั้นไปตกลงบนตัวซือหม่าเข้าอย่างพอดิบพอดี
คราวนี้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ราวกับสมองมีน้ำทะลัก ที่ก้นมีไฟลน น้ำไฟโจมตีเข้ามาพร้อมกัน จึงรีบเข้าไปดึงตัวหลี่รั่วอวี๋ขึ้นมา “เหตุใดจึงไม่มีมารยาทเช่นนี้”
หลี่รั่วอวี๋เดิมทีเล่นอยู่ดีๆ พอถูกท่านแม่ดึงตัวเช่นนี้ ขอบตาก็แดงเรื่อทันที
ในตอนนั้นเอง ฉู่จิ้งเฟิงก็ยืนขึ้นและพูดกับฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ว่า “ไม่เป็นไร อย่าตำหนิคุณหนูรองเลย วันนี้พาพี่สาวมาก็เพื่อแสดงความจริงใจของข้า ถ้าไม่ได้แต่งกับคุณหนูรอง ข้าคงต้องกอดความเสียใจไปชั่วชีวิตแน่นอน ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ไม่จำเป็นต้องรีบตัดสินใจ ให้ผ่านไปอีกสักหลายวันค่อยปรึกษากันอีกที วันนี้นำของขวัญจำนวนหนึ่งมาให้ หวังว่าฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จะยินดีรับไว้”
เขาพูดจบก็ไม่รอให้ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ตอบ กล่าวลาและเดินออกประตูใหญ่ไป
ท่านหญิงไหวอินก็กล่าวลาฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เช่นกัน ก่อนจะถูกส่งไปนอกคฤหาสน์อย่างนอบน้อม
หลังขึ้นรถม้าและออกเดินทางมาครู่หนึ่ง ท่านหญิงไหวอินจึงพลิกเปิดม่านรถม้าพลางพูดกับน้องชายที่ขี่ม้าอยู่ด้านข้าง “เดิมคิดว่าสกุลหลี่นั่นต้องตอบตกลงแน่นอนจึงได้ยอมมาพร้อมกับเจ้า ไม่คิดว่าเกือบจะถูกปฏิเสธฉีกหน้ากลับมา จิ้งเฟิง เจ้าอยากจะแต่งหญิงสมองเสื่อมผู้นั้นเป็นภรรยาจริงหรือ นี่เป็นเรื่องใหญ่ทั้งชีวิต จะทำเป็นเล่นแบบเด็กๆ ไม่ได้นะ!”
น้องชายที่นั่งอยู่บนหลังม้าไม่ได้ตอบคำ ท่าทางยังคงเย็นชาเหมือนเดิม แต่ริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นเป็นคำตอบว่าสิ่งที่เขาตัดสินใจไม่จำเป็นต้องสงสัย
ท่านหญิงไหวอินทำอะไรน้องชายผู้นี้ไม่ได้ จึงถอนหายใจแล้วปล่อยม่านรถลง
ฉู่จิ้งเฟิงหลุบตาลง จับเชือกบังคับด้วยมือเดียว อีกมือหนึ่งบีบคลึงลูกบ๊วยที่ถูกแช่น้ำไว้จนกลม
นี่เป็นลูกบ๊วยที่หลี่รั่วอวี๋พ่นออกมาเมื่อครู่ เขาวางมันไว้กลางริมฝีปากบาง ก่อนจะบดเบาๆ ลูกบ๊วยที่แช่น้ำชาจนบวมเป่งกัดผิวนอกออกแล้วก็สามารถดูดกินน้ำรสเปรี้ยวๆ ข้างในได้ รสชาตินั้นโลดแล่นอยู่ระหว่างริมฝีปากกับฟัน ราวกับว่าลิ้นเล็กที่เคยชิมก่อนหน้านี้ยังเกี่ยววนอยู่กับเขา…
วันนี้มาถึงบ้านแต่กลับเกือบถูกปฏิเสธ ทว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็อยู่ในการคาดการณ์ของเขาอยู่แล้ว จึงได้ขอตัวกลับก่อนที่ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จะเอ่ยปฏิเสธออกมาตรงๆ
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ผู้นั้น แค่มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่หญิงที่ฉลาดเฉลียวอะไร หากถูกแม่สื่อฝีปากดีคนใดมาทำให้เผลอตกปากรับคำ เช่นนั้นลูกบ๊วยที่เขาหมายปองมานานเม็ดนั้นไม่ต้องตกไปอยู่ในปากของผู้อื่นหรือ
จุดประสงค์การมาในครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อกอดสาวงามกลับไปในคราเดียว ที่เขาเลือกใช้ขบวนรถม้าหรูหราในการเดินทางมาครั้งนี้ก็เพื่อประกาศให้แม่สื่อที่มารบกวนนางไม่หยุดรู้ว่าคุณหนูรองสกุลหลี่ถูกซือหม่าแห่งต้าฉู่หมายตาไว้แล้ว ผู้อื่นอย่าได้มารบกวนอีก!
