14 วัน 14 เรื่อง
ทดลองอ่าน วาสคนเขลา
เดิมทีการเดินทางกลับบ้านเจ้าสาวครั้งนี้วางแผนไว้อย่างดีเยี่ยม ในตัวรถม้าเล็กๆ นี้ตกแต่งได้เหมาะสมยิ่ง เดินทางโคลงเคลงไปถึงเมืองเหลียวเฉิง ขังนางเอาไว้แต่ในตัวรถ สะดวกแก่การลงมือ เป็นการเปิดโลกบางอย่างให้แก่นาง และนับว่าเป็นการปลอบใจให้กับความ ’คิดถึง’ ของตนเอง
แต่การตีสามทีนั้นทำให้แผนการอันงดงามสลายไปหมดสิ้น หญิงสาวที่เดิมทียังยอมให้เขาจูบ ตอนนี้กลับมีท่าทีตื่นตระหนกเหมือนสัตว์ป่าวิ่งหนีน้ำ ทำให้เขารู้สึกโมโหมาก… คิดถึงที่นางพูดเมื่อครู่ว่าจะไปจากเขา เขาจึงทำการรุนแรง ยึดลิ้นเล็กของนางไว้ไม่ยอมปล่อย หลอกล่อให้ลิ้นหวานนั้นสอดเข้ามาในปากของเขา จากนั้นตวัดดูดดึง จนกระทั่งร่างเล็กแข็งเกร็งในอ้อมกอดค่อยๆ อ่อนลง กลายเป็นน่ากินยิ่งขึ้น
หลี่รั่วอวี๋ถูกชายหนุ่มจุมพิตจนไร้เรี่ยวแรง ทำได้เพียงอ่อนพับอยู่ในอ้อมกอดของเขา ในจมูกล้วนมีแต่กลิ่นน่าดมจากตัวเขา นางไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด พอชายหนุ่มกินปากของนาง ตัวนางจะไร้เรี่ยวแรง หรือเขาจะเป็นปีศาจในหนังสือภาพของน้องชายที่มาดูดปราณของคนโดยเฉพาะ
ฉู่จิ้งเฟิงไม่รู้ว่าในใจหญิงงามคิดไปส่งเดชเช่นนั้น รู้สึกเพียงว่าจุมพิตจนไฟราคะลุกโชน แต่เพราะเดินทางไกล ใต้กระโปรงของหลี่รั่วอวี๋จึงสวมกางเกงขาสอบเพื่อสะดวกในการเดินทางผ่านป่า จะได้ไม่มียุงหรือแมลงบินเข้ามา แต่กางเกงแบบนี้ลวนลามได้ไม่ค่อยสะดวก มือของฉู่จิ้งเฟิงที่บีบคลึงทรวงอกสาวงามจึงค่อยๆ เลื่อนลงต่ำ สอดเข้าไปในกระโปรงซ้อนหลายชั้น ลูบไปตามเรียวขาผ่านกางเกงกั้น ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนสูงขึ้น…
แม้จะโง่ทึ่มไป แต่ความรู้สึกของความเป็นหญิงยังคงอยู่ ส่วนที่ถูกแตะย่อมมีปฏิกิริยาตอบสนอง หลี่รั่วอวี๋รู้สึกร้อนรนใจจึงออกแรงข่วนหน้าฉู่จิ้งเฟิง
รอยเก่าบนหน้าฉู่จิ้งเฟิงยังไม่จาง จะเติมรอยใหม่อีกไม่ได้ เขาจึงชักมือออกจากใต้กระโปรงมาคว้าข้อมือนางเอาไว้
หลี่รั่วอวี๋ถูกเขาลูบส่วนต้องห้าม ไม่รู้ว่าเหตุใดใบหน้าจึงร้อนผ่าว แต่ร่างของชายหนุ่มร้อนยิ่งกว่า เขาพาดอยู่บนตัวนางพลางหายใจหอบ หลี่รั่วอวี๋ช้อนตามองไปอย่างสงสัย กลับพบว่าเขาหลับตาแน่น รับรู้ว่านางไม่ขัดขืนอีกแล้ว จึงพลิกตัวไปนอนอยู่ข้างกายนาง
หลี่รั่วอวี๋ดึงกระโปรงพลางพลิกตัวมาทับแผ่นอกของเขา ในตอนนี้แสงแดดส่องเข้ามาในรถ ส่องกระทบใบหน้าของเขา จมูกโด่งสูง และริมฝีปากบางล้วนน่าดูมาก ยังมีดวงตาที่ปิดสนิทนั้น…
หลี่รั่วอวี๋สงสัยว่าเหตุใดเขาจึงอยากจะจูบนาง จึงใช้ปากเล็กจูบแก้มและปลายจมูกของเขาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็แตะที่ริมฝีปากเขาราวผีเสื้อเกาะ รู้สึกว่ามันก็เท่านี้ ไม่เห็นมีรสชาติหวานเป็นพิเศษอะไรเลย
ฉู่จิ้งเฟิงนอนนิ่งอยู่กับที่ปล่อยให้นาง ‘ลวนลาม’ แต่พยายามสะกดไฟปรารถนาที่คนร่างเล็กเป็นคนปลุกปั่นนั้นให้สงบลง แม้จะไม่ส่องกระจก เขาก็รู้ว่าดวงตาประหลาดของเขาคงเปลี่ยนสีไปอีกแล้ว ทั้งยังเห็นว่าใกล้จะเข้าเมืองเหลียวเฉิงแล้ว หากทำให้หลี่รั่วอวี๋ตกใจร้องไห้อีก คงไม่ต้องเข้าบ้านแม่ยายจริงๆ แล้ว
