14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน วาสคนเขลา
ฉู่จิ้งเฟิงนั่งอยู่บนหลังม้าเห็นดังนั้นมุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย
เดินทางไปได้ครึ่งทาง ฟ้ากลับไม่เข้าข้าง เกิดฝนตกหนัก ถนนเต็มไปด้วยดินโคลน ล้อรถม้าตกลงไปอยู่ในหลุมโคลน
โชคดีที่ไม่ไกลจากทางหลวงมีกระท่อมแห่งหนึ่งพอให้พักผ่อนได้ ฉู่จิ้งเฟิงเห็นฝนเม็ดโตเท่าเม็ดถั่วตกลงบนหลังคารถม้า ทางไกลข้างหน้าก็มีเมฆดำครึ้ม รู้ว่าฝนครั้งนี้ไม่มีทางหยุดในเร็วๆ นี้ จึงเอ่ยปากเชิญฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ให้พาหลี่รั่วอวี๋ไปหลบฝนชั่วคราวในกระท่อมนั้นก่อน
ในตอนที่รถม้าหลุดจากหลุมโคลนมาถึงหน้ากระท่อมอย่างไม่ง่ายนัก หลี่รั่วอวี๋เป็นคนแรกที่อยากลงจากรถม้า นางอยู่ในรถม้าที่อากาศไม่ถ่ายเทมากว่าหนึ่งชั่วยามแล้ว จึงรู้สึกอึดอัดจนทนไม่ไหว
แต่เท้ายังไม่แตะพื้นก็ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งจับเอาไว้แน่น หลี่รั่วอวี๋ช้อนตามองไป ที่แท้ชายผมเงินนั่นโน้มตัวมากุมข้อเท้านางไว้ วันฝนตกแม้จะมีความเย็น แต่บริเวณที่ถูกฝ่ามือเหล็กนั้นกุมไว้กลับร้อนระอุ ตอนเขาโน้มตัวเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย บนใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยหยดน้ำฝน ทำให้โครงหน้ายิ่งดูเด่นชัด…
เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ออกแรงดึงก็ยังดึงบุตรสาวซุกซนเอาไว้ไม่อยู่ ตอนนี้นางกลับเหมือนลูกงูที่ถูกบีบจุดสำคัญ นั่งตัวแข็งไร้ทางช่วยอยู่บนพื้นรถ มองหยดน้ำที่เกาะอยู่บนขนตาของเขาอย่างเหม่อลอย
ในตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ยื่นหน้าออกมาจากหลังม่านรถ ฉู่จิ้งเฟิงก็คลายมือใหญ่อย่างรู้กาลเทศะ แล้วถอดเสื้อคลุมบนตัวออกมา ปูไปบนทางเล็กหน้ารถม้าที่เต็มไปด้วยดินโคลน จากนั้นจึงพูดว่า “เชิญคุณหนูรองค่อยๆ ลงรถ”
สาวใช้ข้างรถม้ากางร่มบังไว้บนหัวของคุณหนูรองหลี่นานแล้ว ส่วนรองเท้าปักคู่สวยบนเท้างามก็เหยียบไปบนเสื้อคลุมเนื้อดี นางจึงไม่เปื้อนน้ำฝนและดินโคลนแม้แต่น้อย
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่กลับมีมุมมองกับซือหม่าผู้นี้เปลี่ยนไปเล็กน้อย… แม้ดูผิวเผินจะเป็นคนเย็นชาพูดน้อย แต่แท้จริงแล้วเป็นคนละเอียดอ่อนเข้าใจคนยิ่งนัก
หลังจากเข้าไปในกระท่อมก็มีองครักษ์จุดตะเกียงน้ำมันไว้แล้วพร้อมกับพรมน้ำอ้ายเฮา* ที่ใช้ไล่ยุงและแมลง จุดเตากำยาน ยกเก้าอี้พับมาสามตัวและโต๊ะเล็กที่ใช้วางน้ำชาผลไม้ แล้วเตรียมพรมขนแกะที่ใช้คลุมตัวกันหนาวเอาไว้ด้วย นอกจากสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติสองคนแล้ว พวกองครักษ์ผู้ติดตามล้วนไปหลบฝนอยู่ใต้ชายคาด้านนอก
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กลัวหลี่รั่วอวี๋จะเป็นหวัด จึงให้นางกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเก้าอี้พับ ถอดรองเท้าออก แล้วใช้พรมห่อตัวนางไว้แน่น จากนั้นก็ล้มตัวลงบนเก้าอี้อีกตัวหนึ่งโดยมีสาวใช้คอยปรนนิบัติ นั่งโยกเยกบนรถม้ามานาน ต้องผ่อนคลายช่วงเอวเสียบ้าง