สำหรับเรื่องราวขั้นต่อไปนั้น ฉู่จิ้งเฟิงมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว หญิงที่เดิมทีคิดว่าชาตินี้คงต้องปล่อยมือไปด้วยความเสียใจ แต่นางบุกมาตรงหน้าเขาอีกครั้ง เช่นนั้นก็โทษเขาไม่ได้ที่จะ…
คิดถึงตรงนี้ ฉู่จิ้งเฟิงก็ออกแรงกลืนลูกบ๊วยในปากลงไป ลูกกระเดือกที่คอขยับขึ้นลงเล็กน้อย
ข่าวฉู่ซือหม่านำท่านหญิงไหวอินมาทาบทามสู่ขอคุณหนูรองหลี่ถึงบ้านนี้ลือกันไปอย่างดุเดือดและรวดเร็วยิ่ง เวลาในการนั่งคุยกันหลังอาหารของชาวเมืองเหลียวเฉิงลากยาวขึ้นโดยไม่ต้องเพิ่มแตงดอง แค่หัวข้อที่ว่าบุตรสาวสมองเสื่อมของสกุลหลี่ทาบทามสู่ขอได้ยากก็เพียงพอจะกินข้าวได้สามชามแล้ว
น่าเสียดายที่ใช่ว่าอาหารเย็นของทุกบ้านจะสำราญเช่นนี้ เพราะบนโต๊ะอาหารคฤหาสน์สกุลเสิ่นดูเคร่งเครียดอย่างมาก
หลังเทชากวนอินหนึ่งถ้วยแล้ว หลี่เสวียนเอ๋อร์ก็วางถ้วยชาไว้ตรงหน้าเสิ่นหรูป๋อที่ไม่ขยับตะเกียบเลย ก่อนจะพูดเสียงเบาว่า “ท่านพี่ อาหารไม่ถูกปากหรือ จะให้ทางครัวทำหมูสับผัดเต้าหู้ยี้มาราดข้าวดีหรือไม่”
เสิ่นหรูป๋อไม่ได้ช้อนตาขึ้นมองนาง เพียงแค่วางตะเกียบไม้ดำสลักลายลงบนที่วางตะเกียบ แล้วบอกฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นว่ากินอิ่มแล้วขอตัวก่อน จากนั้นก็ลุกออกจากโถงอาหารไปทันที
ฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นเหลือบมองหลี่เสวียนเอ๋อร์อย่างไม่พอใจแวบหนึ่ง ลูกสะใภ้ผู้นี้ไม่มีจุดใดเป็นที่น่าพอใจเลย คนเป็นเจ้าบ่าวหลังจากแต่งงานแล้วต้องมีหน้าตาชื่นบานไม่ใช่หรือ เหตุใดบุตรชายของตนจึงดูไม่มีความยินดีแม้แต่น้อย
หลี่เสวียนเอ๋อร์ผู้นี้ก่อนแต่งเข้ามาก็ตั้งท้องมาก่อน เพื่อดูแลครรภ์ แม้แต่ในคืนแต่งงานบุตรชายก็ยังต้องไปอยู่ที่ห้องหนังสือ ตอนนี้มีข่าวลือว่าหญิงสมองเสื่อมถูกซือหม่าหมายตา สีหน้าของบุตรชายก็ยิ่งเคร่งเครียด…
คิดถึงตรงนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นจึงขมวดคิ้วพูดว่า “เจ้าก็อย่ากินเลย รีบไปดูหรูป๋อ คนเป็นภรรยา ต้องปลอบให้สามีเบิกบานใจจึงจะถูก…”
Comments