พอเข้าเมืองเหลียวเฉิง รถม้าก็ลดความเร็วลง เมืองเหลียวเฉิงไม่ใหญ่ ชาวเมืองมีชีวิตเรียบง่าย เพิ่งกินเลี้ยงที่อุดมสมบูรณ์ของซือหม่าไป รสชาติสุราและเนื้อชั้นดีในปากยังไม่ทันจางหาย จะไม่นึกถึงความดีของคนเขาได้อย่างไร เมื่อเห็นขบวนรถหรูหราเข้าเมืองมาก็เดาได้ว่าซือหม่าพาเจ้าสาวคนใหม่กลับมาเยี่ยมบ้านเกิด
เพียงชั่วครู่เด็กกลุ่มหนึ่งก็วิ่งตามขบวนรถกันอย่างสนุกสนาน สองฟากถนนมีชาวบ้านเบียดกันมาแสดงความยินดี ราวกับมาต้อนรับเขยของคนเมืองเหลียวเฉิงทั้งเมือง
ไปถึงหน้าประตูใหญ่ ฉู่จิ้งเฟิงก็สั่งการพ่อบ้านที่สอบถามประเพณีของเมืองเหลียวเฉิงมาอย่างดี ให้มอบเงินขวัญถุงให้กับพวกเด็กๆ ที่วิ่งตามหลังรถ
เงินขวัญถุงสำหรับการแต่งงานนี้ปกติแล้วให้คนละหนึ่งอีแปะก็พอ แต่พ่อบ้านกลับให้ทองเท่าเมล็ดถั่ว ไม่ว่าผู้ใดก็มีสิทธิ์ได้ ทำให้ทุกคนพากันโจษจันว่าคุณหนูรองหลี่แต่งเข้าบ้านคนมีฐานะสูงศักดิ์แล้วจริงๆ!
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่สั่งให้คนสาดน้ำล้างทางไว้แต่เช้า รอให้บุตรเขยพาบุตรสาวคนรองกลับมาเยี่ยมบ้าน
ก่อนเข้าเมือง ฉู่จิ้งเฟิงให้หล่งเซียงแต่งหน้าให้คุณหนูใหม่ จัดแต่งเสื้อผ้ากระโปรงให้เรียบร้อย ในตอนนี้ลงจากรถม้าก็กลายเป็นฮูหยินน้อยที่มีความงามสง่า
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่มองดูบุตรสาวเรียก “ท่านแม่” อย่างเบิกบานใจ ท่าทางผิวพรรณเนียนนุ่มอมชมพู หัวใจที่ลอยคว้างก็วางลงได้ครึ่งหนึ่ง เรียกให้บุตรสาวกับฉู่ซือหม่าบุตรเขยสูงศักดิ์ล้างมือเข้าบ้านอย่างสบายใจ
เพราะกลับมาบ้านเกิด บุตรสาวจะนอนห้องเดียวกับบุตรเขยไม่ได้ จะได้ไม่นำเอาโชคลาภของบ้านเกิดไปด้วย ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จึงจัดให้ฉู่จิ้งเฟิงนอนในห้องหลักที่ว่างโล่งห้องหนึ่งในคฤหาสน์ ส่วนบุตรสาวคนรองนอนในห้องเดิมของนางตอนที่ยังไม่แต่งงาน
รอตกกลางคืน ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่จึงหาเวลาว่างเข้าห้องไปพูดคุยกับบุตรสาวคนรอง
หลี่รั่วอวี๋เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ สวมชุดลำลองสีกลีบบัว นั่งอยู่ข้างแท่นไม้คล้องนกเล่นกับนกแก้วจี๋เฟิง ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เดินเข้าไปโอบตัวบุตรสาวคนรอง หลังจากถามเรื่องอาหารการกินสองสามวันนี้ที่เมืองซูเฉิงแล้ว นางก็มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นสาวใช้แปลกหน้าที่คอยปรนนิบัติบุตรสาวสองสามคนนั้นไม่อยู่จึงลอบถามว่า “ซือหม่าดีกับลูกหรือไม่”
หลี่รั่วอวี๋คิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า แล้วส่ายหน้าอีกครั้ง
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่เอ่ยถามขึ้นทันที “หมายความว่าอย่างไร”
หลี่รั่วอวี๋ตอบว่า “พี่ฉู่บอกว่าวันหน้าจะให้ข้าไปหอเรียน เป็นเรื่องดี แต่เขาตีข้า เป็นเรื่องไม่ดี”
ฮูหยินผู้เฒ่าหลี่ฟังถึงตรงนี้ก็ตกใจใหญ่ รีบดึงตัวบุตรสาวมาตรวจดูทั่วตัวแล้วถามอย่างตื่นตระหนก “เขาตีเจ้าที่ใด”
หลี่รั่วอวี๋ชี้ไปที่ฝ่ามือของตนเอง แล้วไม่ลืมที่จะพูดเสริมว่า “เขาไม่เพียงตีข้า…ยังตีบ่าวไพร่ด้วย กักขฬะอย่างมาก”
Comments