เพียงชั่วครู่ในกระท่อมเล็กแห่งนี้ก็เงียบสนิท ได้ยินเพียงเสียงฝนตกพรำๆ ด้านนอก และเสียงน้ำเดือดปุดๆ ที่ดังมาจากกาน้ำเล็กบนเตาถ่าน
หลี่รั่วอวี๋ถูกท่านแม่กดตัวให้นอนบนเก้าอี้พับที่ทำจากหนังวัว ดวงตาโตกะพริบปริบๆ พลางหันมองไปยังม่านฝนตรงประตู แล้วชำเลืองดูฉู่จิ้งเฟิงที่นั่งอยู่ไม่ไกล เขาไม่ได้กึ่งนั่งกึ่งนอนเหมือนท่านแม่ แต่นั่งบนเก้าอี้พับ ในมือถือท่อนไม้ท่อนหนึ่งที่ใช้เผาให้ความอบอุ่นที่กองอยู่กลางห้อง ใช้มีดสั้นที่ดูประณีตเล่มหนึ่งเหลาไม้ไม่หยุด มองดูเศษไม้ที่ตกอยู่ข้างเท้าเขาแล้ว ดวงตาคู่โตของหลี่รั่วอวี๋ค่อยๆ หยุดนิ่ง รู้สึกว่าหนังตาค่อยๆ หนักขึ้น ไม่นานก็จมสู่ห้วงทะเลสาบลึกดำที่มองไม่เห็นก้นน้ำแห่งหนึ่ง…
ในความมืดดำนั้น นางเดินไปอย่างงุนงง รู้สึกเหมือนใกล้จะหายใจไม่ออก ในตอนที่นางอึดอัดแทบขาดใจนี้ จู่ๆ นางก็เดินสะดุด ร่างเซไปข้างหน้าหลายก้าว ตรงหน้ากลับสว่างขึ้นทันใด พื้นใต้ร่างไหวเป็นระลอกคลื่น นางอยู่บนเรือใหญ่ลำหนึ่ง
เสียงคลื่นน้ำและความรู้สึกของลมที่พัดผ่านแก้มช่างคุ้นเคยเป็นพิเศษ รู้สึกขึ้นมารางๆ ว่าเลือดทั่วกายร้อนระอุ ทอดสายตามองไปไกลท่ามกลางลมทะเล มองไปยังจุดที่น้ำกับฟ้ามาบรรจบกัน ราวกับว่าได้เห็นอาทิตย์ขึ้นอาทิตย์ตก ณ ตรงนั้นมานับครั้งไม่ถ้วน…
แต่สิ่งที่ผ่านเข้ามาในม่านตากลับเป็นสีเลือดสดทั่วฟ้าที่แสบตายิ่งกว่าตะวันแดงเสียอีก… ยังมีชายหนุ่มที่เหมือนมังกรทะลวงคลื่นอยู่ในม่านสีเลือดนั้น เห็นเพียงร่างของเขาแข็งแรงและปราดเปรียว กระบี่ยาวกวัดแกว่ง เลือดเนื้อที่ถูกเฉือนฟันหลุดแยกจากกันราวใบไม้ร่วง…
หลี่รั่วอวี๋เห็นหน้าตาของเขาไม่ชัด ทำได้เพียงยืนตัวเกร็งเหม่อมองดวงตาสีแดงเลือดของชายหนุ่มค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้นาง มองเขาใช้กระบี่เย็นเยือกแทงตรงมาที่ท้องของนาง ชั่วขณะนั้นความเจ็บของเนื้อที่ถูกเฉือนกระจายไปทั่วร่าง… นางถึงขั้นสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ากลิ่นอายเย็นเยือกที่ส่งผ่านมาจากตัวชายผู้นั้นคือ… ไอสังหารที่ไม่ได้ปกปิดแต่อย่างใด
หลี่รั่วอวี๋ทำได้เพียงหลั่งน้ำตา เจ็บจนพูดอะไรไม่ออก ในตอนที่นางลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้พับ มือใหญ่คู่หนึ่งจับตัวนางไว้ได้พอดี มีเสียงหนึ่งพูดว่า “รั่วอวี๋ ตื่นๆ เป็นอะไรไป” นางลืมตาขึ้นทันใด จึงพบว่าท่านแม่กำลังกดไหล่ของนางแล้วถามอย่างเป็นห่วง ที่แท้เป็นเพราะพรมบนตัวรัดแน่นจนเกินไป มิน่าเล่าในฝันนางจึงหายใจไม่ออก
หลี่รั่วอวี๋แววตาเหม่อลอย ผ่านไปครู่ใหญ่จึงดึงสติคืนมาได้ ก่อนจะแกะพรมบนตัวออก จากนั้นก็ทำท่าจะปลดเสื้อตนเอง นางอยากจะดูว่าท้องของตนเองมีรอยแผลจากกระบี่หรือไม่
แต่ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่กลับไม่รู้ว่าหลี่รั่วอวี๋ทำไปเพื่ออะไร คิดว่าอาการของนางคงกำเริบ จึงรีบกดมือของนางเอาไว้ “เด็กดี ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในบ้าน ปลดเสื้อผ้าตอนนี้ไม่ได้!”
หลี่รั่วอวี๋มองไปโดยรอบอย่างงุนงงก็เห็นเขาที่ยืนอยู่ข้างหลังท่านแม่ ร่างของนางแข็งเกร็งไปทันที ฉุกคิดได้ว่าเขา… เหมือนปีศาจร้ายในฝันนั้น มีดวงตาสีแดง…
Comments
